เพียงไม่กี่นาทีคล้อยหลังเด็กๆ คนที่อรรถรอก็เข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรม น่าแปลกเหลือเกินที่รอเพียงไม่กี่นาทีแต่ชายสูงวัยกลับรู้สึกเหมือนรอนานเป็นปี แต่ละวินาทีผ่านไปช้าเหลือเกิน
"สวัสดีครับท่าน" ผู้มาใหม่เดินเข้ามาไหว้อรรถอย่างนอบน้อม
"สุวรรณ ช่วงที่นายเป็นตัวแทนเจรจาระหว่างลูกชายของฉันกับนีรา มีเรื่องไหนที่อยู่นอกสายตาฉันบ้าง" เขาถามทันที
"ไม่มีเลยครับท่าน พวกเขาสื่อสารกันว่าอย่างไรผมก็รายงานท่านหมดและทำทุกอย่างที่ท่านแนะนำไม่มีขาดตกบกพร่อง"
สุวรรณเคยเป็นผู้ช่วยเก่าที่อรรถส่งต่อให้ไปเป็นมือขวาของลูกชายเพื่อช่วยในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวตั้งแต่แปดปีที่แล้ว ตอนนี้ภรรยาของสุวรรณได้ทุนไปเรียนปริญญาเอกที่แคนาดา เธอสามารถทำวีซ่าติดตามให้สามีและพาลูกๆ ไปเรียนที่นั่นได้ฟรีสุวรรณจึงขอลาออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ
ก่อนสุวรรณจะเดินทางอรรถเรียกอีกฝ่ายมารับเงินก้นถุงที่เขาจะให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากค่าจ้าง บิดาของอัครวัตรจึงได้โอกาสถามในเรื่องที่สงสัย
"ห้าปีที่ผ่านมา นีราเคยตั้งครรภ์ไหม"
"ทำไมท่านถึงถามแบบนั้นล่ะครับ"
"ฉันแค่สงสัย"
"ห้าปีมานี้เธอไม่ได้ตั้งครรภ์แน่นอนครับ" สุวรรณยืนยัน
อรรถรู้ว่าสุวรรณไม่ได้โกหก ถ้าสิ่งที่เขาเดาเป็นเรื่องจริงก็คงเป็นนีนนีรามากกว่าที่ปกปิดบางอย่างไว้ เขายื่นเช็คเงินสดมูลค่าเจ็ดหลักให้ลูกน้องเก่า "อันนี้เงินก้นถุงไว้ตั้งตัว ขอบใจนายที่ช่วยงานฉันมาตลอด ขอให้นายโชคดีนะ"
"ขอบคุณครับท่าน" สุวรรณมีสีหน้าซาบซึ้งใจ ก่อนหน้านี้อัครวัตรก็มอบเงินพิเศษให้เขาเช่นกัน ถ้าเป็นเรื่องงานสองพ่อลูกเป็นเจ้านายที่ใจดีแต่เรื่องชีวิตส่วนตัวสุวรรณไม่ขอวิจารณ์
หลังจากที่คุยกับลูกน้องเก่าและอวยพรอีกฝ่ายจนกระทั่งแยกย้ายกันแล้ว อรรถก็ตัดสินใจจ้างนักสืบให้หาข้อมูลมาให้เขาเป็นการด่วน
เด็กที่บอกว่าตัวเองเป็นลูกชายของนีนนีราต้องเป็นหลานของเขาแน่นอน อรรถมั่นใจ!
นีนนีราคาดไม่ถึงว่าเรื่องที่เธอหลอกน้องไนน์ว่าที่ทำงานของตัวเองอยู่ข้างโรงเรียนเขาจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลัง!
ตอนนั้นเธอแค่โกหกเพื่อให้ลูกชายสบายใจกับโรงเรียนแห่งใหม่เท่านั้น แต่พอรู้ว่ามันเกิดเรื่องขึ้นเพราะลูกชายไม่เคยลืมคำพูดส่งๆ ของตนหญิงสาวก็ตั้งใจว่าหลังจากนี้เธอจะพูดความจริงกับน้องไนน์เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ไม่นานนักเธอยังสัมภาษณ์งานแบบตัวต่อตัวกับเชฟไทกิ เพื่อลูกชายสุดที่รักเธอทำรถอ้อยคว่ำต่อหน้าเชฟหนุ่มไปหลายหน แต่สุดท้ายเธอก็หมดสมาธิอ่อยอีกฝ่ายเพราะระหว่างสัมภาษณ์ต้องแบ่งสมองอีกซีกมากังวลเรื่องที่คุณครูแจ้งมาว่าลูกชายเธอกับเพื่อนหนีออกจากโรงเรียนไปตามหาเธอที่โรงแรมอมราวดี แกรนด์ ปทุมวัน!
ให้ตาย เธอไม่คิดว่าตึกที่ชี้มือไปมั่วๆ ไปนั้นคือโรงแรมสาขาใหม่ของพ่อน้องไนน์
เมื่อเลิกงานมาแล้วหญิงสาวก็รีบไปคุยกับผู้ปกครองของเพื่อนร่วมแก๊งลูกชาย เธอกำลังจะขอโทษ แต่พ่อแม่ของน้องบีกับพ่อแม่ของฝาแฝดวินนี่วิกกี้กลับขอโทษเธอก่อน สุดท้ายผู้ปกครองต่างก็ให้กำลังใจกันเพราะต่างก็รู้ว่าลูกของพวกตนแสบแค่ไหน มันก็จริงอยู่ว่าทางโรงเรียนหละหลวมเรื่องล็อกประตูขนขยะแต่ใครจะไปคิดว่าเด็กพวกนี้จะกล้าหนีออกจากโรงเรียน
หลังจากอบรมและบอกเหตุผลที่พวกเขาไม่ควรหนีออกนอกโรงเรียนให้เด็กๆ เข้าใจแล้วพวกเธอก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ตอนที่พาลูกออกมาจากโรงเรียนนีนนีราแทบจะไม่มีสมาธิขับรถ หัวใจของเธอว้าวุ่นไปหมด
เธอไม่ได้กลัวลูกกับพ่อเจอกัน ไม่ได้กลัวว่าเขาจะรู้เรื่องลูก สิ่งที่นีนนีราหวาดหวั่นที่สุดก็คือกลัวว่าความจริงจะกระทบความรู้สึกของน้องไนน์
นีนนีราหันมามองลูกชายในช่วงที่รถติด เรื่องหนีเรียนเด็กๆ โดนอบรมมาพอแล้วเธอเลยไม่ซ้ำเติมมาก แต่เรื่องสาเหตุที่หนีเรียนเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงก่อนดี หญิงสาวได้ยินเพื่อนน้องไนน์บอกว่าที่พวกเขารีบออกไปหาเธอเพราะว่าน้องไนน์มีความจำเป็นเร่งด่วนเลยพากันออกจากโรงเรียนตอนนั้นเลย
"แม่ครับ แม่โกรธไนน์ที่ออกไปหาแม่เหรอครับ ไนน์ขอโทษ"
เธอหลุดจากภวังค์แห่งความกังวลเมื่อเจ้าก้อนเอ่ยบอก
"น้องไนน์สัญญาแล้วนะว่าจะไม่พากันแอบหนีออกไปข้างนอกอีกแล้ว"
"ครับ" เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก
"งั้นลูกจะบอกแม่ได้หรือยังว่าเรื่องด่วนที่ลูกอยากออกไปคุยกับแม่คือเรื่องอะไร"
นีนนีราถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะตอนที่อยู่โรงเรียนเธอถามว่าลูกไปหาทำไมแล้วน้องไนน์บอกว่ามีธุระเรื่องพ่อ!
พอออกมาอยู่กันตามลำพังเธอจึงเริ่มคุยทั้งที่ในใจหวาดหวั่น
"ไนน์อยากถามเรื่องของพ่อ"
แม้ว่าเธอจะเกร็งกับคำพูดนั้นแต่นีนนีราก็ยิ้มให้ลูกชาย
"ได้สิ ไนน์อยากรู้อะไรล่ะลูก"
"พ่อของไนน์ยังไม่ตายใช่ไหมครับ"
นีนนีราไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ลูกชายตั้งคำถามเช่นนี้ แต่เธอเพิ่งสัญญากับตัวเองไปหยกๆ ว่าจะไม่โกหกลูกชาย หญิงสาวจึงเลือกที่จะพูดความจริงกับลูก
"ใช่จ้ะ พ่อของไนน์ยังไม่ตาย แม่กับพ่อแค่แยกกันอยู่ครับ"
ดวงตาของเด็กชายเป็นประกาย เขายังไม่ทันเห็นดวงตาแดงก่ำของมารดาเพราะหญิงสาวมองไปยังท้องถนน น้องไนน์มีความหวังว่าแม่กับพ่ออาจจะเข้าใจกันแล้วเขาจะได้พ่อกลับคืนมา
"ถ้าอย่างนั้นแม่พาไนน์ไปเจอพ่อได้ไหมครับ"
"ได้สิลูก"
น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังเช่นนั้น เธอจะปฏิเสธได้ลงหรือ...
"พรุ่งนี้ แม่จะพาไปเจอพ่อ"
เธอย้ำกับน้องไนน์อีกครั้ง นีนนีราไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องลูกที่เธอเคยปกปิดมาตลอดจะต้องมาเปิดเผยกับพ่อของลูกในวันที่พวกเธอนัดกันไปเซ็นใบหย่า
ความต้องการของน้องไนน์มาที่หนึ่ง ถ้าน้องไนน์อยากมีพ่อเธอก็จะไม่ห้าม เมื่อวานแม่อุ้ยเพิ่งสอนเธอว่าอย่าคิดแทนลูก ถึงอัครวัตรเป็นสามีที่แย่มันก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นพ่อที่ไม่ดี ถ้าน้องไนน์เลือกที่จะมีพ่อในชีวิตเธอก็ไม่ควรขัดขวาง
นีนนีราจะไม่ปกปิดเรื่องน้องไนน์อีกต่อไปแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด