ในขณะที่นีนนีรากำลังมองหาใครสักคนที่จะทำให้ลูกชายของตัวเองมีความสุข ฝั่งลูกชายของเธอก็ไม่อยากให้คุณแม่สุดที่รักต้องเหนื่อยเกินไป
น้องไนน์คิดเอาไว้ว่าเขาจะหาพ่อใหม่ด้วยตัวเอง
ณ ลานกิจกรรมของโรงเรียนมีเด็กวัยอนุบาลหลายคนวิ่งเล่นเพราะเวลานี้เป็นชั่วโมงปล่อยให้เล่นอย่างอิสระ คุณครูและพี่เลี้ยงนั่งอยู่ทางเข้าสนามเด็กเล่นคอยจับตาดูอยู่ห่างๆ
ตรงส่วนท้ายๆ สนามที่ค่อนข้างลับตาคนมีกลุ่มเด็กอนุบาลกำลังสุมหัวกันอยู่ เพราะวันก่อนน้องไนน์เอ่ยถามวินนี่กับวิกกี้เรื่องพ่อใหม่อย่างจริงจังทำให้สองแฝดอยากช่วยเพื่อน พอสบโอกาสพวกเขาจึงรวมตัวเพื่อประชุมเกี่ยวกับภารกิจนี้
วันนี้น้องไนน์มีเพื่อนสนิทเพิ่มอีกคนชื่อน้องบี เด็กหญิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของวินนี่กับวิกกี้ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศแล้วมาเรียนในวันนี้สองแฝดจึงแนะนำให้บีและน้องไนน์รู้จักกัน
ในขณะที่เด็กคนอื่นวิ่งเล่นไล่จับสนุกสนาน เด็กน้อยกลุ่มนี้ก็พยายามระดมความคิดเพื่อวางแผนหาพ่อใหม่ให้เพื่อน
"เมื่อวาน เราถามแม่ว่าพ่อตายแล้วแม่ทำให้เราได้พ่อใหม่มาได้ยังไง" วินนี่บอก
"วินนี่มีวิธีเหรอ" แววตาน้องไนน์ดูตื่นเต้นขึ้นมา
"มีสิ แม่บอกว่า จริงๆ แล้วพ่อไม่ได้ตาย แต่ตอนนั้นแม่กับพ่อเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเลยไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม่กลัวเราคิดถึงพ่อเลยบอกว่าพ่อตายไปอยู่บนสวรรค์แล้ว พอเราถามหาพ่อแม่ก็พาไปเจอพ่อ" วินนี่เล่า
"ไนน์ลองถามแม่ดูได้ไหม" วิกกี้ออกไอเดีย "ตอนที่เราไม่มีพ่อ เราก็ถามหาพ่อบ่อยๆ เลย แม่ก็เลยยอมให้เรามีพ่อ"
"เราไม่เคยถามหาพ่อเลย"
"งั้นไนน์ไปถามแม่ดีไหม" บีเสนอบ้าง
น้องไนน์พยักหน้าแรงๆ เพราะเห็นด้วยกับเพื่อน
"แม่เราบอกว่าที่ทำงานแม่อยู่ใกล้โรงเรียนเรา เดินออกไปก็เจอเลย" ตอนมาส่งเขา แม่เคยบอกว่าให้เขาอุ่นใจได้เลยว่าถึงแม้แม่อุ้ยจะเป็นคนมารับมาส่งแต่ถ้ามีปัญหาแม่ก็แวะมาหาเขาได้ตลอดเพราะที่ทำงานของแม่อยู่ตึกสูงข้างรั้วโรงเรียนนี่เอง
ตอนนี้เขามีปัญหา ก็แปลว่าแวะไปหาแม่ได้น่ะสิ
“เราไปถามแม่ที่ที่ทำงานแม่ดีกว่า”
"แต่เราออกจากโรงเรียนไม่ได้นะ" วิกกี้แย้ง
"ได้สิ" น้องบีบอกทันควัน เจ้าตัวเป็นคนที่เข้ามาเรียนโรงเรียนนี้เป็นคนแรกก่อนลูกพี่ลูกน้องฝาแฝดของตัวเองจะย้ายตามมา จากนั้นก็ได้น้องไนน์เป็นเพื่อนในกลุ่มอีกคน "เรารู้ว่ามีประตูลับที่ป้าแม่บ้านเอาไว้ใช้ด้วย"
"เดี๋ยวคุณครูจะดุนะ" วิกกี้พยายามเตือน แต่น้องไนน์กับวินนี่และน้องบีกลับตื่นเต้นที่จะได้ทำภารกิจใหญ่หลวง
พวกเขาคิดว่าการได้ออกไปทำธุระนอกโรงเรียนไม่ได้น่ากลัวตรงไหนเลย ทำไมวิกกี้ต้องกลัวโดนดุด้วย
เพราะน้องบีเคยเห็นแม่บ้านออกไปซื้อลูกชิ้นทอดบ่อยครั้งเลยรู้ว่าเบื้องหลังถังขยะตรงรั้วท้ายสนามเด็กเล่นมีประตูพิเศษซ่อนอยู่
เด็กน้อยสามคนค่อยๆ ย่อตัวแล้วเดินผ่านทางเดินหลังพุ่มดอกเข็มไปเรื่อยๆ จากนั้นพวกเขาก็วิ่งไปหลบอยู่หลังถังขยะที่ตั้งเรียงกันหลายถังเพราะโรงเรียนแยกขยะก่อนทิ้ง บานประตูลับนั้นซ่อนอยู่หลังถังขยะเหล่านี้นั่นเอง
"เดี๋ยวก่อน" ขณะที่น้องบีกำลังจะเปิดประตูน้องไนน์ก็ดึงมืออีกฝ่ายไว้
"ทำไมเหรอไนน์"
"เราเหลือกันแค่สามคน"
ดวงตาเฉี่ยวของวินนี่ตวัดไปมองด้านหลังของตนแล้วก็ทำหน้าเหนื่อยใจ
"วิกกี้ไม่กล้าตามมา เดี๋ยวเราจัดการเอง" วินนี่วิ่งกลับไปหาฝาแฝดตัวเองที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
"วินนี่อย่าไปเลย เดี๋ยวโดนดุนะ" วิกกี้บอกด้วยน้ำเสียงกังวล
"วิกกี้จำได้ไหมว่าตอนไม่มีพ่อเราเหงามาก" วินนี่ทวนความทรงจำกับพี่สาวฝาแฝด อีกฝ่ายพยักหน้าเด็กชายเลยพูดต่อ “แต่พอมีพ่อแล้วมันดีมากๆ เลยจริงไหม”
"ก็จริงนะ" วิกกี้ชอบตอนที่มีพ่อเข้ามาในชีวิตเพราะพ่อทำให้พวกเธอมีความสุขมาก บ้านมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะและที่สำคัญอ้อมกอดพ่ออบอุ่นที่สุด
"ถ้าไนน์อยากมีพ่อเราต้องช่วย เพราะไนน์เป็นเพื่อนเรา"
ที่น้องชายเธอพูดก็มีเหตุผล วิกกี้พยักหน้าหงึกหงักวินนี่เลยจับมือฝาแฝดตัวเองวิ่งไปเจอกับเพื่อนที่หลังถังขยะ
"ไนน์ พวกเรามาช่วยแล้ว" วิกกี้บอกน้องไนน์
"ไปกัน" น้องบีเอื้อมมือไปเปิดประตูสู่อิสรภาพของพวกตน "ไนน์ โรงแรมที่แม่ไนน์ทำงานอยู่ตรงไหน วิ่งนำทางไปเลย"
"ตรงตึกนั้น สุดรั้วโรงเรียนเราก็ใช่เลย"
"งั้นไปกัน" วินนี่บอก
แล้วทุกคนก็วิ่งออกนอกรั้วโรงเรียนด้วยความเร็วแสง เพียงหนึ่งร้อยแปดสิบเมตรที่พ้นรั้วโรงเรียนนานาชาติกลางกรุงถัดไปก็เป็นตึกสูงหรูหรา ลานกว้างที่เชื่อมจากฟุตบาทธรรมดานั้นปูหินอ่อนสีขาวเป็นทางเดินคู่กับถนนทอดยาวเข้าไปจนถึงหน้าล็อบบี้โรงแรมที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน
เจ้าก้อนทั้งสี่วิ่งเข้าไปในตึกนั้นโดยที่ไม่รู้ตัวว่าแม้จะเล็ดลอดสายตารปภ. ที่เฝ้าประตูหลักแต่ก็ยังมีพลเมืองดีที่ขับรถอยู่บนท้องถนนเห็นตอนที่เจ้าแสบทั้งสี่วิ่งผ่านกองขยะออกมานอกโรงเรียน เขาจอดรถแล้วรีบวิ่งไปบอกเจ้าหน้าที่เสียงร้อนรน
"พี่ยาม วิ่งไปบอกคุณครูหน่อยครับ เด็กโรงเรียนคุณหนีออกจากโรงเรียนทางประตูทิ้งขยะ ผมเห็นวิ่งเข้าไปในตึกโรงแรมอมราวดีแล้ว!"