หลังจากวางสายโทรศัพท์อัครวัตรก็ส่งเวลาและสถานที่เข้ามาให้เธออย่างรวดเร็วเหมือนเตรียมการเอาไว้แล้ว เขานัดเธอที่บ้านพักแถวทองหล่อซึ่งเป็นสถานที่ส่วนตัวเพราะไม่อยากตกเป็นขี้ปากคน
นีนนีรานึกถึงอดีตแล้วแค่นยิ้ม ภูมิลำเนาของพวกเธออยู่ที่เชียงใหม่ทั้งคู่ก็จริงแต่ก่อนแต่งงานพวกเธอรู้จักกันผิวเผินเพราะอัครวัตรไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ช่วงมัธยมปลายเขากลับมาเยี่ยมคุณย่าของเขาพวกเธอเลยได้เจอกันเพราะบิดาของเธอสนิทกับคุณย่าเดือนเมื่อพวกท่านเจอกันพวกเธอก็ได้เห็นหน้าและพูดคุยกันด้วย
ตอนนั้นพวกเธอเดตกันแบบวัยรุ่นอยู่อาทิตย์หนึ่งแล้วก็แยกย้ายกันไปเรียน จนอัครวัตรกลับมาบริหารโรงแรมในเครืออมราวดีที่เชียงใหม่ คุณย่าของเขาก็มาสู่ขอเธอจากบิดาเพื่อไปเป็นเจ้าสาวของเขา และแล้วพวกเธอก็แต่งงานโดยไม่ได้รักกัน มีเพียงแค่คำว่าเหมาะสม ผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงามพิธีวิวาห์จึงเกิดขึ้นอย่างอลังการ
ใช่แล้ว ชีวิตคู่ของพวกเธออลังการมาก คนหนึ่งเป็นไฟ คนหนึ่งเป็นระเบิด
ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าอยู่ด้วยกันแล้วเข้ากันไม่ได้ตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน เธอถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กและมีตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกจึงรู้สึกว่าตอนนั้นเขาจะมากะเกณฑ์อะไรกับเธอมากมายนัก
ชีวิตหลังแต่งงานของพวกเธอมีแต่การทะเลาะเบาะแว้ง ตั้งแต่เรื่องเล็กอย่างการตื่นสาย ไปจนถึงเรื่องใหญ่อย่างเช่นต่างฝ่ายต่างเสน่ห์แรง เขามีสาวมาวอแว ส่วนเธอก็มีแฟนเก่ามาคอยยุแยงทำให้อัครวัตรไม่พอใจเธอตั้งแต่วันแรกที่แต่งงาน
ในขณะที่ผ่านไปแต่ละวันสามีของเธอบ่มเพาะความไม่พอใจในชีวิตคู่เอาไว้เรื่อยๆ เธอกลับตกหลุมรักความเป็นคนเจ้าระเบียบแบบแผนและชอบในความเป็นผู้นำของเขาขึ้นทุกวัน แต่ยังไม่ทันจะปรับตัวเข้าหากันเขาก็ขอแยกกันอยู่กับเธอ
ความรักศักดิ์ศรีของตัวเองทำให้นีนนีราเดินออกมา เธอคิดว่าสี่ห้าวันเขาอาจจะมาง้อ แต่ผ่านช่วงเวลายาวนานและมีอะไรเกิดขึ้นมากมายทำให้เขากับเธอยิ่งห่างไกลกันออกไป เส้นทางเหมือนไม่มีวันกลับมาบรรจบ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอก็คิดเสมอว่าเขาจะมาง้อ
แต่วันนี้เธอได้รู้แล้วว่า เขาไม่มีวันทำแบบนั้น
หญิงสาวเช็ดน้ำตา ที่ผ่านมามันก็แค่บทเรียนหนึ่งของชีวิตที่เธอต้องผ่านมันไป ตอนนี้เธอต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อบทเรียนใหม่
'แล้วเจอกันค่ะ'
เธอส่งข้อความกลับไปหาเขา แล้วจากนั้นก็กดสั่งไวน์จากร้านเจ้าประจำให้ส่งผ่านไลน์แมนมาให้เพิ่มเพราะขวดเดียวไม่น่าพอ
ครืดดด
เสียงโทรศัพท์ของเธอสั่นอีกครั้ง หญิงสาวคว้ามาดูก็เห็นเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของครูที่โรงเรียนใหม่ของน้องไนน์
"สวัสดีค่ะ"
[คุณแม่น้องไนน์ สะดวกคุยไหมคะ]
"สะดวกค่ะคุณครู"
หญิงสาวนั่งคุยกับคุณครูประจำชั้นโรงเรียนใหม่ของลูกชายที่เธอเพิ่งย้ายเข้าเพราะใช้สวัสดิการพนักงานระดับสูงของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่เป็นส่วนลดค่าเทอมสำหรับบุตร เธอยอมไปอธิบายของฝ่ายบุคคลว่าคนที่กรอกในใบสมัครงานว่าโสดเธอไปมีลูกมีผัวตอนไหนเพื่อหาโรงเรียนดีๆ ให้ลูก
คุณครูเล่าเรื่องการปรับตัวเข้าหาเพื่อนของน้องไนน์ให้ฟังทุกรายละเอียดอยู่ครู่ใหญ่ทำให้เธอคิดว่าลูกของเธอถูกใส่ใจเป็นอย่างมาก
นีนนีราสอนให้เขาเป็นคนเข้มแข็ง แต่สิ่งที่คุณครูเล่าในวันนี้ทำให้เธอรู้ว่าความเข้มแข็งนั้นเป็นแค่เปลือกนอกที่ปกปิดส่วนลึกของความต้องการของเด็กชายเอาไว้
หลังจากวางสายจากคุณครู นีนนีราก็เดินไปหาลูกชาย ดวงตาของเธอแดงก่ำ สะเทือนใจมากกว่าสามีขอหย่าก็เรื่องที่ได้รู้ว่าลูกชายต้องการอะไรนี่แหละ
"น้องไนน์"
เด็กชายเงยหน้ามามอง พอเห็นน้ำตาของคุณแม่ช้อนก็หลุดจากมืออวบร่วงลงไปบนจานผัดวุ้นเส้นของโปรดของเจ้าตัว
"แม่ร้องไห้ทำไม ใครทำแม่ ไนน์จะไปจัดการให้"
"จะไปจัดการยังไงหืม" เธอย่อตัวลงไปกอดเจ้าตัวเล็กที่เดินมากอดปลอบเธอด้วยสีหน้าเหมือนอยากต่อยใครสักคน
นีนนีราคิดว่าน้องไนน์ต้องเลือกแล้วแหละว่าต้องต่อยตัวเองหรือต่อยคนเป็นพ่อ
"ก็ต้องดูก่อนว่าเกิดเรื่องอะไร ถ้าทำไม่ดีก็ต้องด่าก่อน แต่ถ้าด่าแล้วไม่ฟังก็ต้องต่อยให้ยับ"
คนที่ร้องไห้เปลี่ยนเป็นหัวเราะ ยังดีที่เจ้าก้อนแป้งน้อยของเธอมีเหตุผล เพราะอย่างนี้สินะเขาถึงไม่เคยเรียกร้องอะไรที่ต้องการให้เธอต้องลำบากใจ เขาต้องทำตามลำดับขั้นตอนมีระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน