“โอ๊ะ! อื้อ!” ครูสร้องออกมาด้วยความเจ็บและหันตัวตามแรงบิดที่แทบจะทำให้มือหักเลยทีเดียว
“ถอยออกมาให้ห่างแฟนฉัน” ชายหนุ่มผู้มาใหม่คือนิโคไลนั่นเอง และบอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมพลางบิดข้อมือของครูสให้แรงขึ้น
“ให้ตาย! เวรจริง! นี่เธอเป็นแฟนคุณเหรอเนี่ย” ครูสเริ่มมีสีหน้าเหยเกเพราะนิโคไลไม่ยอมปล่อย
“ใช่ เธอเป็นแฟนฉัน แต่เราทะเลาะกันนิดหน่อยเธอเลยออกมาก่อน ถอยไปซะก่อนที่ฉันจะหักมือนาย” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่จะข่มขู่ แต่สีหน้าและแววตาของนิโคไลเหี้ยมได้ที่เลยทีเดียว
“ตกลงจะไปหรือเปล่าคุณ” แท็กซี่เอ่ยถาม
“ไม่ไป! เชิญ” นิโคไลตอบเสียงเหี้ยมดังเดิมพร้อมกับออกปากไล่แท็กซี่ ก่อนจะใช้มืออีกข้างกระชากไอลดาออกมาให้ห่างครูสเสียเอง
“คุณ เป็นใครเนี่ย” ไอลดาถามด้วยน้ำเสียงพร่า ลืมตาแทบจะไม่ขึ้นแล้ว และเช่นเดียวกันเมื่อแท็กซี่ถูกไล่จึงออกรถไปแต่โดยเร็วขณะที่นิโคไลก็ปล่อยครูสแล้วเช่นกัน
“ไอ้บ้าเอ๊ย มือแทบหัก” ครูสสบถด่าด้วยความไม่พอใจ
“ก็ถ้าไม่อยากโดนหักจริงๆ ก็ไปให้พ้นเสียตั้งแต่ตอนนี้”
“ฝากไว้ก่อน” ครูสแค่ขู่ไปอย่างนั้นเอง เพราะไม่รู้จะได้พบชายหนุ่มคนนี้อีกไหม
“ไม่รับฝากโว้ย!” นิโคไลตอบกลับขณะที่ครูสเดินจากไปแล้ว แต่ก็ได้ยินที่นิโคไลพูดพอดี และพอพูดจบนิโคไลก็หันกลับมาให้ความสนใจแม่ตัวดีที่อยู่ในวงแขน
“ปล่อย! คุณเป็นใคร” ไอลดาถามอีกครั้ง ซึ่งทำให้รู้ว่าเธอเมาแล้วจริงๆ เพราะคิดว่าจำกันไม่ได้ เข้าทางเขาล่ะ
“เป็นแฟนคุณไง จำไม่ได้เหรอ ผมบอกเจ้านั่นไปเมื่อกี๊”
“บ้า! ฉันไม่ใช่...” เธอเบลอมากจนพูดไม่ไหวแล้ว
“ใช่หรือไม่ใช่ ผมจะต้องเป็นคนเดียวที่แตะต้องคุณเท่านั้น ไอซ์ และถ้าผมเห็นใครทำแบบนี้อีกผมจะหักมือมัน” เขาตวัดเธอเข้ามากอดและก้มหน้าลงกระซิบใกล้ๆ แสดงความเป็นเจ้าของโดยไม่สนใจว่าเธอจะยินดีหรือไม่
“คุณเป็นใคร ปล่อย ฉันจะกลับ” เธอพยายามดันตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งทว่าไม่เป็นผล เขายิ่งรัดแน่นขึ้นและเธอก็ยิ่งหมดแรง
“บังเอิญเหลือเกินว่ารถผมว่าง ผมจะไปส่ง” ว่าแล้วเขาจึงประคองเดินไปยังรถที่จอดอยู่ ซึ่งมีรถคันหรูแลมโบกินีสีเทาเกรย์จอด เขาอ้อมไปเปิดประตูทางด้านขวามือคนขับ แล้วดันเธอขึ้นรถทันที
“ไม่ ฉันไม่ไป” เธอได้แต่พูดและปัดป้องแต่เรี่ยวแรงแทบจะไม่มีเหลือ จึงต้องขึ้นไปนั่งตามแรงที่เขาดัน จากนั้นปิดประตูรถแบบปีกแมลงทับลง ก่อนจะวิ่งอ้อมมาประจำที่นั่งคนขับล็อกรถอัตโนมัติเพราะกลัวเธอจะเปิดแล้ววิ่งหนี
“นี่ เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ไป คุณเป็นใคร” ไอลดาพยายามหาที่เปิดประตู แต่เพราะเมาและไม่รู้ว่ารถหรูเปิดอยู่ตรงไหน
“เราเป็นแฟนกัน จำไม่ได้เหรอที่รัก” ให้ตายเถอะเขาก็ช่างสรุปเอาเองเก่ง
“คุณ...” ไอลดาชี้หน้าเขาเหมือนกำลังจะเถียง ทว่ามือไม้อ่อนปวกเปียกก่อนจะทิ้งลงข้างตัว แล้วเอนหลังพิงเบาะ สายตาเริ่มพร่าเต็มทีมองอะไรไม่ชัดอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็รวบรวมสติอีกครั้งและตัดสินใจกระชากแขนเขาแรงๆ แล้วรั้งเข้ามาหา
“ฉันบอกให้เปิดประตู” เธอสั่งเสียงเข้มและเชื่องช้า นิโคไลได้แต่กระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมกับจับมือเธอเอาไว้แล้วเป็นฝ่ายรั้งเข้ามาหาเสียเอง
“ลืมตาให้ขึ้นก่อน ที่รัก” เขายื่นหน้าเข้าไปกระซิบบอก ขณะที่ริมฝีปากอยู่ใกล้เสียจนจะจูบเธออยู่แล้ว
“ไอ้... ไอ้... อื้อ!” เธอยังไม่ทันได้ต่อว่าหรือสาดด่าด้วยซ้ำ เขาก็ก้มหน้าลงกดจูบริมฝีปากอิ่มแนบแน่นจนเธอตั้งตัวไม่ทัน ลมหายใจชะงักงันและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้เผลอจูบตอบไปด้วย ขณะที่ริมฝีปากของเขาบดเคล้าขยี้จูบอย่างร้อนแรง
กระทั่งเธออ่อนระทวยเสียเองและพานให้หมดสติไปด้วยฤทธิ์เตกีลา ยังไม่ทันที่เขาจะได้อิ่มเอมทว่าเธอหลับไปเสียดื้อๆ ทำเอาอารมณ์ค้างไม่น้อย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ถอยห่างออกมาเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์
“หึๆ แม่ตัวดี เดี๋ยวคุณรู้ว่าเล่นอยู่กับใคร”
นิโคไลบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปจับพวงมาลัย และปล่อยให้เธอหลับไป จากนั้นก็ออกรถทันที จุดหมายปลายทางไม่ใช่อพาร์ต์เม้นต์ของไอลดาอย่างแน่นอน เพราะเขามีอะไรจะเล่นสนุกกับเธอนิดหน่อย ฉะนั้นก็ต้องเป็นเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของเขาถึงจะถูก งานนี้ไม่รู้จะโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ไอลดาดันมาเจอกับนิโคไล ผู้ชายเพลบอยในฝันของสาววอร์ชิงตัน
เพนท์เฮ้าส์ของนิโคไลอยู่ไม่ไกลจากผับแห่งนี้เช่นกัน แถมยังอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยจอร์จทาว ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ไอลดาเรียน อีกทั้งใกล้กับสถานที่ทำงานและหลายๆ สถานที่ซึ่งสะดวกสบายมาก เขาใช้เวลาขับรถอยู่เพียงสิบนาทีก็เดินทางถึง ตึกสูงตระหง่านกว่าสี่สิบเก้าชั้น หรูหราราคาแพงและมีแต่มหาเศรษฐีเป็นเจ้าของ
หนึ่งในนั้นคือนิโคไล เมื่อลงจากรถได้ก็อ้อมมาเปิดประตูแล้วช้อนอุ้มเธอเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะล็อกรถให้เรียบร้อย แล้วพาขึ้นลิฟต์ทันที ยามรักษาความปลอดภัยก็เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกค่ำคืนเขาจะหิ้วผู้หญิงขึ้นห้อง เพียงแต่วันนี้อาจจะแปลกหน่อยก็ตรงที่เขาต้องอุ้ม เพราะหญิงสาวหลับสนิท