ตอนที่ 2.

1464 คำ
ปรัชญ์มองมัสลินด้วยแววตาเวทนา มัสลินเป็นลูกสาวของคุณไหมพิมพ์ลูกสาวคนเล็กของคุณยายฝ้ายคำกับสามีนักดนตรีชาวอังกฤษ เมื่ออายุได้สิบสองก็ต้องกำพร้าสูญเสียบิดามารดาจากอุบัติเหตุรถคว่ำ คุณยายฝ้ายคำรับหลานสาวมาเลี้ยงดูให้อยู่อาศัยที่เรือนไทยของท่าน ในบริเวณเดียวกับคฤหาสน์ของลูกสาวคนโตกับสามี ห้าปีแรกมัสลินได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้เป็นยาย แต่พอปีต่อมาคุณยายฝ้ายคำเกิดล้มป่วยนอนติดเตียง แพรพรรณถือโอกาสนี้ให้คนเป็นแม่เซ็นยกอำนาจในการดูแลทรัพย์สินให้ตนเอง แล้วใช้อำนาจที่มีข่มเหงหลานสาวในไส้ เรียกไปใช้งานในบ้าน รวมถึงเป็นคนเก็บค่าเช่าตึกและค่าแผงในตลาด แลกกับอาหารและค่ารักษาพยาบาลของคนป่วย มัสลินจำต้องยอมให้ผู้เป็นป้ากดขี่ข่มเหง จนเรียนจบมัธยมปลายนางแพรพรรณไม่ยอมส่งเสียให้เรียนต่อ เปรมใจสงสารจึงแนะนำให้มัสลินเรียนต่อทางไกลกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จนจบปริญญามาอย่างยากเข็ญ “ถ้ามัสออกมา แล้วใครจะดูแลคุณยาย” มัสลินวางช้อนลง ยิ้มเศร้า แววตาอ่อนแสงลงเมื่อนึกถึงคนป่วยที่นอนเป็นอมพาตมาร่วมหลายปี ทุกวันนี้เธออดทนทำทุกอย่างก็เพราะมีคุณยายเป็นแรงใจ หากไม่นับผู้เป็นป้าแล้ว ท่านคือญาติคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ จะให้เธอทอดทิ้งท่านไปหาความสุขสบายมัสลินคงทำไม่ได้ “คุณนายแพรพรรณเขามองมัสว่าเป็นหลานที่ไหน แม่แท้ๆ อย่างคุณยายก็ปล่อยให้นอนติดเตียง ไม่จ้างพยาบาลมาดูแล ไม่หาหมอดีๆ มารักษา ปล่อยให้ท่านนอนเหมือนผักอยู่ในห้อง คนอะไรใจร้ายใจดำไม่มีใครเท่า” ปรัชญ์ก่นด่าญาติผู้ใหญ่ของมัสลินด้วยความเกลียดชัง หากมัสลินยอมให้เขากับแม่ช่วย คงไม่ต้องทนรองมือรองเท้าเป็นทาสในเรือนเบี้ยให้ผู้เป็นป้ามานานหลายปีแบบนี้หรอก เขารู้ว่ามัสลินกตัญญูต่อคุณยาย ยอมอดทนเพื่ออยู่ดูแลท่าน ทั้งที่นางแพรพรรณเห็นว่าเธอเป็นกาฝากที่มาอาศัยบ้านอยู่ “ช่างเถอะค่ะพี่ปอนด์ มัสขอแค่ได้ดูแลคุณยาย มัสก็พอใจแล้ว มัสไปล้างจานก่อนนะคะอิ่มแล้ว” มัสลินไม่อยากต่อความยาวให้ปวดร้าวมากกว่านี้ ลุกขึ้นหยิบจานกับแก้วเปล่านำไปล้างหลังร้าน เปรมใจแม่ของปรัชญ์กำลังอบขนมอยู่หันมาเห็นก็รีบมารับจานชามไปวางในอ่างล้างจาน “เอามานี่ ไม่ต้องล้างหรอกเดี๋ยวป้าล้างเอง” “มัสล้างเองดีกว่าค่ะ มาฝากท้องกับป้าเปรมบ่อยๆ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่” มัสลินไม่ยอมทำตัวไร้ประโยชน์ หยิบฟองน้ำมาล้างจานชามในอ่างล้างจานจนหมด เธอได้อาศัยข้าวน้ำจากความเมตตาของเปรมใจมาหลายปี นับตั้งแต่คุณยายป่วยเธอแทบไม่ได้กินอิ่ม คนเป็นป้าไม่ใส่ใจเรื่องอาหาร ปล่อยให้หลานสาวกินอยู่กับคนรับใช้ ตัวเองกับสามีและลูกสาวมักจะรับประทานอาหารนอกบ้าน ในครัวจึงแทบไม่มีของสดติดไว้ คนในบ้านได้ค่าอาหารเพียงเล็กน้อยไม่พอกินอิ่มครบทุกคน คนรับใช้อย่างนางแวว นายมั่นและเด็กอาหมี่ พอมีเงินเดือนให้ใช้จ่ายจึงไม่ลำบากนัก แต่มัสลินไม่มีเงินเดือนเหมือนคนอื่น อาศัยทำขนมไทยมาฝากขายที่ร้านของเปรมใจ และได้ฝากท้องกับเจ้าของร้านเป็นบางมื้อ พอมีเงินเป็นค่าอาหารให้ตัวเองและคนป่วยได้กิน ยังดีที่แพรพรรณจ่ายค่ารักษาและค่าอุปกรณ์พวกผ้าอ้อมและยาให้มารดาตัวเอง มัสลินจึงไม่ลำบากมากกว่าที่เป็น มัสลินไม่กล้าเล่าให้คนเป็นยายฟังกลัวท่านจะคิดมาก บั่นทอนสุขภาพให้แย่ลง ได้แต่อดทนให้เวลาผ่านไปในแต่ละวัน ท่ามกลางความเวทนาของคนที่รู้เรื่อง “มีลูกค้าเขาอยากได้ขนมกลีบลำดวน เขาลองเอาไปขายที่ร้านกาแฟของเขาแล้วลูกค้าติดใจ มาสั่งป้าให้ส่งให้อาทิตย์ละห้าสิบกล่อง มัสทำไหวไหมลูก” “ไหวคะ มัสคงต้องขอยืมเตาอบป้าเปรมนะคะ เตาที่บ้านมันเล็กกลัวจะอบได้ไม่พอ” มัสลินรีบตอบรับด้วยน้ำเสียงยินดี การได้ยอดขายเพิ่มขึ้น เท่ากับรายได้ที่มากขึ้น ต่อให้ไม่ไหวเธอก็ต้องทำให้ไหว อาจจะต้องแอบย่องออกมาช่วงค่ำสักสองชั่วโมงมาอบขนม “ป้าเพิ่งซื้อเตาใหม่ มัสใช้เตาเก่าของป้าได้เลย พวกส่วนผสมป้าจะซื้อมาเผื่อ เงินค่าขายขนมป้ายังไม่ได้จ่ายให้มัส ยังพอมีเหลือ” เปรมใจมีน้ำใจเสมอ นางหาลูกค้าใหม่ๆ ให้มัสลิน ช่วยซื้อวัตถุดิบมาให้ ด้วยรู้ว่ามัสลินไปซื้อมาด้วยตัวเองลำบาก มีเพียงฝีมือการทำขนมไทยและเบเกอรี่ ที่คุณยายฝ้ายคำถ่ายทอดให้เป็นมรดกความรู้ติดตัว ช่วยในการหาเลี้ยงตัวเอง หากเป็นมรดกทรัพย์สินเงินทอง คงถูกนางแพรพรรณแย่งชิงเอาไปหมด “ขอบคุณมากค่ะป้าเปรม เดี๋ยวคืนนี้สักสองทุ่ม มัสจะแวะมาขอใช้เตาอบนะคะ” “ได้เลยจ้า ป้าจะให้ตาปอนด์เปิดประตูไว้ให้ ตาปอนด์นอนดึกจะได้อยู่เป็นเพื่อนมัส” มัสลินอยู่ช่วยเปรมใจเอาขนมออกจากเตาจนเสร็จ ก็ยกมาหน้าร้าน เวลาเลิกเรียนผู้ปกครองมักพาลูกหลานตัวเองแวะมาซื้อขนมก่อนกลับบ้าน ร้านขนมของเปรมใจมีทั้งเบเกอรี่และขนมไทย รสชาติดีเป็นที่นิยมของคนในละแวกนี้และใกล้เคียง ช่วงเช้าและช่วงเย็นจึงเป็นช่วงที่ขายดี “เชิญค่ะ ขนมเพิ่งอบเสร็จร้อนๆ เลย” มัสลินช่วยสองแม่ลูกขายขนมมือเป็นระวิง กว่าลูกค้าจะซาขนมในร้านก็หมดไปหลายถาด ขนมอบใหม่หมดเกลี้ยง เหลือเพียงขนมแห้งพวกคุกกี้และขนมปังกรอบเท่านั้น เปรมใจเลยสั่งให้ปิดร้าน เปรมใจขึ้นไปพัก โดยปล่อยให้สองหนุ่มสาวช่วยกันเก็บข้าวของล้าง ทำสะอาดร้าน หลังจากเสร็จงานทั้งสองก็มานั่งคุยกัน “ร้านป้าเปรมขายดีแบบนี้ทุกวัน อีกไม่นานก็มีเงินซื้อตึกได้แล้วมั้ง” “แม่พี่ก็อยากซื้อ แต่คุณนายแพรพรรณเขาไม่ขายให้ สัญญาเช่าสิ้นปีนี้ก็จะหมดแล้ว ถ้าไม่ยอมต่อให้ พี่กับแม่คงต้องหาร้านใหม่” เปรมใจเคยไปขอซื้อตึกแถวสองคูหาที่ตัวเองเช่าอยู่ แต่แพรพรรณไม่ยอมขายให้ แถมยังไม่ยอมต่อสัญญาเช่าที่ใกล้จะหมดลง เหมือนจงใจให้สองแม่ลูกย้ายออกไปจากที่นี่ “ตึกแถวกับตลาดยังเป็นชื่อของคุณยายค่ะ ป้าแพรไม่มีสิทธิ์ขาย แบบนี้มังคะป้าแพรเลยไม่ได้ขายให้ป้าเปรม” แม้คุณยายฝ้ายคำจะเซ็นยกอำนาจ ในการจัดการดูแลทรัพย์สินให้แพรพรรณไปแล้ว แต่เจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดยังเป็นชื่อของคุณยายอยู่ หากคุณยายยังมีชีวิตลูกสาวของท่านก็ไม่มีสิทธิ์ขายให้ใคร “คุณยายทำพินัยกรรมไว้หรือเปล่า ขอโทษนะ หากท่านเป็นอะไรไป พี่คิดว่าคุณนายแพรคงจะฮุบมรดกหมด ไม่แบ่งให้มัสหรอก ดีไม่ดีอาจจะเฉดหัวมัสออกจากบ้านก็ได้” ปรัชญ์มองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อน ใช่จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คนโลภมากเห็นแก่ตัวแบบแพรพรรณ ย่อมไม่เก็บหลานกาฝากไว้ให้รกบ้าน ต้องหาทางกำจัดออกไปให้พ้นตา “เรื่องมันยังไม่เกิดค่ะ มัสไม่อยากคิดให้ปวดหัว ขอแค่ตอนนี้มัสดูแลคุณยาย ได้เห็นคุณยายมีชีวิตอยู่ มัสก็พอใจแล้ว เรื่องอนาคตปล่อยให้มันเกิดก่อนค่อยร้อนใจทีหลัง” “หึ แม่นางฟ้าในทุ่งลาเวนเดอร์ “ หากปรัชญ์เป็นชายใจหญิง เขาคงจิกกัด แขวะมัสลินเจ็บๆ ด้วยถ้อยคำแรงกว่านี้ ด้วยความหมั่นไส้ ในความเป็นคนดีของหญิงสาว แต่ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจแรงๆ บ่นลอยๆ ออกมาเพียงเท่านั้น “มัสยังไม่ได้เก็บค่าเช่าแผงเลย นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย” มัสลินขยับลุก แต่ถูกปรัชย์จับแขนรั้งให้นั่งลง “พี่ช่วยเก็บให้แล้ว เดี๋ยวเอามาให้ พวกแม่ค้าเขาเอามาฝากไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว” ชายหนุ่มลุกไปเปิดลิ้นชัก หยิบซองเงินและรายชื่อแม่ค้ามาส่งให้ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม