“นายมีเรื่องกับคุณภานุใช่ไหม...”
อีกฝ่ายยังเงียบไม่ยอมตอบ ได้ยินเสียงถอนหายใจแรง พร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมาบีบไหล่แล้วยกตัวเธอให้ลุกขึ้นนั่ง มัสลินขยับถอยหนีตามสัญชาตญาณ แต่เขาไม่ยอมให้เธอหนีห่างบีบไหล่ไว้แน่น แรงบีบทำให้หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย... ฉันเจ็บนะ”
เสียงร้องทำให้เขาคลายมือออกเล็กน้อยแต่ไม่ยอมปล่อย ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดใกล้แก้มนวล มัสลินเบี่ยงหน้าหนีอย่างรังเกียจ นั่นดูเหมือนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ มือหนาละจากไหล่มาบีบปลายคางเธอไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก
“รู้ไหมว่าตอนนี้ ไอ้เจ้าบ่าวของเธอมันเป็นยังไง” เขาพูดข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก
“คุณภานุ...” มัสลินมัวแต่ห่วงตัวเองจนลืมนึกถึงภานุ
“หึ ไม่ต้องห่วงมันหรอก ห่วงตัวเองดีกว่า”
ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาเข้าไปหลบในห้องหอของสองหนุ่มสาว รอเวลาที่ทั้งคู่จะเข้ามา คนแรกที่เขาจัดการคือภานุ มันเดินเข้ามาในห้องน้ำที่เขาหลบอยู่ เมื่อเขาเปิดเผยตัวพร้อมกับปืนในมือ อีกฝ่ายถึงกับยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ
“แก... แกเข้ามาได้ยังไง”
จบประโยคนั้น เขาก็ฟาดมันด้วยด้ามปืน จนอีกฝ่ายทรุดลงไปกองกับพื้น นอนแน่นิ่งสลบเหมือด ก่อนจะออกมาจัดการกับเจ้าสาวของมัน
“นายอย่าทำอะไรฉันเลยนะ...”
มัสลินอ้อนวอนเสียงสั่น หวังให้อีกฝ่ายเห็นใจ แต่ความหวังของหญิงสาวก็หมดสิ้นลงเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาหา แล้วปิดริมฝีปากเธอด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวอย่างดุดัน มัสลินตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีต่อต้านการกระทำป่าเถื่อนนั้น
ทว่า... อีกฝ่ายกลับบดจูบหนักหน่วงขึ้น ยิ่งดิ้นยิ่งถูกเขาบดขยี้ริมฝีปากแรงขึ้น มัสลินหมดแรงดิ้นรนเอาตัวรอด จวนเจียนจะขาดใจตายกับจุมพิตปลิดวิญญาณนั้น เขาก็ผละออกห่างให้เธอได้หายใจ หญิงสาวไม่ทันจะโล่งใจเขาก็ประทับริมฝีปากลงมาใหม่ ครั้งนี้อ่อนโยนลง ค่อยๆ บดเคล้าอย่างนุ่มนวล คล้ายจะทำให้เธอหัวหมุนกับความรู้สึกแปลกๆ ที่ผุดขึ้นในท้อง หญิงสาวหอบหายใจกระเส่าพยายามส่ายหน้าหนี แต่ถูกเขาจับปลายคางไว้แน่น ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดรัดเรียวลิ้นนุ่มของเธอ สอดประสาน ยั่วหยอก หลอกล่อ ให้เธอขยับตาม
“อืม ไอ้ภานุมันสอนมาดีใช้ได้ หรือว่าไปฝึกกับคนอื่นมาก่อนล่ะ...”
เขาเอ่ยชมแกมเยาะ หลังจากจูบเธอจนอ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ นั่นทำให้คนได้ยินหน้าร้อนผ่าว รู้สึกอับอายขึ้นมา ความอ่อนเดียงสาไม่เคยต้องมือชาย ไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนจุมพิตมาก่อน ทำให้มัสลินทำอะไรไม่ถูก ทำให้เขาประณามหยามเหยียดน่าอับอาย
“คนเลว แกมันคนเลว ฉันเกลียดแก”
ความกลัวหดหายไปเมื่อถูกเหยียดหยาม มือถูกมัดไว้ทำอะไรไม่ถนัด สิ่งที่เธอทำได้คือยื่นหน้าไปกัดคนที่อยู่ใกล้เต็มแรงด้วยความโกรธ
“โอ๊ย ! กัดเป็นหมาเลยยายบ้า”
อีกฝ่ายไม่ยอมให้เธอแก้แค้นคืนง่ายๆ บีบคางเธอจนเจ็บ ทำให้มัสลินต้องปล่อยฟันออกจากท่อนแขนที่เธอกัดไว้ รสเค็มผสมคาวในปาก ทำให้รู้ว่าเธอกัดจนเขาเลือดออก รีบบ้วนคาบเลือดทิ้งอย่างขยะแขยง
“ฤทธิ์มากใช่ไหม ดีอย่างนั้นก็ไม่ต้องออมมือกันแล้ว”
เขาตวาดใส่น้ำเสียงโมโหจัด ก่อนจะผลักหญิงสาวล้มลงไปนอนกับพื้นอีกครั้ง แล้วโถมตัวเข้าหา มือหนาฉีกทึ้งชุดเจ้าสาวสีขาวจนขาดวิ่น
แควก แควก แควก !!!
“อย่านะ ปล่อยฉันนะไอ้คนเลว!”
มัสลินดิ้นรนขัดขืนด้วยความกลัว นึกเสียใจที่ปล่อยให้ความโกรธทำให้ตัวเองเกิดภัย เธอไม่น่าไปกัดไอ้โจรร้ายมันเลย ทำให้มันโมโหแบบนี้ มันคงไม่ละเว้นเธอแน่
“ฉันเลวได้มากกว่านี้อีก ลองดูไหมล่ะ”
เขายื่นหน้ามากระซิบใกล้หู หญิงสาวน้ำตาไหลตัวสั่นด้วยความกลัวพยายามดิ้นหนี มือที่ถูกมัดแน่นไม่สามารถทำอะไรได้ ตาถูกปิดคล้ายคนตาบอดตกอยู่ในความมืด เนื้อตัวโล่งเปล่าเสื้อผ้าถูกกระชากออกจากตัว เหลือเพียงชั้นในสองชิ้นคลุมร่างขาวผ่อง ความกลัวยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ
“อย่านะ... อย่าทำฉันเลยนะ...”
เธออ้อนวอนขอความเมตตาเสียงแผ่ว น้ำตาไหลออกมาจนชุ่มผ้าที่ปิดตาไว้ แต่ความหวังก็ดับลงเมื่อร่างหนาเข้ามาแนบชิด สัมผัสที่นาบลงมาทำให้หญิงสาวรู้ว่าอีกฝ่ายไร้อาภรณ์ติดกาย เขาอาศัยเวลาเพียงไม่ถึงนาทีสลัดเสื้อผ้าออกจากร่าง แล้วขยับเข้ามาคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ดวงตามองเห็นเพียงความมืด เช่นเดียวกับหัวใจที่กำลังถูกความหวาดกลัวครอบคลุมจนมืดหม่น
“ฮือ... ไม่นะ อย่า...”
หญิงสาวเบือนหน้าหนีริมฝีปากที่ทาบลงมาบนแก้มนวล พยายามดิ้นรนสู้แม้มือทั้งสองจะถูกมัดอยู่ แต่เธอก็ออกแรงฮึดสู้ แต่คนตัวโตกว่าใช้มือข้างหนึ่งกดตรึงข้อมือน้อยทั้งสองไว้เหนือศีรษะ เข่ากดต้นขาเธอไว้ไม่ให้ดิ้น ดวงตาคู่คมไหววูบเมื่อเห็นใบหน้างามบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว น้ำตาไหลจนเปื้อนผ้าที่ปิดไว้เป็นคราบชื้น ใจคนมองอ่อนลงวูบหนึ่งคล้ายจะยุติสิ่งที่ทำอยู่
ทว่า... ภาพของพี่ชายที่นอนนิ่งไม่ต่างจากผักวาบเข้ามาในหัว ภาพของหญิงวัยกลางคนที่เขาเรียกว่าแม่ กำลังร้องไห้เหมือนคนจะขาดใจ ร่ำร้องให้เขาทวงความยุติธรรมให้พี่ชาย
“กริช พวกมันทำให้กันต์เป็นแบบนี้ กริชต้องจัดการมัน ล้างแค้นให้พี่กันต์นะ แม่ขอร้อง”
ในคืนวิวาห์ของกันต์จัดขึ้นบนเรือสำราญกลางทะเล ภานุลอบเข้ามาในห้องหอลักพาเจ้าสาวหนีลงเรือเล็ก กันต์ตามไปแต่ถูกคนของเจ้าสัวโภคินยิงตกทะเล กว่าจะช่วยขึ้นมาได้ก็ขาดอากาศไปนานกลายเป็นเจ้าชายนิทรา นอนนิ่งเหลือเพียงซากร่างบนเตียง ส่วนเจ้าสาวโชคร้ายจมน้ำเสียชีวิตไป กฎหมายเอาผิดไม่ได้เพราะขาดหลักฐาน แม้จะรู้ตัวว่าเป็นฝีมือใคร สภาพของพี่ชายกับร่างไร้วิญญาณของวลัยลดาเจ้าสาวของกันต์ ทำให้คนเห็นแทบสติแตก เจ็บปวดรวดร้าว หัวใจเจียนแหลกสลาย คนทั้งสองคือคนที่เขารักที่สุด หนึ่งคือพี่ชายร่วมสายเลือด อีกหนึ่งคือผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ
“คุณป้าบอกว่า โตขึ้นจะให้ลดาแต่งงานกับพี่กันต์ ลดาต้องรักพี่กันต์ให้มากๆ อย่าไปรักคนอื่นนอกจากพี่กันต์”
วลัยลดาเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทของมารดาที่เสียชีวิตไป มารดาของเขารับเธอมาอุปการะไว้ สั่งสอนให้เธอรักและเชื่อว่าต้องโตขึ้นมาเพื่อเป็นเจ้าสาวของกันต์ พี่ชายของเขา วลัยลดาและเขา โตมาด้วยกัน ความผูกพันมีมากมายจนก่อเกิดเป็นความรักขึ้น กันต์รับรู้ว่าเขารักวลัยลดา จึงชะลอการแต่งงานไว้ พยายามพูดให้มารดาเปลี่ยนใจ แต่ท่านยังยืนกรานให้วลัยลดาแต่งงานกับลูกชายคนโต
“กันต์เป็นลูกชายคนโต ต้องมีทายาทสืบตระกูล ลดาคือผู้หญิงที่เลือกแล้วว่าจะให้แต่งงานกับกันต์ แกต้องเสียสละให้พี่ชายของแก อย่าทำให้ลดาไขว้เขว”
กริชถูกมารดาขอร้องให้เป็นคนเสียสละ เขายอมตัดใจย้ายตัวเองไปทำงานต่างแดน เมื่องานแต่งงานถูกจัดขึ้นเขาจึงกลับมาร่วมอวยพรวันวิวาห์ ให้พี่ชายและหญิงสาวที่เขารัก แต่นั่นกลับเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นทั้งคู่
หัวใจที่อ่อนลงพลันแข็งกร้าวขึ้นมาด้วยไฟแค้น ภานุทำให้เขาสูญเสียผู้หญิงที่เขารัก ทำร้ายพี่ชายของเขาจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา มันสมควรแล้วที่เขาจะทำให้มันเจ็บปวดแบบที่มันทำไว้ ดวงตาลุกวาบโชนแสงความเห็นใจถูกปัดทิ้ง มือหนากระชากดึงบราเซียร์ลูกไม้ด้วยแรงแค้น
แควก !
เสียงผ้าขาดดังบาดหู หัวใจของเจ้าของอาภรณ์ผืนน้อยเจียนขาดใจตาม
“อย่านะ อย่าทำแบบนี้ ได้โปรด...”