“อ้าว พ่อใหญ่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
เขาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะหมุนตัวไปเผชิญหน้า
“สวัสครับคุณน้าพิม”
พิมลวรรณคือมารดาของฟ้าลดา
“ผมมาได้สักพักแล้วล่ะครับ กำลังจะกลับพอดี”
“รีบหรือเปล่า ถ้าไม่รีบร้อนอะไร อยู่ทานมื้อเช้ากับน้องฟ้าก่อนสิจ๊ะ”
“ผมมีประชุมตอนเช้าน่ะครับ ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ เดี๋ยวจะไม่ทันน่ะครับ”
พิมลวรรณผงกศีรษะขึ้นลงอย่างเข้าใจ แต่ก็อดที่จะเสียดายไม่ได้
“เสียดายจังเลย เช้านี้น้องฟ้าเป็นคนทำอาหารเช้าเองเสียด้วย”
อคิราห์ทำได้แค่ฝืนยิ้มบางๆ ให้กับพิมลวรรณเท่านั้น
“งั้นเอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวน้าจะให้น้องฟ้าทำอาหารกลางวันไปส่งให้พ่อใหญ่ที่บริษัทฯ”
“อย่าเลยครับคุณน้า ผมเกรงใจน่ะครับ”
“โอ๊ย ไม่ต้องเกรงใจเลย น้องฟ้าน่ะเต็มใจทำเพื่อว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองอยู่แล้วล่ะ”
ใบหน้าของพิมลวรรณเต็มไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ ตรงกันข้ามกับเขาที่รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน เขาเกลียดการคลุมถุงชนแบบนี้ที่สุด และก็ยิ่งเกลียดมากเข้ากระดูกดำ เมื่อต้องกลายเป็นตัวเลือกของผู้หญิงน่ารำคาญอย่างฟ้าลดา
“แต่ผมว่า...”
“เอาน่ะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะพ่อใหญ่ น้าเชื่อว่าน้องฟ้าต้องดีใจแน่ๆ ที่จะได้ทำอาหารไปให้พ่อใหญ่กินที่ทำงาน”
นี่เขาควรทำยังไงดี
อคิราห์รู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ระเบิดความรู้สึกนั้นออกไม่ได้
“งั้น... ผมขอตัวก่อนนะครับคุณน้า เดี๋ยวสายกว่านี้แล้วรถจะติด”
“จ้ะ ขับรถปลอดภัยนะพ่อใหญ่”
“ขอบคุณครับ”
พิมลวรรณยกมือขึ้นโบกไปมาให้กับอคิราห์ และก็รอจนรถคันงามแล่นออกไปจากรั้วใหญ่ จึงหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน
“น้องฟ้า พี่ใหญ่มาหาเรื่องอะไรเหรอลูก”
เมื่อเข้ามาในห้องรับแขกก็เห็นลูกสาวนั่งตาแดงๆ จึงอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“เอ่อ...”
“แล้วทำไมร้องไห้ล่ะลูก มีอะไรหรือเปล่าน้องฟ้า หรือว่าทะเลาะกับพ่อใหญ่”
หล่อนไม่มีวันทำให้คุณแม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจเด็ดขาด
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรค่ะคุณแม่”
“แต่น้องฟ้าของแม่กำลังร้องไห้นี่จ๊ะ ไหนบอกแม่มาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
พิมลวรรณแปลกใจจึงคาดคั้นถามหาความจริงกับลูกสาวสุดที่รัก แต่ฟ้าลดาไม่ยอมบอก เพราะไม่อยากทำให้ผู้มีพระคุณต้องไม่สบายใจ
‘ฟ้ากับพี่ใหญ่เรา... รักกันค่ะคุณแม่’
นี่คือคำพูดที่ทำให้คุณแม่ของหล่อนยอมไปพูดกับพ่อแม่ของอคิราห์
‘ฟ้าอยากเป็นเจ้าสาวของพี่ใหญ่ คุณแม่ช่วยฟ้าด้วยนะคะ’
หลังจากที่หล่อนโกหกคำโต คุณแม่กับคุณพ่อก็เชื่อสนิทใจ และเดินทางไปยังบ้านนั้น เพื่อเอ่ยทวงสัญญาที่เคยมีต่อกันในอดีต
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการคลุมถุงชนสำหรับอคิราห์ แต่มันกลับคือจุดเริ่มต้นของความฝันที่กำลังจะกลายเป็นจริงของหล่อน
หล่อนรักอคิราห์ เฝ้าฝันมาตลอดว่าจะได้เป็นเจ้าสาวของเขาในวันหนึ่ง และในที่สุดวันนั้นที่ฝันถึงก็เดินทางเข้ามาใกล้จนเกือบจะเป็นความจริง แม้ว่าเจ้าบ่าวของหล่อนจะไม่พอใจเลยก็ตาม
หล่อนจะทำ... จะพยายามทำให้อคิราห์รักหล่อนให้ได้
ฟ้าลดามุ่งมั่น ตั้งใจ แม้ว่าความเกลียดชังที่อคิราห์แสดงออกมาให้เห็นนั้นมันจะมากมายเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้ก็ตาม
“เอ่อ... พอดีพี่ใหญ่แวะมานัดวันไปเลือกชุดน่ะค่ะ ฟ้าก็เลยดีใจมาก จน... น้ำตาไหล...”
“อ๋อ ที่แท้ก็ดีใจจนน้ำตาไหลนี่เอง แม่ก็ตกใจนึกว่าลูกสาวแม่เป็นอะไรไปเสียอีก” พิมลวรรณยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
“แล้วนี่จะไปดูชุดกันเมื่อไหร่ล่ะ ต้องรีบๆ หน่อยนะ ฤกษ์แต่งมันต้นเดือนหน้าแล้ว”
“ก็คงจะภายในอาทิตย์นี้แหละค่ะคุณแม่”
หล่อนตอบมารดา และเสหลบสายตา เพราะตัวเองกำลังโกหก
“แม่ดีใจนะที่ลูกสาวของแม่กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา กับคนดีๆ อย่างพ่อใหญ่”
หล่อนช้อนตามองมารดาและพยายามฝืนที่จะยิ้มออกมา แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มจางๆ ไม่สดใสจนพิมลวรรณสังเกตได้
“ทำไมยิ้มอย่างนั้นล่ะน้องฟ้า ยิ้มไม่มีความสุขเหมือนคนที่กำลังจะได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักเลยนะ”
“ฟ้า... คงจะเหนื่อยๆ น่ะค่ะคุณแม่”
“นั่นสิ เพราะน้องฟ้าตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าตั้งแต่มืด” พิมลวรรณยกมือขึ้นลูบต้นแขนเรียวของบุตรสาวอย่างเป็นห่วง
“พรุ่งนี้ให้แม่ครัวทำอาหารเช้าเถอะ น้องฟ้าจะได้นอนเต็มอิ่ม”
“ฟ้าทำได้ค่ะคุณแม่”
“ไม่เอา... เดี๋ยวเกิดไม่สบายไปจะทำยังไง งานแต่งก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนะ”
ฟ้าลดาทำได้แค่นั่งฟังมารดาเงียบๆ
“อ้อ นี่แม่เกือบลืมบอกเลย กลางวันนี้น้องฟ้าทำอาหารไปส่งให้พ่อใหญ่ที่ทำงานด้วยนะ”
“เอ่อ... พี่ใหญ่บอกคุณแม่เหรอคะ” หล่อนอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้
“ก็ใช่น่ะสิน้องฟ้า พ่อใหญ่บอกเองว่าอยากชิมฝีมือของน้องฟ้ามาก”
แม้จะไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินนัก แต่ฟ้าลดาก็อดที่จะหัวใจพองฟูไม่ได้ ใบหน้าที่เปื้อนความเศร้าหมองอยู่เมื่อครู่นี้ ตอนนี้เปลี่ยนแปลงเป็นสดใส ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกสกาว
“น้องฟ้าต้องตั้งใจทำให้สุดฝีมือเลยนะลูก”
“ค่ะคุณแม่”
พิมลวรรณเห็นลูกสาวยิ้มหวานอย่างมีความสุขก็อดที่จะอิ่มเอมหัวใจไม่ได้
“แล้วนี่น้องฟ้าคิดออกหรือยังลูกว่าจะทำอะไรไปให้พ่อใหญ่ทาน”
“คิดออกแล้วค่ะคุณแม่...”
“แล้วน้องฟ้าจะทำอะไรล่ะลูก”
“พี่ใหญ่ชอบทานแกงเขียวหวานกับทอดมัน ฟ้าจะทำสองอย่างนี้ไปให้พี่ใหญ่ทาน แล้วก็อบคุ๊กกี้ธัญพืชไปให้ด้วยค่ะ”
ดวงตาของฟ้าลดาสดใสและเต็มไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
หล่อนหวังว่าอคิราห์จะชอบอาหารที่หล่อนนำเอาไปให้ และรู้สึกดีกับหล่อนมากขึ้นจากเดิมสักนิดก็ยังดี