กลกามเทพ

1580 คำ
         เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มไปทั้งฮอลล์ หนุ่มสาววัยทำงานกำลังดิ้นกันอย่างเมามัน           “ซอมพอ... มานี่” เสียงเฟเรียกหญิงสาวที่ใส่เสื้อเกาะอกสีขาวกางเกงสามส่วนสีชมพูที่กำลังดิ้นพล่าน ๆ อยู่ที่ลานโล่งใกล้ ๆ โต๊ะท่าทางสนุกมากเอาการ         “อะไร?” เธอหันไปถามเพื่อน เพราะตอนนี้กำลังสนุกมาก แต่เฟดูแล้วโต๊ะข้าง ๆ ไม่ได้สนุกไปด้วย เพราะนางสาวซอมพอเพื่อนรักของเธอเต้นกินที่กินทางคนอื่นเขาเสียเหลือเกิน         “แหม... หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็สวย ทำไมเต้นเหมือนพวกเด็กแว้นวะ” เสียงชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ มากับเพื่อนชายสามสี่คนเอ่ยขึ้นเสียงดัง         เฟรีบลุกขึ้นไปลากตัวซอมพอกลับมาที่โต๊ะ         “อะไรกันน่ะเฟ กำลังสนุกเลย คำนวณดูแล้วฉันน่าจะลดไปได้หลายแคลอรี” เธอพูดแต่ตาก็ปรือเล็กน้อย เพราะปกติแม่สาวซอมพอไม่ใช่นักดื่ม แค่สองแก้วก็ถือว่าเยอะแล้ว และไม่นิยมเที่ยวกลางคืนด้วย เป็นพวกกินก่อนห้าโมงเย็น และนอนก่อนสี่ทุ่ม ตื่นเช้าเล่นโยคะ         ปุณฑรา ศานตนันท์ หรือ ซอมพอ สาวนักบัญชี ดีกรีปริญญาโท เรียนอย่างเดียวอย่างอื่นไม่เคยเกี่ยวข้อง ทำงาน กลับบ้าน เดินห้างชอปปิง ทำอาหารออร์แกนิกกินเอง และออกกำลังกายที่สวนสาธารณะของคอนโด         “เออน่ะ ฉันขายหน้า” เฟพูดขึ้น ดันหลังเพื่อนสาวให้นั่งอยู่กับที่ เธอเลื่อนแก้วค็อกเทลที่มีผู้ชายเอามาให้เมื่อสักครู่ ส่งไปให้เพื่อนสาว หวังจะผูกไมตรีกับเธอ แต่เฟบอกออกไปว่า “มาคอยสามี”         เฟเพื่อนสาวคนสนิทที่ทั้งสวยและทั้งเซ็กซี่ ดีกรีเลขาผู้จัดการใหญ่ของบริษัท วันนี้นัดพี่คิวคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันอีกสองสามเดือนออกมาปาร์ตี้ แต่เขาติดงานกำลังจะตามมา         “กระหายน้ำอยู่พอดี สีสวย ๆ น่าดื่มเนอะ” เธอหันไปคุยกับเฟ ดูดน้ำสีในแก้วไปปรื๊ดเดียวหมดแก้ว         “เขาเรียกว่าอะไรเนี่ย อร่อยจัง” ซอมพอพูดจบ ยกมือเรียกบริกรที่อยู่ใกล้ ๆ เข้ามารับออร์เดอร์         “น้องพี่เอาแบบนี้อีกแก้ว” เธอบอกเขาทันที นั่งยิ้มตาหวานเชื่อม         “เอ้ย...สามแก้วแล้วนะ” เฟยกมือสะกิดเหมือนห้าม เพราะรู้ดีว่า หน้าตาอย่างนี้ไม่น่ารอด เฟกลัวว่าเดี๋ยวเธอจะไปต่อกับแฟนไม่ได้ ต้องไปส่งยายซอมพอหมดสนุกกันพอดี         “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว” ซอมพอโบกมือสะบัดไปมา แต่ตอนนี้หน้าตาแดงก่ำทำตาหวานหยดอยู่ตลอดเวลา         “ฉันแค่มาเป็นเพื่อนนะ” เธอบอกกับเฟ         “ถ้าพี่คิวมา ฉันกลับเลยนะ นี่ก็เลยเวลานอนมานานแล้ว ดีนะที่เป็นคืนวันศุกร์” เธอยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู ก่อนจะเอามือลูบหน้าและตบเบา ๆ         “รอนานไหมจ๊ะ ที่รัก” พี่คิวทักขึ้นก่อนจะสวมกอดเฟด้วยความคิดถึง         “นานมาก...” ซอมพอตอบขึ้นเสียเอง ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้เขา         “อะไรกัน ดูท่ากรึ่ม ๆ หรือเมานะทำหน้าแบบนี้” พี่คิวนั่งลงใกล้ ๆ เฟ ก่อนจะหันมาแซวซอมพอ         “ถ้าพี่คิวมาช้ากว่านี้ เฟว่า ยายซอมพอคงเมากลิ้งอยู่แถวนี้แหละค่ะ แม่นี่เขาคออ่อน” เฟพูดพลางหัวเราะในท่าทีของเพื่อน              เมื่อบริกรมาเสิร์ฟอีกแก้ว แม่สาวซอมพอก็ยกแก้วของตัวเองขึ้นชนกับแก้วเครื่องดื่มของเฟและของพี่คิว         “ขอให้ทั้งสองมีความสุขมาก ๆ ซอมพอหมดแก้วนี้ขอตัวก่อนนะคะ เพราะง่วง”         “กริ๊ง...” เสียงแก้วกระทบกัน ก่อนที่สาวซอมพอจะยกแก้วนั้นขึ้นจรดที่ริมฝีปากและก็กระดกลงคอไปทีเดียว “พรวด...”         “สวัสดีค่ะ พี่คิว ไปล่ะนะเฟ วันจันทร์เจอกัน” เธอยกมือไหว้พี่คิว ก่อนจะจับมือเพื่อนเขย่า ๆ แล้วเดินจากไป         “เดี๋ยว แกกลับบ้านคนเดียวไหวนะ” เฟรีบตะโกนถามตามหลัง แต่ซอมพอก็หันมายกมือทั้งสองข้างลาเพื่อน เดินตุปัดตุเป๋ออกไปจากผับดัง           อีกมุมหนึ่งของผับเดียวกัน         “ไอ้เอ้ย กูว่ามึงกลับบ้านได้แล้วว่ะ แดกเหล้าคนเดียวจะหมดกลมนึงอยู่แล้วเนี่ย” เจหันไปตบหลังเพื่อน ก่อนจะใช้มือยกใบหน้าหล่อ ๆ ของเพื่อนที่คอพับคออ่อนขึ้นมามอง         “อะไรวะ ทำงานมันก็มีผิดพลาดกันได้ พี่ทิพย์เขาก็ด่ามึงไปยังงั้นแหละ ขี้คร้านวันจันทร์จะมา น้องเอ้ยจ๊ะน้องเอ้ยจ๋า น้องเอ้ยยังงั้นน้องเอ้ยอย่างงี้ เหมือนเดิมครับ” เจปลอบใจ         “คนอย่างผมเนี่ยนายเอ้ย ไม่เคย ๆ ทำงานพลาด แม่ง...ครั้งนี้ต้องมีคนแกล้งผมแน่ ๆ” น้ำเสียงที่พูดฟังอ้อแอ้ เขาพูดถึงงานที่ทำและทำให้เขาถูกตำหนิกลางที่ประชุมวันนี้ และทำให้พลาดงานใหญ่ไปหนึ่งงาน         “อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ผมบอกมึงแล้ว ว่าทำงาน ทำ ๆ ทำไป อย่าเกินหน้าคนอื่น แล้วเป็นไง แต่ว่าพูดก็พูดนะเว้ย เอาตรง ๆ กูว่าต้องมีคนแอบเจาะเซิร์ฟเวอร์ของมึงแน่ว่ะ ไม่งั้นข้อมูลของมึงจะไปอยู่ในมือคู่แข่งได้ไง ว่าไหม” เจทำท่าทางครุ่นคิด         “ไว้วันจันทร์นี้ก่อน ผมเนี่ยไม่ปล่อยคนชั่วลอยนวลแน่ ๆ... เอิ้ก...” เอ้ยพูดขึ้นมาอย่างมาดหมาย สะอึกขึ้นมาเป็นที ๆ ก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นกรอกลงไปในคออีก         “กลับละนะ ไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว ไม่ไหว” เอ้ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะล้วงกระเป๋าสตางค์ทำท่าจะหยิบเงินออกมาให้เพื่อน เพื่อเป็นการแชร์ค่าเครื่องดื่มและอาหาร         “เฮ้ย...ไม่ต้อง ผมเลี้ยงมึงเองครับ ค่าปลอบใจ” เจบอก ก่อนจะยัดเงินคืนเพื่อน แล้วยกตัวไวทินขึ้นเหมือนหิ้วปีก เพราะเห็นเขาพยายามจะลุกขึ้นมาหลายครั้งแต่ก็นั่งลงไปอีก         “ขอบใจว่ะ” เอ้ยเดินเป๋เอียงไปเอียงมา พยายามเดินให้ตรงเพื่อออกไปให้พ้นประตู เจมองตามเพื่อนไปด้วยความเป็นห่วง         “แม่งแดกเหล้าเหมือนน้ำ โชคดีเว้ย ไอ้เอ้ย” เจโบกมือโบกไม้ตามหลังเพื่อนไป ก่อนจะหันมาสนใจเครื่องดื่มของตัวเองตรงหน้า           ไวทิน องศกำจร หรือ เอ้ย บัณฑิตเกียรตินิยมมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ หนุ่มนักออกแบบโฆษณามือหนึ่งของบริษัท ที่เพิ่งเคยถูกตำหนิ และถูกเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งแย่งงานเด่นเงินดีไปเห็น ๆ ทำให้เขาเสียศูนย์จนมานั่งดื่มอย่างเมามายกับเพื่อนซี้ชื่อเจที่ทำงานอีกแผนกในบริษัทเดียวกัน ในคืนที่รถราไม่เป็นใจ บนถนนที่ว่างเปล่า รถราวิ่งกันให้ขวักไขว่ แต่         “วันนี้รถแท็กซี่ทำไมมันน้อยจัง” ซอมพอยืนบ่นอยู่คนเดียว โบกรถคันไหนก็ไม่ว่าง และบางคันก็ปฏิเสธ         และตอนนี้มีเงาของใครอีกคนหนึ่งมายืนข้าง ๆ สภาพโงนเงนเหมือน ๆ จะล้ม ยกมือขึ้นตรงหน้าแล้วโบกรถแท็กซี่หย็อย ๆ และตอนนี้คงเป็นรถแท็กซี่ที่ว่างเพียงคันเดียว กันที่จอดสนิทอยู่ใกล้ฟุตบาทห่างคนทั้งสองไปเล็กน้อย         "เฮ้... ฉันโบกก่อนนะ ชิ..." เธอส่งเสียงพูด เป็นจังหวะที่ทั้งสองเอามือไปแตะประตูพร้อมกัน เธอปัดมือเขาที่ทำท่าเอื้อมไปเปิดประตูรถทันที         “ผมก็โบกเหมือนกัน ผมโบกอยู่ตรงนี้” เขาชี้ตรงที่ที่เขายืน         “โน ๆโน ๆ...” ซอมพอพูดพลางใช้มือยกขึ้นส่ายดิก ๆ ต่อหน้าชายหนุ่ม และใช้มือของตัวเองเปิดประตูออก         เอ้ยมองหน้าเธอรีบแย่งเธอเปิดประตูทันที ด้วยความเมามาย ทั้งคู่ต่างหันหน้าขึ้นมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร         ในตอนนี้มีเพียงรถแท็กซี่คันนี้คันเดียว สองคนต่างมองหน้ากันก่อนจะแย่งกันขึ้นไปนั่งในรถให้ได้ทั้งคู่ แล้วทั้งคู่ก็เข้าไปนั่งในรถได้สำเร็จ         “เดี๋ยวครับคุณ จะไปไหนกันครับ” คนขับมองทั้งสองที่แย่งกันขึ้นมานั่งบนรถแบบงง ๆ         “โยนิตาคอนโด” เสียงซอมพอและเอ้ยดังขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ทั้งสองหันมองหน้ากันทันที ‘คอนโดเดียวกัน’         “งั้นคนละครึ่ง” เธอเป็นฝ่ายพูดก่อน         “ได้...” เอ้ยพูดขึ้นเสียงสูง ตอบตกลง         ทั้งสองนั่งในท่าที่สะดวก จำใจนั่งรถไปด้วยกันโดยหารค่ารถกันคนละครึ่ง         เมื่อไปถึง พอคนขับบอกราคาทั้งสองก็ล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าพร้อม ๆ กัน ซอมพอก้าวลงก่อน และเขาเดินตามลงมาแบบติด ๆ         “เชอะ...” เธอหันไปทำหน้าย่นจมูกใส่เขา ก่อนจะเดินนำลิ่ว ๆ เข้าไปในตัวอาคาร แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปกำลังออกฤทธิ์ และตอนนี้เธอนึกถึงแต่ที่นอนเพียงอย่างเดียว         ไวทินก็ไม่ต่างกัน แต่ดูท่าทีจะเมาหนักกว่าทุกครั้ง เดินตุปัดตุเป๋เซเอียงข้างไปแบบนกถลาปีกหัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม