"ข้าขอน้ำสะอาดมากหน่อย พี่ชายท่านนี้ท่านช่วยไปเตรียมน้ำสะอาดมาให้ข้าจะได้หรือไม่"
เมื่อไป๋เลี่ยงซูได้ยินสตรีแปลกหน้า ที่มีนามว่าซือเซียนหันมากล่าวไหว้วานตน ก็ได้รีบจัดแจงทำตามคำขอของนางในทันที
สตรีแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ถือว่าเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามมากผู้หนึ่ง ดวงตากลมโตขนตายาวงอน ริมฝีปากรูปกระจับ จมูกโด่งเชิดรั้นขึ้นเล็กน้อย มองดูแล้วช่างเข้ากับใบหน้าหวานรูปวงรีของนางเป็นยิ่งนัก ทำให้เขาจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานของนางอย่างมิวางตา นางให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากสตรีทั่วไป ที่ไม่มีจริตจะก้าน ยามที่นางเอื้อนเอ่ยวาจาไหว้วานตน สายตาที่จ้องมาที่ตนนั้น ก็เป็นสายตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ดูแล้ว ช่างเป็นสตรีที่ชวนให้หลงใหลผู้หนึ่งเลยก็ว่าได้
เมื่อไป๋เยว่ชิง เงยหน้าขึ้นมาก็พบเข้ากับสายตาพี่ชายของนางที่จ้องไปยังสตรีเบื้องหน้านั้น อย่างไม่วางตา ทำให้นางถึงกับคิ้วกระตุก ด้วยความหมั่นไส้พี่ชายของตนเองแทบจะในทันที
'แหมทีกับหนูละ มองเป็นเด็กตลอดเวลา แต่พอเห็นสาวๆ สวยๆ หน่อยแล้วทำตาละห้อยน้ำลายยืดเลยนะ หึ้ย จับตอนเลยดีไหมมันน่านักเชียว'
"ขั้นตอนต่อจากนี้ไป จะถือว่ามันจะเจ็บมากเสียหน่อย ให้ท่านจงอดทนให้มาก หากเจ็บมากไม่ไหวก็ให้บอกข้าๆ จะได้หยุดให้ท่านได้พักเข้าใจหรือไม่"
เมื่อได้อธิบายถึงขั้นตอนต่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งไป๋เยว่ชิงและซือเซียนก็ได้ลงมือทำการล้างแผลให้กับชายผู้บาดเจ็บนั้นในทันที
ชายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บถือว่ามีความอดทนดีเยี่ยม เพราะในระหว่างที่ไป๋เยว่ชิงและซือเซียน ล้างแผลไปพร้อมๆ กันนั้นเขาไม่แม้แต่จะส่งเสียงคร่ำครวญออกมาให้ได้ยินแม้แต่น้อย นั่นจึงเป็นเหตุให้สตรีทั้งสองคน ได้ชื่นชมในความอดทนของเขาเป็นอย่างมาก
"หากเจ็บท่านก็สามารถบอกข้าได้เพราะขั้นตอนต่อไป ข้าจะเริ่มทำการเย็บแผลให้กับท่าน มันอาจจะเจ็บมากเสียหน่อย แต่หากท่านทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ร้องบอกข้าได้เลย"
เมื่อกล่าวจบทั้งสองคน จึงได้เริ่มทำการเย็บแผลไปพร้อมๆ กัน เพราะว่ายิ่งทิ้งระยะเวลาไว้นาน ก็จะยิ่งทำให้คนเจ็บเสียเลือดมากยิ่งขึ้น
ในการเย็บแผลนั้น ไป๋เยว่ชิงได้นำเส้นเอ็นของสัตว์ นำมาใช้เป็นไหมในการเย็บแผล เพราะมันมีความทนทานไม่ฉีกขาดง่าย เหมาะสำหรับที่จะมาใช้ดึงผิวหนังและเนื้อเยื่อให้เข้ากันได้เป็นอย่างดี
อุปกรณ์ในการเย็บแผลถูกวางออกมาต่อหน้าของสตรีทั้งสอง พวกนางไม่ต้องบอกกล่าวสิ่งใดต่อกันว่าจะใช้อุปกรณ์ใดทำเช่นใด ไป๋เยว่ชิงได้สั่งทำเข็มโค้งที่เป็นรูปครึ่งวงกลม ตรงปลายของเข็มถูกตีให้เป็นเหลี่ยม มีขนาดแตกต่างกันไปหลายขนาด และยังมีอุปกรณ์ในการหนีบเข็มที่บริเวณ ปลายของมัน ยังถูกตัดเป็นเส้นๆ หลายเส้น ทั้งสองด้าน เมื่อนำมันมาหนีบกับเข็มรูปครึ่งวงกลมนั้น ก็ทำให้เข็มไม่เลื่อนหลุดไปโดยง่าย และท่วงท่ากิริยาท่าทางที่สตรีทั้งสองใช้ในการเย็บแผลนั้นถือว่ามีความชำนาญเป็นอย่างมาก เมื่อใช้เวลาเพียงไม่นาน การเย็บแผลก็เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อย สร้างความแปลกใจให้กับบุรุษหนุ่มที่ยืนดูพวกนางอยู่ในขณะนี้อย่างห้ามไม่ไหว ไยเขาถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องสาวของตนนั้นมีความสามารถถึงเพียงนี้ จากบาดแผลที่มีลักษณะเปิดกว้าง แต่พวกนางใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ก็สามารถจัดการให้แผล กลับมาอยู่ในสภาพปกติ เลือดที่เคยไหลออกไม่หยุดนั้นก็ได้หยุดลงในทันที
ซึ่งในตอนนี้ มิใช่แค่เพียงไป๋เลี่ยงซูเท่านั้นที่ดูจะตกใจกับฝีมือการรักษาของสตรีทั้งสองคน ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เริ่มหันมาให้ความสนใจ กับการรักษาของสตรีทั้งสองคนแล้วเช่นกัน พวกเขามิเคยพบเจอการรักษาด้วยวิธีการเย็บแผลที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน รวมทั้งอุปกรณ์ที่พวกนางใช้นั้นถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่แปลกใหม่สำหรับพวกเขาเลยก็ว่าได้ สำหรับบางคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ถือว่าเป็นศิษย์เอกหรืออาจารย์ของสำนักจิวฝู แต่พวกเขาก็ไม่เคย ได้เห็น หรือรู้จักถึงวิธีการที่พวกนางทั้งสองคนใช้มาก่อนเช่นกัน
สำหรับไปเลี่ยงซูนั้น เขาใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมานานเหตุใดเขาจะไม่รู้ว่าเมื่อได้รับบาดแผลแล้วนั้น ก็จะใช้เพียงสมุนไพรรักษาแผลไว้ ใช้ระยะเวลาหลายวันกว่าแผลนั้นจะสมานและหายเป็นปกติดังเดิม และบางครั้งยังเสี่ยงต่อการที่แผลจะติดเชื้ออักเสบ ลุกลามจนทำให้เสียชีวิตได้ แต่หากมีวิธีการเย็บแผลที่สุดประหลาดเช่นนี้ เขาก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับบาดแผลเมื่อเกิดการบาดเจ็บอีกต่อไปแล้ว
เมื่อทำการเย็บแผลจนเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นางก็ไม่ลืมที่จะตรวจดูอาการของผู้ป่วยโดยรวมตรงหน้า โดยการตรวจดูสภาพร่างกายและการบาดเจ็บส่วนอื่น ซือเซียนหันไปจับชีพจรของบุรุษที่ได้รับบาดเจ็บตรงหน้า และเปิดดูเปลือกตาของผู้บาดเจ็บ ว่ามีอาการซีด จากการเสียเลือดบ้างหรือไม่
"หากผู้ป่วยมีอาการเสียเลือดมาก สามารถดูได้ที่เปลือกตาของผู้ป่วย จะมีลักษณะซีดจางไม่มีสีเลือด นั่นแสดงว่าผู้ป่วยเริ่มมีอาการหนักและเสียเลือดมาก จำเป็นต้องได้รับเลือดในทันที แต่เท่าที่ข้าตรวจดูอาการของคุณชายในตอนนี้ พบว่าชีพจรของคุณชาย อาจจะมีเต้นเร็วบ้างบางจังหวะ นั่นเป็นอาการปกติของผู้ที่เสียเลือดแต่ก็ไม่ได้ถึงกับว่าแย่มากเสียทีเดียว ข้าคิดว่าเพียงพักผ่อนและทานยาไม่กี่เทียบ อาการของคุณชายก็น่าจะดีขึ้นแล้ว"
ซึ่งในขณะที่ทั้งสอง ได้ตรวจอาการและทำการรักษาบุรุษที่ได้รับบาดเจ็บผู้นั้นอยู่นั้น พวกนางก็ไม่ได้รับรู้เลยว่าในตอนนี้ ได้มีสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมาที่พวกนางอย่างมิวางตา อยู่ๆ เขาก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแทบจะในทันที ทำให้ผู้คนโดยรอบหันไป จ้องมองที่เขาเป็นจุดเดียวอย่างพร้อมเพียงกัน
"ท่านหมอเทวดาฝู เหตุใดท่านถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้เล่า"
หนึ่งในท่านอาจารย์ของสำนักจิวฝูกล่าวขึ้น เมื่อได้เห็นว่าบุคคลที่หัวเราะออกมาเสียงดังนั้นเป็นผู้ใด
"ข้าแค่เพียงออกมาเดินเล่นแก้เบื่อก็เท่านั้น แต่ก็ได้พบเห็นสิ่งที่น่าสนใจเข้า ก็เลยได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เพราะนานมากแล้วที่ข้าไม่ได้พบเห็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นนี้ พวกนางช่างน่าสนใจจริงๆ ท่านว่าหรือไม่"
"ท่านหมายถึงผู้ใดกัน"
"จะหมายถึงผู้ใดได้อีกกันเล่า ก็สตรีทั้งสองนาง ที่ให้การช่วยเหลือบุรุษที่นอนบาดเจ็บเจียนตายอยู่ตรงนั้นเช่นใดเล่า บุรุษที่พวกท่านมิสนใจจะทำการรักษาเลยด้วยซ้ำแต่เหตุใดแม่นางทั้งสองคน จึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ข้าละอดสงสัยใคร่รู้อยากจะทราบถึงเหตุผลนั้นเสียจริง แม่นางทั้งสองพอจะบอกกล่าวเหตุผลแก่ข้าผู้นี้ได้หรือไม่"
"เอ๋! ท่านหมอกล่าวกับพวกข้าหรือเจ้าคะ"
"ถ้าไม่ใช่พวกเจ้าแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีกกันเล่า ช่วยตอบให้ข้าหายข้องใจจะได้หรือไม่"
'อะไรนะเมื่อกี้พวกเขาเรียกบุรุษตรงหน้านี้ว่าท่านหมอเทวดาฝูใช่ไหม อร๊ายงั้นก็ ถือว่าโชคเข้าข้าง ไป๋เยว่ชิงแล้วสิค่ะ เชื่อสิตามนิสัยอาจารย์หมอที่มันบ้าๆ บอๆ ถ้าตอบดีถูกใจ มีหวังไม่ต้องสอบแข่งขันให้มันยาก เขาจะรับเราเข้าไปเป็นศิษย์ในทันที โอกาสมารออยู่ตรงหน้าแล้ว แกต้องทำให้ได้นะ แม่คิดอย่างที่หนูคิดใช่ไหมแม่'
เหตุที่ข้าช่วยเหลือบุรุษผู้นี้นั้นก็เนื่องด้วยว่า ในฐานะจรรยาบรรณของผู้ที่เป็นหมอนั้น เราจะต้องไม่แบ่งแยกชนชั้นวรรณะในการช่วยเหลือคนเจ็บ เมื่อเห็นว่ามีคนเจ็บมาตรงหน้า เราก็ต้องรีบให้การช่วยเหลือเขาผู้นั้นอย่างสุดความสามารถ หากในตอนนั้นข้า ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบุรุษผู้นี้แล้วไซร้ เขาจะยังมีชีวิตอยู่รอดได้เช่นไร ในเมื่อทุกคนในที่นี้ ต่างก็ให้ความสนใจไปที่บุตรชายของท่านเจ้าเมืองจนหมดสิ้น มิหันมาสนใจหรือดูดำดูดีกับสองแม่ลูกนี้ที่ซึ่งมาขอความช่วยเหลือ อยู่ที่สำนักจิวฝูก่อนหน้าท่านเจ้าเมืองด้วยซ้ำ ดังนั้นข้าจึงทำตามปณิธานที่ตนได้ตั้งเอาไว้ก็เท่านั้นเจ้าค่ะ"
"ดี! เป็นคำตอบที่ดี แล้วเจ้าเล่าแม่นางน้อย เจ้าลองบอกเหตุผลกับข้าได้หรือไม่"
หยางซือเซียนก็ไม่รอช้าเพราะนางก็คิดเช่นเดียวกันกับไป๋เยว่ชิงเช่นเดียวกัน หากตอบคำถามได้ดี นางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปสอบแข่งขันกับผู้อื่นให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นหยางซือเซียนจึงประมวลผลคำตอบของตนก่อนที่จะต่อไปอย่างมีหลักการและเหตุผลในทันที