@ผับดังกลางกรุง Fire Club
ร่างผอมบางและสูงเพียง 160 เซนติเมตร ดูสูงขึ้นมาจากเดิมเพราะรองเท้าส้นแหลมปรี๊ดที่สวมอยู่ ร่างกายห่อหุ้มด้วยชุดสีดำวิบวับ ด้านหน้าผ่าลึกจนเห็นร่องอก ด้านข้างไร้เนื้อผ้า มีเพียงเชือกสีดำสนิทสานทับกันไปมา เป็นลวดลายกากบาท
‘ชุดเที่ยวกลางคืนชุดเดียวที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้า ที่เหลือคือชุดกราวและชุดสำหรับใส่ทำงาน’
เธอคนนั้นเดินเข้ามาในผับหรู ซึ่งเปิดเพลงเสียงดังกระหึ่ม แทรกกายผ่านผู้คนหลายร้อยชีวิต ที่กำลังวาดลวดลายเต้นตามเสียงเพลงสากลซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ใบหน้าโดดเด่นของเธอ ทำให้สายตาหลายคู่จ้องมอง บางคนกลืนน้ำลายลงคอเพราะชุดที่เธอสวมอยู่ บางคนมองด้วยสายตาเชิญชวน และคาดหวังจะเข้ามาสานสัมพันธ์
มาลีญาเบ้ปากขึ้นสูง เมื่อสอดส่องสายตาจนทั่วบริเวณชั้นหนึ่งของร้าน แล้วไม่เจอกลุ่มเพื่อนที่นัดให้เธอออกมาดื่มด้วย ตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อยๆ มองป้ายด้านบนเพื่อใช้มันนำทาง เมื่อเห็นป้ายบอกทางไปโซนวีไอพี ใบหน้าสวยก็ระบายยิ้มออกมา สาวเท้าเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง เดินพร้อมกับส่องสายตาหาเพื่อนเหมือนเดิม
หวังว่าอยู่ในใจลึกๆว่าทุกคนคงจะอยู่ชั้นนี้ เธอไม่อยากไปหาต่อที่ชั้นสาม เพราะชั้นนั้นเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างเข้มงวด และตรวจตราคนที่สามารถย่างกรายขึ้นไปได้
“นาเนียร์ทางนี้!”
เสียงเพื่อนเรียกชื่อตัวเองดังอยู่ไม่ไกล หญิงสาวรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปหา มองโต๊ะที่เพื่อนนั่งอยู่อย่างพึงพอใจ จุดที่เพื่อนนั่งรออยู่ อยู่ริมระเบียงชั้นลอย สามารถมองลงไปด้านล่างเห็นบริเวณชั้นหนึ่งทั้งหมด อีกทั้งยังมองเห็นห้องกระจกที่อยู่ชั้นสามด้วย
“โทษทีที่มาสาย พอดีเพิ่งออกเวร”
หมอสาววัย 24 ปีส่งยิ้มกว้างให้เพื่อนรุ่นเดียวกัน รับแก้วเหล้าจากเพื่อนมาถือ มองน้ำด้านในนิดๆ ก่อนจะตัดสินใจดื่มน้ำสีอำพันลงไปเกือบครึ่งแก้ว แอลกอฮอล์วิ่งพร่านจนร่างกายร้อนขึ้นมา ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้น ตามประสาคนเลือดสูบฉีดดี
“เบาๆสิคะคุณหมอ จะรีบร้อนไปไหน”
“ไม่ได้รีบหรอก แต่นานๆมาดื่มที เลยตื่นเต้น”
มาลีญา คุณหมอหมาดๆวัย24ปี เธอเป็นหมอที่เพิ่งบรรจุเข้าทำงานในโรงพยาบาลได้ไม่นาน เป็นเจ้าของใบหน้าสวยโดดเด่น เพียบพร้อมไปด้วย รูป ทรัพย์ และสมบัติ เนื่องจากเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลพิศภานุสิทธิ์ ตระกูลที่มั่งคั่งจากการขายเพชรน้ำดี ที่มีชื่อบริษัทว่า My Diamonds
แม้จะเรียนอย่างเดียว หน้าที่เกี่ยวกับธุรกิจ มีพี่สาวคนโตอย่างมัลลิกาคอยดูแลอยู่ แต่เพราะเป็นตระกูลที่มั่งคั่งอยู่ก่อนแล้ว มาลีญาจึงได้รับการดูแลจากครอบครัวเป็นอย่างดี ใช้ชีวิตเป็นคุณหนูไฮโซ จนเพื่อนหลายๆคนนึกอิจฉา ไม่เว้นแม้กระทั่งเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันตอนนี้
“ดื่มเหล้าแล้วสดชื่นขึ้นมาไหม?”
เพื่อนสาวที่เป็นคนยื่นแก้วเหล้าให้ ถามด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเคลือบยาพิษชนิดร้ายแรงไว้ มองเหล้าในแก้วที่พร่องลงไปเกือบหมด มองเพื่อนอีกสองคนที่ร่วมกันวางแผน ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ เมื่อแผนการสำเร็จเกินครึ่งไปแล้ว
มาลีญาเป็นเพื่อนที่ดี แต่เพราะเธอสวยและอัธยาศัยดีมาก จึงทำให้ใครๆต่างก็ตกหลุมรัก เพียงแค่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน คนรักของเธอก็เป็นดังเช่นที่กล่าวมา หมอธนินท์ที่เป็นรุ่นพี่สองปี สารภาพกับเธอว่าหลงรักนาเนียร์และขอเลิก ถ้าหากเขาเป็นแค่แฟนเธอจะไม่แค้นใครเลย แต่นี่เขากำลังจะเป็นพ่อของลูกในท้องนี่สิ
เพราะไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ความแค้นทั้งหมดจึงมาลงที่เพื่อน ถ้าหากทำให้ผู้หญิงคนนี้แปดเปื้อนได้ คงไม่มีใครกล้ามาตกหลุมรักผู้หญิงอย่างนาเนียร์อีก
“แล้วนัดเนียร์ออกมาทำไมเหรอ?”
มาลีญาเอ่ยถามเพื่อนที่เคยเรียนแพทย์มาด้วยกันเสียงหวาน ไม่ระมัดระวัง แม้จะเห็นว่าเพื่อนแอบทำสายตาไม่พอใจส่งมาให้ตัวเอง
เข้าใจเรื่องที่เพื่อนโกรธ เพราะเธอทำให้เพื่อนกับคนรักทะเลาะกัน แต่เธอบอกหมอคนนั้นไปแล้ว และเขาก็รับปาก ว่าจะกลับไปคืนดีกับเพื่อนของเธอ
“เรามีเพื่อนมาแนะนำให้เนียร์รู้จัก เขาบอกว่าชอบเนียร์มาก! อีกสักพักก็คงมาถึง”
คนหน้าสวยขยับตัวอย่างอึดอัด มองเพื่อนที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทกันมาก คุยกันได้ทุกเรื่องอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นอื่น ทั้งที่เธอไม่ผิดสักนิด ไม่เคยทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายคนนั้นจนเกินงาม ถ้าจะโกรธทำไมไม่โกรธผู้ชายคนนั้น
“เนียร์ . . . ”
มองซ้ายขวาเพื่อหาทางเอาตัวรอด เริ่มรู้สึกแปลกๆทั้งที่ดื่มเหล้าไปเพียงครึ่งแก้ว รอยยิ้มเป็นมิตรก่อนหน้า แปรเปลี่ยนไปแล้ว เหลือเพียงรอยยิ้มเยาะหยัน เมื่อเห็นท่าทางของเธอ
พรึ่บ!
“จะไปไหนนาเนียร์! ไปจับมันมาสิ!”
ก้าวเดินโดยไม่สนเสียงตะโกนตามหลัง ดวงตามองหาทางออก ในขณะที่ร่างกายเริ่มร้อนรุ่มราวกับมีไข้ ใบหน้าผุดพรายไปด้วยเหงื่อเม็ดโต หยดลงมาตามใบหน้า ราวกับคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จยังไม่ได้เช็ดตัว
เหล้านั้นมันต้องมีแน่ๆ สารบางอย่างที่ผสมอยู่ในเหล้า เธอวางใจมากเกินไป คิดว่าคนพวกนั้นคงเห็นเธอเป็นเพื่อนบ้าง แต่ไม่เลย เธอไม่ถูกคนพวกนั้นนับเป็นเพื่อนมาตั้งนานแล้ว
แอ๊ด!
มือเล็กยกขึ้นผลักประตูห้องที่ปิดอยู่ออก แทรกตัวเข้าไปด้านในเพื่อหลบภัย สมองเริ่มถูกฤทธิ์ยาควบคุม การครองสติก็เริ่มแย่ลง
ภาพตรงหน้าที่เห็น คือชายชุดดำจำนวนห้าคน นั่งคุย นั่งดื่มกันอยู่บนโซฟาหนังมันขวับ สีหน้าของพวกเขาดูตกใจมากที่เห็นธอ มีเพียงผู้ชายที่นั่งอยู่ลำพัง กับผู้ชายที่เป็นชาวต่างชาติ ใบหน้าของพวกเขาไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่ได้ตกใจแม้จะถูกเธอบุกรุกเข้ามาโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต
“ชะ ช่วยด้วยค่ะ”
เสียงหวานแหบพร่า เดินเข้าไปใกล้หวังขอความช่วยเหลือ ถ้าเป็นคนอื่น คงวิ่งหนีไปตั้งแต่เห็นผู้ชายพวกนี้ แต่เธอกลับเลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายที่นั่งอยู่คนเดียว ทรุดตัวลงบนพื้นด้านล่าง กอดขาเขาไว้แน่น
“พี่เพลิง ช่วยด้วย ฮึก! ร้อน”
เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้เจ้าของชื่อยกมือขึ้นโบกไล่คนของตัวเอง ที่กำลังนั่งคุยงานอยู่ออกไปจากห้องทั้งหมด ทอดสายตาสำรวจชุดบนร่างกายเล็ก มุมปากกระตุกรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม จนคนมาขอความช่วยเหลือตัวสั่นระริก เพราะความกลัว
หมับ!
“ร้อนมากเหรอ!?”
“อึก อือ ไม่ร้อนแล้ว”
จากที่คิดว่าเขาจะช่วยแต่โดยดี ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวเขามากกว่าคนพวกนั้นซะอีก ถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด แต่ฤทธิ์ยาทำให้ร่างกายทำงานช้าลง มือใหญ่ปล่อยแก้วในมือร่วงลงพื้นอย่างไม่ใยดี ยื่นไปคว้าเองคอดกิ่ว ดึงคนบนพื้นขึ้นมานั่งบนตัก ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงกระด้างเย็นชา
“อ้าปาก!”
“หือ!”
มือเรียวเล็กยกขึ้นปิดปากไว้แน่น เมื่อโดนคนตัวโตออกคำสั่งใส่ ใบหน้าแดงปรั่งมากขึ้น เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเคยทำกับตัวเองมาตลอดสี่ปี
ผู้ชายคนนี้มาลีญารู้จัก เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่เข้ามาป่วนชีวิตเธอจนหัวหมุน เข้ามาทำให้ใจเต้นรุนแรงแล้วก็หายไป พอเธอเริ่มคิดถึงเขาจนทนไม่ไหว ก็มาโผล่อยู่ตรงหน้า สำหรับเธอ เขาเป็นเหมือนผีมากกว่าคน