“ไม่เป็นไรค่ะ เนียร์ไม่หิว”
ร่างบอบบางในชุดเดรสสีหวานก้าวขาออกห่าง เขาไม่ให้คนไปส่งเธอกลับเองก็ได้ เพราะเมื่อคืนเธอขับรถมา แต่ที่บอกให้เขาส่งคนไปส่ง เพราะคิดว่าเขาน่าจะไม่ว่างไปส่งเธอเองนะสิ
ก็ทุกทีเขาทำแบบนั้นอะ ไปรับ-ไปส่งเธอตั่งแต่สมัยเรียน ทำแบบนั้นทั้งๆที่เธอไม่เคยขอร้องให้ทำ เป็นความเคยชินที่ถูกเขายัดเยียดมาให้ก่อน
“อย่าทำให้หงุดหงิด”
น้ำเสียงเย็นเชียบทำให้คนตัวเล็กเดินตึงตังไปนั่งรอที่โซฟา ขาเรียวสวยตวัดขึ้นไขว่ห้าง ใบหน้าเชิ่ดรั้นขึ้นอย่างคนถูกขัดใจ
“แค่สิบนาที”
เพลิงอมยิ้มนิดๆ มองร่างกายเล็กๆในชุดเดรสที่ตัวเองเป็นคนเลือกซื้อมาให้เพียงครู่ สายตาและสติกลับมาโฟกัสที่เอกสาร ก้มหน้าไล่สายตาอ่านข้อความในนั้น เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กได้มองสำรวจใบหน้าหล่อเหลาบ้าง
มาลีญาไล่สายตามอง เริ่มตั้งแต่เส้นผมสีดำสะท้อนแสงไฟในห้องจนกลายสีอ่อน คิ้วสีดำหนาเรียงกันเป็นระเบียบ ดวงตาคมเหมือนหมาป่า เวลาที่เผลอจับจ้องเธอมักจะกลัวจนตัวสั่น จมูกโด่งคมเป็นสันปลายรั้นขึ้นจนน่าอิจฉา ริมฝีปากกระจับได้รูปเป็นสีชมพูอ่อน ทั้งที่เขาเองก็สูบบุหรี่ออกบ่อย
“มองอะไร?”
ดวงตาคู่คมเป็นประกาย ยกมือประสานกันวางตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน มีผู้หญิงนั่งสำรวจใบหน้าด้วยสายตาแบบนั้น คงมีสมาธินั่งทำงานอยู่หรอก
“เรื่องเมื่อคืน อย่าบอกใครนะคะ”
“หมายความว่า ไม่อยากให้ฉันเอาเรื่องคนที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพนั้น?”
ถามไปอย่างนั้นแหละ เธอจะเอาเรื่องหรือไม่ ตอนนี้มันไม่สำคัญหรอก เพราะเขาออกคำสั่งไปแล้ว พี่เอริกจะไม่หยุด ถ้าไม่มีคำสั่งใหม่ และเขาไม่คิดจะเปลี่ยนคำสั่ง เปลี่ยนไปก็คงไม่ทันการ ป่านนี้ผู้ชายคนนั้นทำลายผู้หญิงพวกนั้นจนย่อยยับไปแล้ว
แม้จะไม่ใช่การฆ่าให้ตาย แต่การทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ก็ไม่ต่างจากตายนักหรอก
“ฉันก็ยังไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ”
มาลีญากำมือแน่น เธอเห็นใจเพื่อนคนนั้นมาก เพื่อนเธอก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่นา เธอก็ยังไม่ได้เป็นอะไรด้วย ให้มันจบแค่นี้ก็พอแล้วไหม ชีวิตต้องดำเนินต่อไปไม่ใช่เหรอ
“ต้องรอให้เป็นก่อนสินะ”
เพลิงพูดเสียงเรียบ คนส่วนใหญ่มีความคิดแบบนี้เกือบ 90เปอร์เซ็นต์ เขาไม่โทษเธอหรอก แต่เขาไม่ชอบ และไม่คิดจะเปลี่ยนใจด้วย สิ่งที่ทำถือว่าถูกต้องแล้ว เขาไม่รอให้มันเกิดก่อนแล้วค่อยแก้หรอกนะ สำหรับเขาตอนนี้ เรื่องร้ายๆมันเกิดขึ้นกับเธอไปแล้ว เธอก็แค่โชคดีไหวตัวทัน แล้วถ้าโชคไม่ดีล่ะ?
“ก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
“แล้วหมายความว่ายังไง?”
“ก็ เพื่อนเนียร์ท้องอยู่ เธอคงทำไปเพราะอยากปกป้องตัวเองกับลูก”
“ด้วยการทำลายคนอื่น? เธอคิดเหรอนาเนียร์ว่าโลกนี้มันสวยงาม อย่าโลกสวยนักเลยๆ”
“เนียร์ไม่ได้โลกสวยนะ!”
“เหอะ!”
ก๊อกๆ
“เข้ามา”
เพลิงละความสนใจจากคนตัวเล็ก มองบานประตูที่ถูกผลักเข้ามานิ่งๆ เอริกเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสบายๆอย่างเคย ยิ้มให้คนตัวเล็กที่นั่งมองอยู่บนโซฟา มองใบหน้าเจ้านายอย่างขอความเห็น ว่าจะให้รายงานเรื่องที่สั่งไปเมื่อคืนตอนนี้เลยหรือเปล่า
“เอาไว้ก่อน ผมจะไปกินข้าวกับเธอ”
“ไม่กินแล้ว มีธุระ”
มาลีญาปฏิเสธเสียงห้วน ลุกขึ้นยืนอย่างไม่แคร์ มองหากระเป๋าของตัวเอง เมื่อเห็นว่ามันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ก็เดินเข้าไปหยิบมันมาคล้องไว้บนไหล่ มองใบหน้าไม่พอใจนิ่งๆ
ไม่พอใจเป็นคนเดียวหรือไง เธอก็ไม่พอใจคำพูดเขาเหมือนกันแหละ!
“นาเนียร์!”
“ไม่ต้องมาขู่ ไม่กลัว เมื่อคืนขอบคุณที่ช่วยไว้ค่ะ หวังว่าเราจะไม่มีเรื่องให้ต้องเจอกันอีก”
พูดจบก็ก้าวเดินเร็วๆออกไปจากห้อง ความเอาแต่ใจนั้น ไม่ได้ทำให้คนอายุมากกกว่ารู้สึกโกรธ เพลิงมองประตูที่ถูกปิดลงนิ่งๆ ส่งสัญญาณให้มือขวารายงานเรื่องทุกอย่าง เอริกรีบเดินเข้าไปใกล้ เล่าเรื่องที่ไปจัดการให้เจ้านายฟังอย่างละเอียด
“ผมจัดการตัดแขนตัดขา คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อคืนหมดทุกคนแล้ว”
“รวมทั้งผู้ชายคนนั้น?”
“แน่นอน ไอ้นั่นมันต้องเจอหนักที่สุดอยู่แล้ว”
เอริกยิ้มอย่างภูมิใจในผลงานของตัวเอง การจัดการให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกจากตำแหน่งงานที่ทำอยู่ สามารถทำได้อย่างง่ายดาย รวมถึงทำให้ผู้ชายคนนั้นถูกเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพด้วย
“แล้วคนอื่นๆ?”
คนอื่นๆที่เพลิงพูดถึง เอริกรู้ดีว่ามันเฉพาะเจาะจงไปที่พัชราภา เพลิงคงดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ที่ถามคงอยากจะรู้ ว่าเขาจัดการผู้หญิงคนนั้นยังไง คิดว่าเขาแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกหรือไง เขามืออาชีพจะตาย
“ก็จัดการเหมือนกันหมดแหละ”
“เว้นไว้สักคนก็ได้นะ”
“บอกตอนนี้ไม่ทันแล้ว”
เพลิงมองคนที่ทำงานให้ตัวเองด้วยความรู้สึกเห็นใจ เขาเพิ่งจะมีโอกาสได้ดูกล้องวงจรปิดในร้าน เพิ่งจะเห็นว่ามีผู้หญิงคนนั้นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ถ้าเขาดูตั้งแต่เมื่อคืน เขาจะเปลี่ยนคำสั่งใหม่ ให้เว้นผู้หญิงคนนั้นไว้สักคน ให้พี่เอริกจัดการเธอตามดุลพินิจของเขา แต่มันก็ไม่ทัน
“แล้ว…”
“ก็โดนเกลียดอยู่แล้ว โดนเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เห็นเป็นไรเลย”
ยักไหล่ขึ้นลงอย่างไม่แคร์ แม้หัวใจจะปวดแปลบขึ้นมากับคำว่าเกลียด เดินไปทิ้งตัวบนโซฟา หยิบเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะมาเทลงคอ
“อืม”
เพลิงนั่งทำงานต่อเงียบๆ ไม่สนใจใคร รวมถึงผู้หญิงที่หนีไปด้วย เขามีวิธีรับมือกับความโกรธของมาลีญา จะบอกว่ารู้นิสัยเธอก็ไม่เชิงหรอก เธอเป็นผู้หญิงประเภทโกรธง่ายหายเร็ว ไม่ค่อยคิดมากเรื่องอะไรนานๆ ปล่อยให้เธอได้อยู่กับความคิดของเธอบ้าง น่าจะดีกว่า เพราะยังไงเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของเธอ