บทที่16) กรรมที่ไม่ได้ก่อ

1350 คำ
"คุยอะไรกันนานขนาดนั้น" ไฟท์เตอร์ว่าเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่สาลี่นั้นบอกลาเพื่อนร่วมกลุ่มอยู่นานถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยกัน "ไม่ได้ขอให้รอ" สาลี่พูดลอยหน้าลอยตาอย่างไม่คิดที่จะสนใจคนที่นั่งประจำอยู่ตรงที่นั่งคนขับเช่นเดียวกัน "รีบมากก็เชิญไปก่อน" "อย่าปากดีสาลี่" ไฟท์เตอร์กดเสียงต่ำอย่างข่มขู่ภรรยาสาวของตัวเอง "ขอเตือนเธอเอาไว้ก่อนนะสาลี่ว่าความอดทนของไอ้ไฟท์เตอร์คนนี้มันมีขีดจำกัดนะครับ!" สาลี่เลือกที่จะไม่ต่อความอะไรให้ยืดยาว ก่อนจะพิงตัวลงกับกระจกและมองไปยังทิวทัศน์ข้างนอกแทน ปึก! "โอ๊ย! ทำบ้าอะไรของนาย!" สาลี่ยกมือขึ้นกอบกุมขมับด้านขวาที่เริ่มมีเลือดซึมออกมาด้วยความเจ็บปวด หลังจากที่ไฟท์เตอร์นั้นเบรครถกระทันหันจนเธอไถลไปชนเข้ากับคอนโทรลหน้ารถเสียจนเต็มแรง "นั่นคือเหตุผลที่เธอควรคาดเข็มขัดนิรภัยสาลี่" เมื่อได้ยินดังนั้นสาลี่ที่คุ้นชินกับการไม่คาดเข็มขัดนิรภัยก็ลอบกลอกตามองบนอย่างนึกหมั่นไส้ไฟท์เตอร์ในทันที "สาลี่ อย่าดื้อฉันไม่ชอบ" "รู้แล้วน่า!" สาลี่ว่าอย่างกระแทกกระทั้นก่อนจะยอมเลื่อนตัวมาขัดเข็มขัดนิรภัยตามคำร้องบอกของไฟท์เตอร์แต่โดยดี บ้านบริบูรณ์ทินยไท "สวัสดีครับอาจารย์ เชิญอาจารย์เข้ามาทานกาแฟข้างในบ้านก่อนสิครับ" ทรงวุฒิออกมาต้อนรับอาจารย์หนุ่มหน้าตาหล่อเหลาด้วยความรู้สึกยินดีไม่หายที่ลูกสาวของเขากำลังจะได้เป็นตัวแทนในระดับสายชั้นไปศึกษาเรียนรู้ในภาคเหนือ "ครับ" ไฟท์เตอร์ขานรับสั้นๆ ก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาเข้าไปในบ้านหลังหรูตรงหน้าตามคำเชิญชวนของเจ้าบ้านอย่างทรงวุฒิ "อาจารย์ทานกาแฟใส่น้ำตาลไหมคะ" สาลี่เอ่ยถามตามวิถีเจ้าบ้านที่ดี "สาลี่ไม่แน่ใจเลยตั้งใจจะถามอาจารย์ดูก่อน" "อาจารย์ชอบทานเอสเปรสโซ่เข้มๆ ครับสุนิสา" สาลี่ที่ได้ยินดังนั้นจึงก้มคำนับรับอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมของว่างและกาแฟให้กับไฟท์เตอร์ "กาแฟค่ะคุณพ่อ กาแฟและของว่างค่ะอาจารย์" "ลูกสาวของผมจะต้องเดินทางไปภาคเหนือในวันไหนนะครับอาจารย์" ทรงวุฒิกดหน้าให้ลูกสาวเล็กน้อยพลางหันมาเอ่ยถามอาจารย์หนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้กันกับเขา "มะรืนนี้ครับคุณพ่อ" แม้คำว่าคุณพ่อนั้นจะฟังดูคล้ายกับว่าอาจารย์กำลังแสดงความสนิทสนมต่อผู้ปกครองของนักเรียน แต่สาลี่กลับมองออกว่าแท้จริงแล้วไฟท์เตอร์มีความแฝงอยู่ในคำพูดอันเรียบง่ายของเขา... "ยังไงผมก็คงต้องขอฝากคุณครูด้วยนะครับ เธออาจจะดื้อไปบ้างแต่ผมก็มั่นใจว่าลูกสาวของผมเธอเป็นคนที่มีไหวพริบดีเลิศและเรียนรู้เร็วอย่างแน่นอน" สาลี่ที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจอยู่ไม่น้อยที่อย่างน้อยๆ แล้วคนเป็นพ่อก็ยังพอที่จะมองเห็นความพยายามในการเรียนหนังสือของเธออยู่ "ขาดเหลืออะไรบ้างสาลี่ พ่อจะให้ไอ้เชิดมันเตรียมให้" "ของผู้หญิงเล็กๆ น้อยๆ ค่ะคุณพ่อ เดี๋ยวยังไงสาลี่ค่อยออกไปซื้อเองวันนี้เลยก็ได้ค่ะ" สาลี่เผยรอยยิ้มน่ารักสดใสให้กับผู้เป็นพ่อ ด้วยเธอนั้นยังคงรู้สึกดีใจไม่หายกับการได้รับความชื่นชมจากผู้เป็นพ่อ เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ "งั้นเดี๋ยวพ่อจะโทรบอกให้เจ้าสันต์มันมารับนะ แกออกไปคนเดียวมันอันตราย" ทรงวุฒิกล่าวอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขานั้นเริ่มที่จะมีใจถูกชะตาต่อคมสันต์ขึ้นมาบ้างแล้วนั่นเอง ในขณะที่สามีตีทะเบียนอย่างไฟท์เตอร์ก็ได้แต่กำหมัดแน่นเมื่อได้รับรู้ว่าผู้ชายที่ตนได้ลงมือทำร้ายร่างกายเมื่อครั้งก่อนนั้นมีความสนิทสนมกับครอบครัวของหญิงสาวมากมายแค่ไหน "ค่ะคุณพ่อ" สาลี่ขานรับอย่างว่าง่ายและพยายามที่จะไม่หันไปสบตากับไฟท์เตอร์ ด้วยรู้ดีว่าเขานั้นจะต้องจ้องมองมายังเธอด้วยสายตาอาฆาตมาดร้ายอย่างแน่นอน "คุณแม่ระวังนะครับ" เสียงทุ้มนุ่มของคมสันต์ที่ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบ้านเรียกความสนใจจากสามชีวิตที่นั่งสนทนากันอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ของบ้านได้เป็นอย่างดี "แม่เราเขาเป็นยังไงบ้างตาสันต์" ทรงวุฒิเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงความเป็นไปของภรรยาที่มีนัดตรวจร่างกายกับคุณหมอที่โรงพยาบาลในวันนี้ "หมอแจ้งว่าร่างกายและจิตใจของคุณแม่ได้กลับมาอยู่ในสภาวะแข็งแรงแล้วครับคุณพ่อ" "ก็แม่ได้คนดูแลดี พ่อก็ดูแลแม่ดี เราก็ดูแลแม่ดี แม่ขอบคุณนะเจ้าสันต์ ต้องดูแลแม่ของตัวเองแล้วยังต้องมาเหนื่อยกับคนป่วยอย่างแม่ยายอีก" คำว่า 'แม่ยาย' ที่ออกมาจากปากของวิไลนั้นทำเอาไฟท์เตอร์ถึงกับตาลุกวาวด้วยความไม่พอใจหากแต่เขาก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ "สันต์ยินดีครับคุณแม่... "อย่างนั้นผมก็คงจะต้องขอตัวกลับก่อน แล้ววันมะรืนนี้ผมจะเดินทางมารับสุนิสาด้วยตัวเอง" คมสันต์แทบจะตกใจจนสิ้นสติเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองตามต้นเสียงนั้นแล้วพบว่าเป็นไฟท์เตอร์ที่ยืนจังก้าอยู่ หากแต่เขาก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะทักท้วงอันใดออกมาให้มากความ "สวัสดีครับ" ทรงวุฒิกล่าวสั้นๆ ก่อนจะเห็นว่าไฟท์เตอร์ได้เดินหายออกไปก่อนแล้ว จึงหันมาให้ความสนใจกับภรรยาที่ยืนอยู่ข้างๆ แทน "อย่ายืนนานนักวิไล มันไม่ดีกับเธอ" ทรงวุฒิตรงเข้าไปประคองร่างเล็กของภรรยาเพื่อพาเธอไปนั่งพักผ่อนบนโซฟาที่อยู่ใกล้กัน "สาลี่จะไปไหนหรือทรงวุฒิ เห็นอาจารย์คนนั้นเขาบอกว่าจะเข้ามารับตัวเธอไป" วิไลกล่าวอย่างรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจอาจารย์หนุ่มคนดังกล่าวขึ้นมาอย่างน่าแปลกประหลาด "ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนความรู้ที่น่าน" ทรงวุฒิว่าอย่างรู้สึกภาคภูมิใจในความเชาว์ปัญญาเป็นเลิศของลูกสาว "อย่างนั้นเชียว ดีจริง" วิไลที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกยินดีอยู่ไม่น้อยจนเผลอลืมตัวไปชั่วขณะว่าเธอนั้นไม่ไว้วางใจอนุชัย... "เก่งจังลูกแม่ มาแม่กอดทีลูกมา" สาลี่ที่ทำได้แค่สบตากับคมสันต์อย่างเข้าใจกันมาครู่ใหญ่ เผยยิ้มเจื่อนๆ ให้กับมารดาก่อนจะตรงเข้าหาอ้อมกอดที่อ้าแขนรอรับอยู่ก่อนแล้วตามคำขอของคนเป็นแม่ "แกเก่ง สาลี่" ทรงวุฒิเอื้อมแขนมาพาดไหล่เล็กของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะเลื่อนอีกมือหนึ่งมาลูบหัวทุยเล็กของลูกสาว "ทรงวุฒิ..." วิไลที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันระคนดีใจ "คุณ..." "สาลี่รักแม่นะคะ สาลี่รักพ่อค่ะ" สาลี่ที่รู้ดีว่าบรรยากาศอบอุ่นแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักกับครอบครัวของเธอก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมาในทันทีทีสังเกตเห็นได้ว่าคนเป็นพ่อกำลังจะออกปากถกเถียงขึ้นมากับแม่ของเธอ.... คมสันต์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกยินดีกับหญิงสาว ก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งและลูบแผ่นหลังเล็กนั้นเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "และสาลี่ก็รักพี่สันต์ด้วยนะ" สาลี่เอ่ยโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับมามอง "พี่สันต์รักสาลี่ไหมคะ" "รักครับ พี่รักสาลี่ ทุกคนรักสาลี่นะครับ" คมสันต์สบตากับทรงวุฒิและวิไล ขณะที่ทั้งคู่ก็พร้อมใจกันยื่นมือมาลูบหัวของชายหนุ่มเบาๆ อย่างรักและเอ็นดูเสมือนว่าคมสันต์นั้นเป็นลูกชายของพวกเขาอีกคนหนึ่ง... หรือจะให้พี่สันต์เป็นพระเอกดีนะ ฮ่าๆๆ 🤣
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม