ฉันหมดสติแต่ยังสัมผัสได้ถึงความร้าวระบมของร่างกาย
ไม่สิ...
แบบนี้ไม่เรียกว่าหมดสติ ฉันแค่หมดแรงจนดิ้นไปไหนไม่ได้ ไร้พละกำลังต่อต้าน นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนี้ในขณะที่ไอ้สารเลวสาละวนกับร่างกายฉันเหมือนอดอยากปากแห้งมานานหลายปี
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเตโชสงสาร สมเพช หรืออะไร เพราะหลังจากที่มันพูดจาน่ากลัว ทำราวกับว่าฉันจะเจอเรื่องแบบนี้ไปตลอดกาล...เขาก็จ้องหน้าฉันอย่างไม่คลาดสายตา
ไม่มีวินาทีไหนที่นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นจะเลื่อนไปทางอื่น
“สีหน้าเธอเหมือนคนกำลังจะตาย”
ฉันยังจำสิ่งที่มันพูดได้ นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะยุติลง แต่เชื่อเถอะว่ากว่าเขาจะหยุด...ฉันสำลักความทรมานแทบขาดใจตายหลายต่อหลายครั้ง
ฉันเหนื่อยและหลับตาลง เตโชคงคิดว่าฉันหมดสติ...
เอาจริง ๆ ฉันอยากหลับไปเลยเพราะทนไม่ไหวแล้ว แต่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ฉันจึงกัดฟัน บังคับให้ตัวเองมีสติอยู่ตลอดเวลา
แม้มันจะเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ฉันก็ทำเท่าที่จะทำได้
เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาที่ฉันแสร้งหลับ จึงรู้ว่าหลังจากนั้นเตโชทำอะไรกับฉันบ้าง
เขาเช็ดตัวให้ฉัน นั่งจ้องหน้าฉันอยู่นานสองนาน แล้วก็บ่นบ้าบออะไรสักอย่างเหมือนคนประสาทก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ กัน
และใช่ ข้อมือทั้งสองยังถูกล็อกด้วยกุญแจ มันทำเหมือนจะปรานี แต่ยังไงก็ยังเห็นแก่ตัวอยู่วันยันค่ำ...
ฉันข่มตัวเองในสภาพนี้อยู่หลายชั่วโมง ไม่ขยับตัว กระทั่งเช้าตรู่...ฉันแอบเห็นเตโชเดินเข้าไปในห้องน้ำ
พึ่บ...
ฉันลุกขึ้นนั่งอย่างร้อนรน ความรีบทำให้ฉันเบ้หน้าเกือบหลุดเสียงร้องเพราะความเจ็บ ยังดีที่เตือนตัวเองได้ทันจึงกัดฟันข่มกลั้นเอาไว้ จากนั้นก็ค่อย ๆ พยุงร่างกายสะบักสะบอมไปยังประตูห้องด้วยฝีเท้าบางเบาเท่าที่จะทำได้
ยัยเอื้องขวัญ แกต้องใจเย็น
แน่นอนว่าฉันไม่ลืมที่จะคว้าผ้าขนหนูซึ่งพาดอยู่บนเก้าอี้ใกล้ ๆ ติดตัวมาเพื่อปิดบังความโป๊เปลือยของตัวเอง แต่ก็อย่างว่า...ตอนนี้ข้อมือฉันถูกล็อกด้วยกุญแจ สิ่งที่ทำได้เลยมีแค่เอามันมาปิดตรงส่วนหน้าเท่านั้น ไม่สามารถพันรอบกายได้อย่างที่ใจหวัง
ไม่เป็นไรหรอก ถ้าออกไปข้างนอกได้ก็ต้องมีคนช่วยอยู่แล้ว
หรือเปล่านะ...
...อยู่ดี ๆ ก็อยากร้องไห้ แต่เพราะยังกัดริมฝีปากเอาไว้อย่างนี้จึงไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกไปให้ได้ยิน อีกอย่าง นี่ก็ไม่ใช่เวลาจะมาสำออยด้วย เมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องรีบคว้า
อีกนิดเดียวเองยัยเอื้องขวัญ นิดเดียว...
เมื่อพาตัวเองมาถึงประตูห้อง ฉันก็รีบใช้สองมือที่ถูกล็อกติดกันด้วยกุญแจเอื้อมสัมผัสตัวล็อกของบานประตูซึ่งออกแบบมาให้คล้ายกับการสับคัตเอาท์ จากนั้นก็ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีในการเปิดมัน
ความจริงมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้ลำพังแค่ยืนฉันก็แทบจะไม่ไหวแล้ว
แกรก...
สิ้นเสียงปลดล็อก ฉันก็รีบพาตัวเองออกไปข้างนอกอย่างไม่ลังเล ยังดีที่ตอนนี้เป็นช่วงเช้าตรู่จึงไม่มีใครเลย แต่ในความโชคดีนั้นก็เหมือนเป็นความโชคร้ายยังไงก็ไม่รู้...
มันเงียบมากเสมือนว่ามีแค่ฉัน
สับสนชะมัด
ฉันอาย ไม่กล้าให้ใครเห็นสภาพของตัวเอง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการให้คนช่วย ยังไงดีล่ะ...
ระหว่างคิดฉันก็พยุงตัวเองมาจนถึงชั้นล่าง ปรากฏว่าถนนเส้นนี้เปลี่ยวมาก พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดีส่งผลให้ท้องฟ้ามืดสนิท
ฉันหันซ้ายหันขวา
วูบนั้นหางตาเห็นรถบรรทุกขนของกำลังตรงมาทางนี้จากที่ไกล ๆ ฉันตั้งใจจะขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อระยะห่างลดลงจนเห็นคนขับ ฉันก็รีบถอยหลังและเข้าไปหลบในพงหญ้าไม่ไกลจากตรงนั้น
ท่าทางน่ากลัว...
คนขับถือขวดเหล้า ทำตาเยิ้มเหมือนคนไม่มีสติ
ให้ตาย...เมาแล้วขับเนี่ยนะ
ฉันรอจนกระทั่งรถบรรทุกคันนั้นขับผ่านไป แต่ก็ไม่กล้าก้าวเท้าออกไปอยู่ดี ฉันยังนั่งอยู่ตรงนี้ เอนหลังพิงกับต้นไม้อย่างเหนื่อยล้า
อยากหลับเต็มทน แต่ก็กลัวว่าในระหว่างที่ตัวเองหมดสติจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น จึงทำได้แค่นั่งหลบมุมอยู่ตรงนี้ ก้มมองสภาพร่างกายตัวเองที่ยับเยินเกินเยียวยา
รอยช้ำเต็มตัว...ขยับมากก็เจ็บ
ทำยังไงดี
“บ้าเอ๊ย...” ฉันสบถอย่างเคียดแค้นใจ “บัดซบ”
อีกครั้งที่ฉันสบถอย่างหัวเสีย ก่อนออกมาก็รีบจนลืมว่ายังมีกระเป๋าและโทรศัพท์มือถืออยู่ในนั้น
ตึก...ตึก...
“จ๊ะเอ๋...”
เฮือก...
ฉันสะดุ้งและรีบหันกลับไปยังต้นตอของเสียง และนั่นทำให้ฉันได้พบกับเจ้าของร่างสูงโปร่งซึ่งยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ใกล้ ๆ
แววตาคู่นั้นทำให้ฉันหนาวสั่นจับขั้วหัวใจ
สมองสั่งให้วิ่งหนี แต่เพียงชั่ววินาทีเดียวเขาก็เข้ามาคว้าต้นแขนของฉันไว้...
หมับ!
“อุตส่าห์ให้เวลาตั้งหลายนาที มาไกลสุดได้แค่นี้เองเหรอ”
ไม่ใช่ว่าฉันหนีได้ แต่มันจงใจให้ฉันหนีเพราะรู้ว่าคงไม่มีปัญญาไปได้ไกลกว่านี้
“...อึก”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอ แค่เสียงของเตโชก็ทำให้ฉันมองเห็นนรก
แค่เสียงของมัน...
“ป่ะ กลับห้องกัน ออกมาเดินแก้ผ้าตอนเช้าตรู่แบบนี้ไม่ดีนะเด็กน้อย”
ว่าพลางกระชากฉันกลับไปทางเดิม จิตใต้สำนึกบอกให้ฉันขัดขืนมันอย่างที่ควรจะทำ แต่ตอนนี้น่ะ หมดแรงเกินไปแล้ว ตาก็พร่า แสบไปทั้งตัว
ไม่ได้สิ แกต้องหนีให้ได้ อย่ายอมแพ้นะ
บอกตัวเองอย่างนั้น แต่รู้ตัวอีกทีก็ถูกเตโชอุ้มเข้ามาในห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มันวางฉันไว้ในอ่างเย็นเฉียบ เปิดฝักบัวเพื่อให้หยดน้ำมากมายไหลชโลมร่างกายของฉัน
ฉันสะดุ้ง ราวกับว่าหยดน้ำเย็น ๆ พวกนั้นคือมีดที่ผ่านการลับมาแล้วพันครั้ง ส่วนไหนที่เปียกปอนฉันรู้สึกแสบจนทนไม่ไหวและรีบเงยหน้าขึ้นมองเตโชฝ่าสายน้ำอย่างทุลักทุเล