วันต่อมา…
ในขณะที่ฉันกำลังกินข้าวเช้าอยู่กับเฮีย ในใจมันก็ลังเลว่าจะพูดเรื่องที่จะลองขอเฮียเปลี่ยนคนหมั้นดีไหม เพราะยิ่งนานไปพี่เลย์ก็ยิ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อารมณ์ร้ายขึ้นทุกทีที่คุยกัน ฉันไม่อยากให้ความสัมพันธ์แบบพี่น้องของเราต้องจบลงแบบนี้เลย
“ฮะ เฮียคะ…” สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจจะพูด
เฮียคานส์ละสายตาจากอาหารตรงหน้าเงยขึ้นมามองฉัน “มีอะไร ?”
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูด “หนูอยากจะขอให้เฮียลองเปลี่ยนคนที่จะมาหมั้นกับหนู…”
เคร้ง!! เสียงช้อนกระทบกับจานดังขึ้นหลังจากที่ฉันเอ่ยคำนั้นออกไป ทำเอาฉันสะดุ้งตัวโหยง
“เมื่อคืนไอ้เลย์มันทำอะไร ทำไมจู่ๆ ถึงมาพูดกับเฮียแบบนี้” เฮียถามด้วยท่าทางเอาเรื่องมาก แถมยังจ้องฉันแบบจังผิดอีก
“เปล่านะเฮีย” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ “พี่เลย์ไม่ได้ทำอะไรหนูเลยค่ะ”
“แล้วทำไมถึงคิดอยากจะเปลี่ยนคนหมั้น ?”
“หนูแค่ไม่อยากใช้สถานะคู่หมั้นกับคนใกล้ตัว ไม่มีอะไรมากกว่านี้จริงๆ ค่ะ…”
เฮียคานส์ยังคงจ้องมองใบหน้าของฉันอย่างจับผิด ถึงไม่ได้ทำอะไรผิดแต่พอเจอสายตาเเบบนั้นของเฮียมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรีบก้มหน้าลง
“บอกตามตรง เฮียไม่ไว้ใจใครนอกจากไอ้เลย์”
“…..” ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคำขอร้องไม่เป็นผล
“หลงรักมันหรือไง” จู่ๆ เฮียก็มาถามอะไรแบบนี้ ทำให้ฉันแทบจะสำลักข้าวที่กินอยู่
“บะ บ้า หนูจะไปหลงรักพี่เลย์ได้ยังไง เห็นกันมาตั้งแต่เด็กนะเฮีย”
“อื้ม! ไม่รักมันก็ดีแล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่เธอรักมัน เธอจะต้องเสียใจ และเฮียก็คงทนเห็นเธอเสียใจไม่ได้”
“…หนูไม่มีวันรักพี่เลย์ได้หรอกค่ะ เฮียสบายใจได้เลยค่ะ ^_^”
“พ่อคงให้คนตามสืบเรื่องหมั้นของเธอกับไอ้เลย์อยู่ อย่าทำแผนแตกแล้วกันถ้าไม่อยากหมั้นกับคนที่พ่อหาให้”
“…ค่ะ”
“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเดือนหน้าป้ารสรินจะจัดงานหมั้นของเธอกับไอ้เลย์”
“ป้ารสรินรู้หรือเปล่าคะว่านี่เป็นแค่การหมั้นตบตาคุณพ่อ” ป้ารสรินก็คือชื่อของคุณแม่พี่เลย์
พอฉันถามไปแบบนั้นเฮียก็พยักหน้า “รู้สิ แต่ท่ทางของป้ารสรินอยากจะได้เธอเป็นลูกสะใภ้เอามากๆ”
“ระ เหรอคะ…”
“แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นไปหรอก เธอมีหน้าที่ตั้งใจเรียน เฮียจะจัดการให้เองเรื่องหมั้น”
เฮียพูดเรื่องนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ และฉันก็ไม่รู้เลยว่าเฮียจะจัดการยังไง ยิ่งนานไปทุกอย่างมันอาจจะดูจริงจังขึ้นมากกว่านี้ก็ได้
เฮ้อ….ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องมาเกิดขึ้นกับฉันนะ
ณ มหาวิทยาลัย…
“เมื่อวานแกโดนพี่เลย์ดุหรือเปล่าไอริส” เมลถามฉัน ตอนนี้เรากำลังจะเดินไปที่ตึกเรียนกัน
“ไม่หรอก แค่ถึงเวลาแล้วพี่เลย์เลยพาฉันกลับ แล้วเมื่อคืนแกกลับยังไง ขอโทษนะที่กลับก่อน”
“ฉันว่าท่าทางของพี่เลย์ดูจะหวงแกอยู่นะ” เมลยังคงเอาแต่พูดเรื่องของพี่เลย์
“ก็ในฐานะพี่น้องไง”
“อื้อ เมื่อคืนพี่แตมเอาแต่ถามว่าแกกับพี่เลย์เป็นอะไรกัน”
“แล้วแกตอบพี่แตมไปว่าไง ?”
“ฉันไม่รู้จะตอบยังไงเลยให้พี่แตมมาถามแกเอาเองจะดีกว่า”
“ถ้าเกิดมีใครถามอีกแกตอบไปแค่ว่าฉันกับพี่เลย์เป็นพี่น้องกันนะ ไม่ต้องพูดเรื่องหมั้น”
“ทำไมดูลึกลับจังนะ…ไอริส!! พี่แตมมานู่นแล้ว”
ฉันหันไปมองตามเมลบอก เห็นพี่แตมกำลังเดินมาทางฉัน ท่าทางลนลานแปลกๆ
“ไอริส พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” มาถึงพี่แตมก็พูดกับฉันด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
“มีอะไรหรือเปล่าคะ เรื่องพี่เลย์เหรอ”
พี่แตมถอนหายใจออกมาเบาๆ “อื้อ คือพี่น่ะชอบเขามากเลย แล้วเมื่อคืนนี้พี่เห็นไอริสกับเขา…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ไอริสกับพี่เลย์เราเป็นพี่น้องกัน ทางบ้านของเราทั้งสองคนสนิทกันค่ะ ^_^”
“จริงเหรอ แล้วทำไมไม่เห็นบอกพี่เลย”
“เมื่อคืนไอริสเบลอๆ น่ะค่ะ พอดีไม่ค่อยชินกับแสงไฟในคลับ ^_^”
“ไม่มีอะไรแน่นะ พี่ไม่สบายใจเลยนะเอาจริง”
ฉันยิ้มให้พี่แตมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ ไอริสกับพี่เลย์เป็นแค่พี่น้องกัน”
พี่แตมถอนหายใจออกมาเบาๆ “โอเคๆ พี่เชื่อแล้วแหละ งั้นพี่รบกวนแค่นี้ ไปเรียนกันได้แล้ว”
พี่แตมยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินจากไป พอพี่แตมเดินไปไกลแล้วเมลก็รีบท้วงขึ้นมาทันที
“ไอริส!! บอกไปแบบนั้นแล้วถ้าเกิดพี่แตมกับพี่เลย์ทำอะไรเกินเลยกันล่ะ”
“เกินเลยยังไงเหรอเมล ?” ฉันถามด้วยความสงสัย
“แกนี่นะ!! หมายถึงถ้าเขามีอะไรกันไง”
ฉันเงียบใช้ความคิดสักพักก่อนจะตอบ “มันก็เป็นเรื่องของเขาสองคนไม่ใช่เหรอ ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยสักหน่อย”
คำตอบของฉันทำให้เมลถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่แล้วส่ายหน้าไปมา
“ฉันล่ะไม่เข้าใจแกเลยจริงๆ ไอริส!!”
“ไปเรียนได้แล้วเมล หยุดคิดเรื่องของฉันแล้วไปเรียนเข้าใจไหม”
เมลพยักหน้าตอบ จากนั้นเราทั้งสองคนก็เดินไปเรียน วันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้าและก็ไม่ได้หนักอะไร เป็นอีกวันที่สบายๆ
หลังเลิกเรียน…วันนี้เฮียให้พี่โจ้ลูกน้องสนิทมารับฉัน จริงๆ เฮียจะให้พี่เลย์มารับ แต่พี่เลย์ไม่ว่าง
“พรุ่งนี้หยุดเรียน เราไปไหนกันดีไอริส” เมลถาม เมลอาสามายืนรอรถเป็นเพื่อนฉัน มักจะเป็นแบบนี้ประจำแหละเมลน่ะทั้งน่ารักและนิสัยดี
“ไปสวนสัตว์กันไหม ?”
“โหยย!! ไม่เอาอะฉันไม่ชอบสวนสัตว์สักเท่าไหร่” เมลส่ายหน้าไปมารัวๆ
“แล้วอยากไปที่ไหนล่ะ ฉันไปได้หมดนั่นแหละ^_^” ฉันเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องมากอะไรอยู่แล้วแหละ ไปไหนก็ได้ถ้าเฮียอนุญาต
“เดี๋ยวคิดก่อนแล้วกัน คืนนี้ฉันจะส่งข้อความไปบอกนะ”
“อื้อๆ”
ในขณะที่คุยกับเมลอยู่ จู่ๆ ก็มีรถหรูแล่นผ่านหน้าไป ฉันมองถามรถหรูคันนั้นด้วยความรู้สึกที่คุ้นชิน
นั่นมันรถของพี่เลยนิ…ฉันจำได้
ไหนเขาบอกว่าไม่ว่างไงแล้วมาที่มหาวิทยาลัยทำไมกัน หรือมีธุระที่นี่อย่างนั้นเหรอ
รถของพี่เลย์จอดสนิท ซึ่งอยู่ในระยะที่สายตาของฉันมองเห็นพอดี ไม่นานฉันก็เห็นพี่แตมเดินไปที่รถของพี่เลย์ แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน จากนั้นรถของพี่เลย์ก็แล่นออกไปจากระยะสายตาของฉัน
ขะ เขาจะไปไหนกันนะ….