สินีประคองร่างของชายหนุ่มมาที่โซฟา ยังดีที่แม้เขาจะเมามากแต่ยังสามารถปลุกให้ลุกขึ้นเดินเองได้ถึงจะตุปัดตุเป๋ไปก็ตามแถมเขายังพูดจาพร่ำเพ้อไปตลอดทางแต่หล่อนก็ขี้คร้านจะใส่ใจ หล่อนจัดแจงให้เขานอนลง และด้วยเห็นแก่ความเป็นเพื่อนมนุษย์ หล่อนคิดว่าควรจะนำผ้าห่มมาให้เขาเสียหน่อย
พชรลืมตาขึ้นมาเห็นร่างบางคุ้นตายืนหันหลังให้ เขาจึงลุกขึ้นและรวบเอวบางเข้าหาตน
“ข้าวพี่รักข้าว”
“นี่นายปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
สินีที่อยู่ๆ ก็ถูกสวมกอดจากด้านหลังสะดุ้งและพยามแกะมือของชายหนุ่มออก แต่เขากลับรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม
“พี่ไม่ปล่อย ข้าวอย่าผลักไสพี่อีกเลย” เขาเอ่ยพลางก้มหน้าลงซุกไซ้ที่ซอกคอหญิงสาว
“นายเมาแล้ว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” สินีเห็นท่าไม่ดีจึงดิ้นรนขัดขืนมากกว่าเดิม
“ทำไมข้าว พี่ไม่ดีตรงไหน ทีกับไอ้แก่นั่นข้าวยังนอนกับมันได้” คนเมาไม่ฟัง และรัดเรือนร่างบางแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ฉันไม่ใช่ข้าวของนาย ปล่อยฉัน” คนเมายอมปล่อยแต่โดยดี แต่เพียงเสี้ยววินาทีเขากลับพลิกร่างบางให้หันมาเผชิญหน้าพร้อมกับประกบปากปิดริมฝีปากรั้นๆ ของหล่อนทันที
สินีพยายามเบี่ยงหน้าหลบทั้งผลักทั้งดันแต่ก็ไม่อาจหลุดออกจากวงแขนแกร่งของคนตรงหน้าได้
“อื้อ” หล่อนเม้มปากแน่นไม่ให้ชายหนุ่มรุกรานโดยง่าย แต่พชรก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาหาทางทำให้หญิงสาวเปิดปาก และพาลิ้นตัวเองเข้าไปตักตวงความหอมหวานภายในโพรงปากฉ่ำร้อนของหล่อนได้
ลิ้นสากกวาดวนไปทั่วโพรงปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เขาปรารถนาที่จะทำอย่างนี้กับรุ่นน้องสาวมานานแล้ว แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ เขาจึงต้องสวมหน้ากากรุ่นพี่ใจดี แต่ในเมื่อการเป็นคนดีทำให้หล่อนหลุดมือไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพอะไรอีกต่อไป
ฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้ปลดปล่อยตัวตนอีกด้านหนึ่งของพชรออกมา เขาไม่สนว่าตอนนี้หล่อนจะปฏิเสธและต่อต้านเขาอย่างไร เขาเพียงทำตามปรารถนาที่อยู่ภายใน
ร่างบางถูกรั้งเข้ามาแนบชิดจนเสียดสีกับแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ริมฝีปากของหญิงสาวถูกตักตวงครั้งแล้วครั้งเล่าจากคนเมาที่ไม่สนใจเสียงอู้อี้ที่ประท้วงออกมา แต่มันกลับเป็นสิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณแห่งการเป็นผู้ล่าของชายหนุ่มให้ลุกขึ้นมา
จูบร้อนแรงยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มือใหญ่ที่รั้งเอวบางเอาไว้เริ่มปัดป่ายไปทั่วเพื่อสัมผัสผิวกายสาวอันเนียนละเอียด ความรู้สึกกระแสหนึ่งถูกปลุกขึ้นมาที่ใจกลางของหญิงสาว ความรู้สึกที่ห่างหายไปนานหลังจากครานั้นที่เจ้านายหนุ่มสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหล่อนลง ครั้งนี้มันถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งโดยเด็กหนุ่มตรงหน้า ทำให้หล่อนโอนอ่อนและตอบสนองเขาไปในที่สุด
ปลายนิ้วสากประพรมไปทั่วเรือนกาย ปากของทั้งคู่ผลัดกันดูดดื่มและแลกลิ้นกันไปมา เขาทั้งคู่ลืมสิ้นแล้วทุกสิ่ง รับรู้เพียงแค่ความรู้สึกรุนแรงตรงหน้าที่ต่างคนต่างโหยหา ต่างคนต่างเฝ้ารอ ต่างคนต่างช่วยกันเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไป
เสื้อผ้าของทั้งคู่ถูกฉีกทึ้งออกไปอย่างไม่ใยดี ร่างบางของหญิงสาวถูกผลักลงนอนบนโซฟายาวโดยที่มีร่างสูงทาบทับลงมา เขาฝากรอยจุมพิตไปทั่วไปหน้างาม และกลับมาแลกจูบอันดูดดื่มกับหญิงสาวอีกครั้ง จูบอันเร่าร้อนทว่าแฝงไปด้วยรสหวานล้ำทำให้หญิงสาวตกอยู่ในภวังค์เคลิ้มฝัน พอลไม่เคยจูบหล่อนอย่างนี้มาก่อน เขามักจะจูบหล่อนด้วยความใคร่ และถ้าเป็นไปได้เขามักจะหลีกเลี่ยงการจูบที่ริมฝีปากเสมอ สินีหลับตาลงซึมซับความหวานล้ำที่เริ่มก่อเกิดขึ้นเรื่อยๆ ความเร่าร้อนทว่านุ่มนวลที่ชายหนุ่มตรงหน้ามอบให้ทำให้หล่อนไม่อาจปฏิเสธได้ หล่อนโหยหามันเหลือเกิน
หลายคนบอกว่าการจูบเป็นการถ่ายทอดความรักระหว่างกัน จูบของชายหนุ่มทำให้หล่อนแทบละลาย หล่อนรู้สึกได้ถึงความรักที่เขาถ่ายทอดออกมา ขณะเดียวกันพชรเมื่อสัมผัสได้ว่าหญิงสาวในอ้อมแขนนั้นเลิกที่จะขัดขืนเขาแล้ว เขาจึงลดความดุดันลง เขาบรรจงส่งผ่านความรู้สึกที่มีไปให้หญิงสาวผ่านการจูบและสัมผัส เขาละจากปากหวานๆ ของหล่อนออกมาอย่างแสนเสียดายเพื่อที่จะทำการสำรวจและฝากรักร่างบางได้ถนัดถนี่ ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ แต่ละที่ที่เขาลากผ่านจะต้องถูกทิ้งรอยรักไว้เสมอ เขาหยุดลงอีกครั้งตรงดอกไม้งามแสนสวย และไม่รั้งรอที่จะเชยชิมมันทันที ร่างบางจิกเกร็งทุกครั้งในยามที่ถูกลิ้นหนาตวัดหยอกล้อ ความเสียวซ่านที่ก่อตัวทำให้หล่อนไม่อาจกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้ นิ้วมือที่ไว้เล็บยาวขยุ้มลงบนกลุ่มผมของชายหนุ่มตามแรงอารมณ์ที่กระชั้นขึ้น จนในที่สุดความรุ่มร้อนที่ก่อตัวก็ระเบิดพร่างพรายออกมาพร้อมกับร่างบางที่กระตุกเกร็งหอบหายใจสะท้าน
ในขณะที่กำลังรู้สึกล่องลอย สินีก็รับรู้ได้ว่าความว้าเหว่ของเธอกำลังถูกเติมเต็ม
“พี่รักข้าวนะ” ชายหนุ่มเอ่ยบอกหญิงสาวใต้ร่างก่อนที่จะดันตัวตนเข้าไปฝากรักในกายสาวจนสุดทาง
ชายหญิงที่กำลังมัวเมาอยู่ในห้วงสิเนหาต่างกอดรัดกันแนบแน่น ส่วนที่ร่างกายเชื่อมต่อกันก็ผลัดกันรุกรับเป็นจังหวะสอดประสานที่เข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ สองร่างกำลังช่วยกันเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหาย มันเต็มไปด้วยความโหยหาและความปรารถนาที่ต้องการปลดปล่อย ความอ่อนโยนที่ได้รับจากคนที่อยู่ด้านบนทำให้สินีรู้สึกล้นปรี่ในหัวใจ มันเป็นความรู้สึกที่หล่อนปรารถนาจะได้รับมานานจากการร่วมรัก หล่อนหลับตาลงนึกไปถึงใบหน้าของชายที่หล่อนรัก พชรเองก็เช่นกัน เขาต้องการรักและทะนุถนอมรุ่นร้องสาวที่เขาแอบรักให้มากที่สุด เขารู้สึกเหมือนฝันที่หล่อนไม่ขัดขืนแถมยังจะตอบรับเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นปากเขาจึงพร่ำบอกคำรักกับหล่อนไปพร้อมๆ กับที่ขยับสะโพกสอบเข้าหาร่างงามไปด้วย
“ข้าวพี่รักข้าว”
“สิก็รักคุณค่ะพอล”
จิตใจที่บอบช้ำของทั้งคู่กำลังถูกชดเชยด้วยมายาภาพที่ต่างคนต่างสร้างขึ้นมา บทรักในจินตนาการทวีความร้อนแรงขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่าต้องการซึ่งกันและกัน กายสาวบิดเกร็งเมื่อเธอได้รับความสุขเกินกว่าจะรับไว้ มันบีบรัดตัวตนของชายหนุ่มถี่ยิบจนเขาพร้อมปลดปล่อยทุกความรู้สึกรักออกมาให้เธอได้สัมผัสจนทุกหยาดหยด สองร่างกอดรัดกันแน่น เสียงหอบหายใจสะท้านประสานกันเป็นจังหวะที่กำลังนำพาให้ทั้งคู่เริ่มบรรเลงเพลงรักบทใหม่ ร่างสูงช้อนร่างบางขึ้นในอ้อมแขนแล้วพาหล่อนเดินเข้าห้องนอนไป เขาวางหล่อนลงบนที่นอนนุ่มแล้วทาบทับลงมาอีกที เพลงรักอันเร่าร้อนจึงถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้งและอีกครั้งอย่างไม่รู้จบ ทั้งคู่ต่างแสดงความรู้สึกรักอันแสนบริสุทธิ์ออกมาให้อีกฝ่ายได้สัมผัส แต่ทว่าช่างน่าเสียดายที่ความรักที่ถูกส่งผ่านมานี้ เพียงแต่เป็นการส่งผ่านถึงใครอีกคนที่อยู่ในห้วงฝันของพวกเขาเท่านั้น ดังนั้นความสุขอันเอ่อล้นท่วมท้นนี้มันเป็นเพียงเซ็กส์เพื่อบำบัดความเจ็บปวดในใจของแต่ละคนเท่านั้นใช่หรือไม่