บทที่ 2 สวีหลงเยียนเสียตัวครั้งแรก

2510 คำ
บทที่ 2 สวีหลงเยียนเสียตัว (nc18+) รุ่งเช้าวันต่อมา ราชโองการสั่งกักบริเวณเฟิ่งฟางเซียนให้อยู่ในตำหนักเย็นก็ส่งมาถึง เนื้อความมีดังนี้  เฟิ่งผินกระทำการต่ำช้า หวังทำลายพระวรกายฝ่าบาท มีโทษประหารชีวิต แต่เพราะความเมตตาจากฮ่องเต้ จึงสั่งกักบริเวณนางไม่มีกำหนด จบราชโองการ  เฟิ่งฟางเซียนเบ้ปากด้วยควาดูแคลน นางยื่นมือไปรับราชโองการฉบับนั้นมาเก็บเอาไว้ หึ!!ไล่ปากเปล่าก็เข้าใจแล้ว จะประกาศทำไมกัน อยากให้นางขายหน้าหรือไร?  "เฟิ่งผิน โทษอมของสูง มีโทษถึงประหารชีวิตนะพ่ะย่ะค่ะ อย่าคิดทำอีก" เฟิ่งฟางเซียนขมวดคิ้วมุ่น จ้องมองขันทีด้วยสายตาที่งุนงง  "อมของสูง โทษอะไรข้าไม่เคยได้ยิน" "กระหม่อมก็มิทราบ ฝ่าบาททรงฝากกระหม่อมให้มาเตือนพระองค์เพียงเท่านี้พ่ะย่ะค่ะ เขิญเสด็จที่ตำหนักเย็นเถิดพ่ะย่ะค่ะ" เฟิ่งฟางเซียนคร้านที่จะใส่ใจมากนัก นางรีบเก็บข้าวของและไปที่ตำหนักเย็นทันที มีนางกำนัลสูงวัยนามว่าหลิวหลง ที่เรียกกันติดปากว่าหลิวหมัวหมัว นางเป็นนางกำนัลข้างกายของเฟิ่งฟางเซียนที่ถูกส่งมาดูแล นางจะคอยติดตามมาคอยรับใช้เฟิ่งฟางเซียนที่ตำหนักเย็นด้วย เพราะร่างนี้คือจินตนาการที่นางเป็นคนสร้างขึ้นมา จึงไม่มีความหลังฝังใจหรือสิ่งใดที่อยากแก้แค้นในความคิดเดิมของเฟิ่งฟางเซียน มีเพียงความรู้สึกที่หวาดกลัวและหดหู่จากการถูกทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า  นางจำได้ว่าสวีหลงเยียนเคยกดศีรษะของนางลงไปในสระน้ำ จนนางแทบจะขาดใจตาย เขาทรมาณนางทั้งทางร่างกายและจิตใจ  ชั่วช้าจริงๆ!!ทำไมถึงเลวกว่าต้นฉบับที่วางเอาไว้!!! เฟิ่งฟางเซียนเป็นสาวของอยู่ในเรือน แม้จะเป็นคุณหนูรอง แต่ความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของนางนั้นค่อนข้างลำบากเป็นอย่างยิ่ง นางถูกเฟิ่งชิงฮวากดขี่ข่มเหง และต้องกลายมาเป็นแพะรับบาปในโทษทัณฑ์ที่นางไม่ได้เป็นคนก่อ  ตำหนักเย็น  เฟิ่งฟางเซียนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อได้มาพบกับตำหนักเย็นที่แสนจะทรุดโทรม หน้าต่างบานหนึ่งหลุดออกมา ประตูก็ชำรุดทรุดโทรม ด้านข้างมีแปลงผักโกโรโกโสอยู่สองสามแปลงที่มีหญ้าขึ้นรถทึบ สร้างความอนาถใจแก่นางไม่น้อย  นิยายยังเขียนไม่จบ นางเองก็ยังไม่รู้ว่าตอนต่อไปนางจะต้องพบเจอกับอะไร?  "เฟิ่งผินเพคะ บ่าวจะไปก่อฟื้นต้มน้ำให้พระองค์ได้ทรงชำระพระวรกาย อีกเดี๋ยวบ่าวจะจัดการซ่อมหน้าต่างและประตูนะเพคะ" เฟิ่งฟางเซียนหันไปมองหลิวหมัวหมัวชราก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย  "ช่วยกันทำเถิด ชิวหมัวหมัวอายุขนาดนี้แล้วยังต้องมาลำบากกับข้าอีก" "ไม่ลำบากเลยเพคะ หม่อมฉันยินดีรับใช้พระสนมด้วยชีวิต" หลิวหมัวหมัวมองเฟิ่งฟางเซียนด้วยสายตารักใคร่ นางเอ็นดูสนมน้อยนางนี้ยิ่งนัก เพราะความชั่วช้าของคนอื่น ทำให้นางต้องมารับโทษที่แสนทรมาณเช่นนี้ ทุกๆคืนนางจะได้ยินเสียงของเฟิ่งฟางเซียนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างน่าสงสารจับใจ นางเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือด้วยเป็นเพียงนางกำนัลผู้ต่ำต้อย  ตำหนักมังกร  "ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ" "อืม ลุกขึ้นเถิดไม่ต้องมาก็พิธี หลินกุ้ยเฟย" สวีหลงเยียนเอ่ยโดยที่ไม่ได้เงยหน้าไปมองนางแม้แต่น้อย หลินกุ้ยเฟย หรือ หลินหลานฮวา เป็นบุตรสาวของท่านเสนาบดีกรมพระคลัง ด้วยความดีความชอบของบิดา ทำให้นางได้เข้าวังมาเป็นกุ้ยเฟย ต่างกับเฟิ่งฟางเซียนที่เป็นถึงบุตรสาวของกรมขุนนาง บิดามีอำนาจมากมาย สามารถสั่งย้ายหรือปลดขุนนางได้ แต่เป็นเพราะเฟิ่งชิงฮวาทำงามหน้าเอาไว้ แทนที่จะได้ขึ้นเป็นฮองเฮากลับทำให้เฟิ่งฟางเซียนเข้าวังมาในตำแหน่งผินเพียงเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ดูเหมือนตระกูลหลินจะมีอำนาจมากกว่าตระกูลเฟิ่งเสียอีก หลินกุ้ยเฟยชำเลืองมองสวีหลงเยียนด้วยแววตารักใคร่ ฝ่าบาทช่างรูปงามและทรงเสน่ห์เหลือล้น เป็นที่หมายปองของสตรีในใต้หล้า  สวีหลงเยียนนั้นเขาเพิ่งจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นปีแรกหลังจากที่พระบิดาและพระมารดาสิ้นพระชนม์ไปเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาเองยังไม่คิดแต่งตั้งฮองเฮา และวังหลังก็ไม่มีไทเฮาคอยกำกับดูแล ทำให้ค่อนข้างไร้ระเบียบกฏเกณฑ์ไม่น้อย หลินกุ้ยเฟยค่อยๆเดินเข้าไปบีบนวดที่หัวไหล่ให้สวีหลงเยียน เขารู้สึกดีไม่น้อย จึงทำให้เคลิบเคลิ้มตามการบีบนวดของนางไปด้วย  "ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันได้ยินท่านพ่อเล่าให้ฟังว่า เหล่าขุนนางกดดันพระองค์ให้ทรงแต่งตั้งฮองเฮา..โอ๊ย!!ฝ่าบาท!!" สวีหลงเยียนยื่นมือไปบีบที่ข้อมือของหลินกุ้ยเฟยอย่างแรง แววตาของเขาฉายแววอำมหิต จ้องมองหลินกุ้ยเฟยอย่างไม่ลดละ  เขาเห็นความโสมมในวังหลวงมามากมายเหลือเกิน สตรีที่เคยเรียบร้อยอ่อนหวานงดงามราวกับดอกไม้แรกแย้ม พอได้เหยียบย่างเข้ามาในวังหลวงก็กลับกลายเป็นนางงูพิษ คิดหวังแต่จะเสพสุขกับอำนาจของเขา  "ฝะ ฝ่าบาท!!" "ท่านพ่อของเจ้าสั่งให้เจ้ามาหว่านล้อมข้าหรือ?" "ไม่ใช่นะเพคะ!!ท่านพ่อเพียงแค่มาเล่าให้หม่อมฉันฟัง" "เล่าให้เจ้าฟัง เพื่อจะให้เจ้ามายั่วยวนข้า และมอบตำแหน่งฮองเฮาให้แก่เจ้า?" "ไม่ใช่นะเพคะ" หลินกุ้ยเฟยใบหน้าซีดเผือด ในบรรดาสนมของฝ่าบาท นางนับว่าได้ใกล้ชิดและสนิทสนมกับฝ่าบาทมากกว่าสนมนางอื่น  "หุบปากของเจ้าเสีย หากข้าได้ยินเจ้าพูดเรื่องแต่งตั้งฮองเฮาอีก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้ง" "เพคะ!!" "ไสหัวไป!!!" หลินกุ้ยเฟยรีบลนลานออกไปจากตำหนักของสวีหลงเยียนทันที  ขันทีคนสนิท ส่ายหน้าไปมาอย่างช้าไป เหตุใดนางสนมเหล่านี้จึงชอบสร้างความขุ่นเคืองพระทัยให้แก่ฝ่าบาท  "ฝ่าบาท" สวีหลงเยียนหันไปมองเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดเป็นปมคลายออกจากกันทันที  "มีอะไร?" "คืนนี้ต้องทรงเปิดป้ายนะพ่ะย่ะค่ะ เพื่อให้พระสนมได้เข้าปรนนิบัติรับใช้ พระองค์ไม่ได้ทรงเปิดป้ายนานแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ" สวีหลงเยียนปรายตามองขันทีคนสนิทด้วยความเบื่อหน่าย  "ข้าไม่เลือกข้าไม่มีอารมณ์ หากข้าอยากทำข้าจะไปหาพวกนางเอง ป้ายพวกนี้ไม่จำเป็น อีกอย่างวันนี้ข้าเหนื่อยไม่อยากทำสิ่งใดทั้งสิ้น" "ฝ่าบาท" "เจ้าไม่เชื่อหรือ ข้าจะให้ดู" สวีหลงเยียนถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เผยให้เห็นท่อนเอ็นลำมังกรที่เหี่ยวแห้ง ขันทีคนสนิท ถอนหายใจอย่างนึกปลง  "เหี่ยวเช่นนี้ทรงบรรทมเถิดพ่ะย่ะค่ะ" สวีหลงเยียนหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ ในหัวของเขานึกถึงใครบางคน ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ  เฟิ่งฟางเซียน!!! ด้้านเฟิ่งฟางเซียนนั้น ตอนนี้นางซ่อมบานหน้าต่างและประตูเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันค่อนข้างจะแน่นหนาใช้ได้ ตอนที่ยังอยู่ในร่างปัจจุบันเวลาที่ของในบ้านพังหรือชำรุดนางก็ซ่อมเองเช่นนี้  "พระสนม เสวยชาดับกระหายก่อนเพคะ" "ขอบใจมากนะหลิวหมัวหมัว" เฟิ่งฟางเซียนยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มจนหมด วันนี้นางเหนื่อยเหลือเกิน ซ่อมตำหนักเรียบร้อยก็ควรพัก พรุ่งนี้ค่อยช่วยหลิวหมัวหมัวถางหญ้าที่สวนผักจะได้ปลูกผักกินได้  หลิวหมัวหมัวไปเตรียมอาหารให้นางที่ด้านนอกตำหนัก ส่วนนางเองก็กำลังนั่งแช่น้ำอุ่นอยู่ในอ่างน้ำ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าลงไปได้มาก  เฟิ่งฟางเซียนหลับตานอนแช่น้ำไปได้เพียงครู่เดียว นางก็ได้ยินคล้ายกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหานาง  ยังไม่ทันที่นางจะได้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ สวีหลงเยียนก็เปิดม่านและเดินเข้ามาหานางอย่างถือวิสาสะ  "ว๊าย!!ฝ่าบาท" "ตกใจหรือ?สนมรักของข้า" เฟิ่งฟางเซียนลอบสบถด่าทอเขาในใจ เขาเห็นนางร่างกายเปลือยเปล่าแล้วยังกล้าเดินเข้ามาอีก น่าเกลียดที่สุด!!! สวีหลงเยียนหยิบเสื้อผ้าของนางที่วางอยู่บนโต๊ะ โยนทิ้งออกไปที่นอกหน้าต่าง เฟิ่งฟางเซียนถลึงตามองเขาด้วยความโกธรไม่น้อย  "ฝ่าบาท โยนเสื้อผ้าหม่อมฉันทิ้งทำไมเพคะ?" "หึ ทำไมหรือ?เจ้าจะถอดหรือจะใส่ ก็ไม่สำคัญกับข้า ข้าไม่มีวันหลงใหลเรือนร่างสกปรกของเจ้าหรอก" เฟิ่งฟางเซียนหันไปมองโดยรอบเพื่อจะมองหาผ้าคลุมหรืออะไรสักอย่างที่ว่ามารถปกปิดเรือนร่างของนางได้ แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า  คนผีทะเล!!นิสัยไม่ดี!! "วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี จึงอยากจะมาหาเจ้าเพื่อระบายอารมณ์เสียหน่อย" "หม่อมฉันอาบน้ำอยู่เพคะ" "ลุกขึ้นมา!!" "อะไรนะเพคะ?" "ลุกขึ้นมา!!!" "หม่อมฉันไม่ได้.." "ข้าดูก็ไม่รู้สึกอันใดกับเจ้า!!!อย่าหลงตนเองให้มันมากนัก!!ลุกขึ้นมา" "ไม่เพคะ" "ฟางเซียน!!" "โอะ!!ฝ่าบาท!!" สวีหลงเยียนดึงร่างของนางให้ลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำอุ่น เขามองพิจารณาเรือนร่างของนางด้วยสายตาที่ล้ำลึก  หน้าอกอวบอิ่มใหญ่โต เอวบางระหง เนินสวาทที่ไร้ขน  เขาชอบมาก!!! ไม่สิ!!ไม่ชอบ!!! เฟิ่งฟางเซียนอับอายเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยต้องมาอับอายเช่นนี้ ตอนยังอยู่ในโลกปัจจุบันแม้นางจะเคยผ่านการมีแฟน ผ่านการร่วมหลับนอนด้วยกัน แต่ก็ไม่เคยมีใครมาทำกับนางเช่นนี้!!  "หึ เรือนร่างอุบาทว์ยิ่งนัก" "อุบาทว์แล้วมองทำไมเพคะ?" "ใครมองเจ้า!!!หึ เอาเถอะ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ!!" สวีหลงเยียนปลดเปลื้องชุดมังกรสีทองที่สวมใส่เอาไว้ออกจนหมด แล้วจึงใช้ฝ่ามือใหญ่กอบกุมลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวเอาไว้ สายตาเจ้าเล่ห์จ้องมองเฟิ่งฟางเซียนด้วยความสาแก่ใจ  ใหญ่จัง!! เฟิ่งฟางเซียนลอบแลบลิ้นเลียปากตนเอง นางจ้องมองสวีหลงเยียนที่เดินใกล้นางเข้ามาเรื่อยๆ จนนางต้องถอยหลังหนี  "อย่าเข้ามานะเพคะ" "เจ้ากลัวหรือ ยิ่งกลัวข้ายิ่งมีอารมณ์!!" โรคจิตที่สุด!!! "ซี๊ดดด!!!อ่าส์!!!" ยิ่งเฟิ่งฟางเซียนเดินหนี สวีหลงเยียนก็ยิ่งต้อนนางให้จนมุม เขาชักรูดลำแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างถี่เร้า ปากก็พร่ำครวญครางด้วยความเสียวกระสัน  เฟิ่งฟางเซียนหมดคำจะด่าเขาแล้ว สนมมีตั้งมากมายเหตุใดต้องมาทำให้นางดูเช่นนี้ด้วย  "ดู!!!ดูให้เต็มตา!!กลัวหรือไม่?" "ไม่กลัวเพคะ!!" สวีหลงเยียนชะงักมือค้างกลางอากาศ ก่อนจะผละมือออกมาจากลำแท่งเอ็นใหญ่ยาว และมาลูบไล้ที่ใบหน้าของนางแทน  เฟิ่งฟางเซียนบิดเบ้ใบหน้าด้วยความรังเกียจ  จับตรงนั้นแล้วยังจะเอามาจับหน้าสวยๆของนางอีก!!! "หน้าด้านขึ้นมาแล้วสินะ!!" "ปล่อยเพคะ" "ไม่!!!เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งข้า!!สตรีตระกูลเฟิ่งหน้าด้านหน้าทนเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง" "ปล่อยเพคะ ก่อนที่หม่อมฉันจะหมดความอดทน!!" "เจ้ากล้าหรือ!!" "เพคะ โอะ!!!" เพราะยื้อแย่งฉุดกระชากกันไปมา ทำให้ร่างบางระหงของเฟิ่งฟางเซียนล้มลงไปทับร่างหนาใหญ่ของสวีหลงเยียนที่พื้นห้อง เขาพยายามผลักนางออก แต่ในจังหวะที่นางกำลังจะลุกขึ้นมานั่งนั้น สวีหลงเยียนกลับลุกตามมาด้วย ทำให้นางไม่ทันระวังล้มลงไปนั่งบนท่อนขาแกร่งของเขา ลำแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่บดเบียดเข้าไปในรูสวาทของนางจนมิดด้าม  เฟิ่งฟางเซียนซู๊ดปากด้วยความจุกแน่น มันทั้งเจ็บทั้งคับและเสียวเหลือเกิน "อูยยย ฝ่าบาทเพคะ!!" สวีหลงเยียนก็ยังอยู่ในอาการตกตะลึง เขาไม่เคยมีอะไรกับสตรีมาก่อน แม้ภายนอกจะเล่าลือว่าได้ยินเสียงนางสนมร้องครวญครางปานจะขาดใจ แต่แท้จริงแล้วนั้น ทุกครั้งที่ไปตำหนักนางสนม เขาจะช่วยตัวเองให้พวกนางดู และให้พวกนางแหกปากร้องเพื่อเพิ่มอารมณ์ให้แก่เขา และขยับเตียงไปด้วยเพื่อความสมจริง เขาไม่เคยแตะต้องพวกนางเลยแม้แต่น้อย  แต่วันนี้สตรีตระกูลเฟิ่งที่แสนต่ำช้า กลับกล้าลุกล้ำอาณาจักรพรหมจรรย์ที่แสนล้ำค่าของเขา!!! "ซี๊ดดด!!ออกไป สตรีเพศยา!!" "ฝ่าบาทเพคะ อื้อ!!" "ออกไป!!!โอ้วว" "ออกไม่ได้แล้วเพคะ ถ้าฝ่าบาทไม่ทำหม่อมฉันทำเองเพคะ!!!" สวีหลงเยียนดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองเฟิ่งฟางเซียนที่ร่อนสะโพกงอนงามขยับขึ้นลงอยู่บนร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วและถี่เร้า จากอาการต่อต้านในคราแรกเริ่มกลับกลายเป็นความเสียวซ่านที่แทบจะทนไม่ไหว  "โอ้วว ฟางเซียน!!!สตรีชั่ว!!" "ชั่วแล้วเสียวหรือไม่เพคะ อ๊าส์!!!" "ไม่!!เสียว!!มาก!!!ซี๊ดดด" เฟิ่งฟางเซียนใกล้จะถึงแดนสวรรค์แล้ว นางเร่งจังหวะขยับบั้นท้ายขึ้นลงที่ลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่ยักษ์ของเขาอย่างเพลิดเพลิน สวีหลงเยียนไม่เคยผ่านมือสตรีมาก่อน เขาจึงทำได้เพียงนอนราบไปกับพื้นรองรับแรงกระแทกกระทั้นจากนาง เฟิ่งฟางเซียนคว้าฝ่ามือหนาใหญ่ทั้งสองข้างของเขาให้มากอบกุมบีบเคล้นคลึงที่ยอดปถุมถันอวบอิ่มเต่งตึงทั้งสองข้างของนาง สวีหลงเยียนค่อนข้างตกใจไม่น้อย แต่เมื่อได้ลองสัมผัสมันกลับนุ่มนิ่มเด้งขึ้นลงราวกับเต้าหู้ ยิ่งบีบขยำก็ยิ่งสนุกมือไม่เบา "อ่าส์!!!ข้าจะไม่ไหวแล้ว!!" "หม่อมฉันก็ไม่ไหวเพคะ อื้ออ!!!" น้ำรักสีขาวขุ่นพุ่งเข้าในร่องหลืบสีหวานของนางจนฉ่ำแฉะ เฟิ่งฟางเซียนทิ้งร่างลงไปนอนบนพื้นด้วยความเหนื่อยหอบ นานแล้วที่นางไม่ได้สุขสมในอารมณ์เช่นนี้  สวีหลงเยียนหันไปมองนางอย่างช้าไป บัดนี้นางได้นอนหลับไปเสียแล้ว เขาเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร จึงถอดเสื้อคลุมมาคลุมให้นาง ก่อนจะเดินกลับตำหนักไปด้วยท่าทีร้อนรน  คืนนั้นทั้งคืนสวีหลงเยียนพยายามข่มตาให้หลับเช่นไรก็หลับไม่ลงแม้แต่น้อย เวลาที่หลับเขามักจะเห็นภาพของเฟิ่งฟางเซียนที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่บนตัวเขาอย่างเพลิดเพลิน  นี่เขาตกเป็นของนางแล้วเช่นนั้นหรือ? ไม่จริง!!!!! ​​​​​​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม