2. ว่าที่เมีย

1209 คำ
"ก็แม่บังคับผมจริง ๆ นี่" ธันวาเถียงผู้เป็นแม่ทันควัน จะนอนก็ไม่ได้นอนต้องมาตะลอน ๆ เยี่ยมว่าที่แม่ยายที่เขายังไม่ได้ตกลงปลงใจจะเป็นเขย "ถ้าเข้าไปในห้องก็ช่วยยิ้มหน่อย รักษาหน้าแม่หน่อย" ดวงเดือนไม่รู้จะจัดการความยอกย้อนของลูกชายอย่างไรแล้ว ได้แต่ขอร้องว่าถ้าเข้าไปในห้องผู้ป่วยก็ช่วยลดความบึ้งตึงลดสักนิด "หนูรินคงจะมาเฝ้าป้านิราแล้ว แกน่าจะได้เจอน้อง" ดวงเดือนบอกแก่ลูกชายขณะที่เดินผ่านห้องโถงกว้างเพื่อไปยังลิฟต์ที่อยู่ด้านในตึก เพราะปกติกลางคืนจะเป็นกรวิทย์ที่เป็นคนเฝ้าภรรยา กลางวันรินรดาถึงจะมาเปลี่ยนผู้เป็นพ่อให้ไปพักผ่อนที่บ้าน "จะเจอทำไมให้เสียสายตา.." ธันวาพูดเสียงแข็งขัดใจเมื่อแม่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าการมาเยี่ยมไข้คราวนี้ท่านมีแผนที่จะให้เขาพบกับผู้หญิงดำถ่านคนนั้น แต่เสียงทุ้มก็ต้องขาดหายไปในท้ายประโยคเมื่อสายตาไปปะทะกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเข้า เธอคนนั้นมีรูปร่างเพรียวแต่หน้าอกหน้าใจช่างใหญ่โตเกินตัวตรงตามสเปคเขา ช่วงเอวคอดกิ่วที่มีสะโพกอิ่มรับอย่างเหมาะเจาะ แม้ว่าเธอคนนั้นจะสวมเพียงเสื้อยืดพอดีตัวและกางเกงขาสั้นครึ่งขาอ่อนแต่ความขาวเนียนกระจ่างนั้นพุ่งเข้าชนสายตาเสือร้ายอย่างเขาอย่างจัง "ถ้าสวย ๆ แบบนั้นค่อยน่าเจอ.." ธันวาพูดเสียงละเมอก่อนจะชะลอความเร็วเท้าลงไม่ได้ก้าวตามมารดา สายตาคมจ้องมองเด็กสาวคนที่กำลังพูดคุยกับเพื่อน ๆ อยู่ใกล้ ๆ โต๊ะประชาสัมพันธ์โรงพยาบาล เธอคนนั้นหันหน้ามาทางเขาแต่เธอไม่ได้เห็นว่าเขามองเพราะเธอมัวแต่คุยกับเพื่อนหญิงสองคน ปากเอิบอิ่มเป็นกระจับน่าลิ้มลองความนุ่มความหวานกำลังขยับคุย ตากลมโตสดใสเป็นประกายเมื่อเพื่อนพูดถูกใจก่อนจะหัวเราะคิกคักเบา ๆ ยกมือเล็กขาวเนียนป้องปากไว้เพราะความเกรงใจผู้อื่นว่าจะรำคาญเสียงตน ธันวาเผลอยิ้มตามเด็กสาวอยากรู้ว่าเพื่อนของเธอพูดอะไรทำไมเธอถึงได้ชอบใจได้ขนาดนั้น ธันวาลากสายตาดุจเสือร้ายของตนลงไปมองอกใหญ่ที่กะด้วยสายตาคงจะเป็นคัพดี มันกำลังสั่นกระเพื่อมในยามที่หญิงสาวหัวเราะ มองแล้วก็คิดว่าคงจะบีบหยุ่นมือน่าเข้าคลุกวงในอย่างที่สุด ลำคอหนาลอบกลืนน้ำลายหนืดลงคอขณะที่กำลังมองเด็กสาวดั่งคนโรคจิตก็ไม่ปาน "สวยแบบไหน.. อ้าว นั่นหนูรินนี่นา" ดวงเดือนได้ยินคำพูดแว่ว ๆ ของลูกชายจึงได้หันกลับมา เธอมองตามสายตาของธันวาจึงได้มองตามไปก็พบว่าเป็นรินรดา ลูกสาวของผู้ป่วยที่เธอจะขึ้นไปเยี่ยมยืนอยู่ตรงนั้น "คนไหนแม่ คนผิวคล้ำ ๆ เหรอ?" ธันวาหันมามองหน้ามารดาขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินว่าหนึ่งในสามสาวนั้นมีเด็กที่ครอบครัวเขาจ้องจะจับคู่รวมอยู่ด้วย เขารีบกวาดสายตามองทุกคนก็เห็นเด็กสาวที่ยืนหันข้างผิวคล้ำตัวผอมเล็กอยู่ในวงสนทนากับเด็กสาวที่เขาต้องตา "ไม่ใช่ ๆ คนใส่เสื้อสีขาวต่างหาก" ดวงเดือนตอบก่อนจะเดินเข้าไปใกล้กลุ่มเด็กสาว ธันวารีบตวัดสายตาพุ่งมองไปยังกลุ่มนั้นอีกครั้ง คนที่สวมเสื้อสีขาวในกลุ่มก็มีแต่เด็กสาวที่เขาลืมตัวจ้องมองอยู่คนเดียว พลันใจแกร่งถึงกับเต้นผิดจังหวะก่อนจะเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาแทบจะได้ยินจังหวะเต้นตุบ เด็กสาวผิวขาวราวกับหยวกกล้วยคนนั้นน่ะเหรอคือยัยเด็กดำถ่านเมื่อหกปีก่อน ทำไมถึงสวยได้ขนาดนี้วะ ธันวาคิดในใจขณะที่ยังควบคุมจังหวะของหัวใจตนไม่ได้ "หนูริน" เสียงดวงเดือนเรียกเด็กสาวคนนั้นดึงสติของธันวากลับมาทำให้เขาก้าวเท้าตามผู้เป็นแม่ไป "ป้าเดือน มาแต่เช้าเลย" รินรดาฉีกยิ้มหวานเมื่อเห็นผู้เรียกตนเองแล้ว เป็นเพราะสนิทสนมไปมาหาสู่กันประจำเธอเลยไม่ได้ยกมือทำความเคารพ "งั้นพวกเรากลับแล้วนะ" หนึ่งในสองสาวเพื่อนของรินรดาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่ได้เข้ามาทักเพื่อนตนก่อนจะสวัสดีดวงเดือนแล้วแยกตัวออกไป "หนูลงมาส่งเพื่อนค่ะ ป้าเดือนมากับใครคะ ลุงทิวล่ะหนูไม่เห็นเลย" รินรดาบอกแก่ผู้สูงวัยกว่าว่าเหตุใดเธอจึงไม่ได้อยู่เฝ้าไข้แม่ของตนก่อนจะถามทิวภพที่ปกติจะมาด้วยกันกับดวงเดือน เธอส่ายสายตาหาคนคุ้นเคยโดยที่ลากสายตาผ่านไม่ได้สนใจร่างสูงที่เดินตรงมายังเธอและดวงเดือน "ลุงทิวไม่ได้มา ป้ามากับพี่ธัน นี่ไง จำพี่เขาได้ไหมลูก?" ดวงเดือนยิ้มกว้างขณะที่หันไปลากร่างใหญ่ที่หยุดยืนอยู่ข้างหลังให้เข้ามาใกล้ ๆ "นี่พี่ธันเหรอคะ หนูจำไม่ได้เลยค่ะ สวัสดีค่ะ" รินรดาทำหน้าฉงนเมื่อชายตัวโตที่เธอมองแค่ผ่าน ๆ ตาเมื่อครู่ เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทบิดามารดาตนเอง เป็นเพราะไม่เจอกันหลายปีทำให้เธอลืมหน้าค่าตาของเขาไปแล้วทั้งที่เมื่อก่อนยังปั่นจักรยานด้วยกันในไร่อยู่เลย ไม่เชิงว่าปั่นด้วยกันแต่เป็นเธอที่ตามตื้อจะเล่นกับเขาแต่ก็โดนดุตลอดเพราะเขาต้องไปทำงาน "อะ..อืม สวัสดี" ธันวาเก้ ๆ กัง ๆ รับไหว้เด็กสาว ยิ่งได้เข้ามาใกล้ ๆ ยิ่งเห็นความกระจ่างใสของใบหน้าเล็กและนั่นทำเอาหัวใจเขาเต้นโครมครามไม่หยุด ว่าที่เมียสวยขนาดนี้ เขาก็เริ่มที่จะคิดหนักว่าควรจะหวงความโสดต่อไปดี หรือว่าจะรีบตอบตกลงแต่งงานไปเลย "ไป ขึ้นข้างบนกัน ป่านนี้แม่มองหาแล้วมั้ง" ดวงเดือนพูดขึ้นก่อนจะจับท่อนแขนเรียวของรินรดาให้เดินคู่กันไปยังลิฟต์ ปล่อยให้ลูกชายตัวโตเดินถือกระเช้าเยี่ยมไข้ตามหลังมา "พ่อยังอยู่ข้างบนหนูเลยขอลงมาส่งเพื่อนก่อน" รินรดาบอกกล่าวแก่หญิงสูงวัยกว่า ใบหน้าเธอฉีกยิ้มหวานขณะที่คุยกับดวงเดือนโดยไม่ได้ปรายตามามองคนด้านหลังเลยสักนิด เธอเลยไม่รู้ว่ามีสายตาคมกริบลอบมองหุ่นนาฬิกาทรายของตนเองอยู่ และถ้าเด็กสาวบังเอิญหันมาเจอสายตาของเสือร้ายคาดว่าเธอก็คงหวาดหวั่นกับสายตานั้นไม่ใช่น้อย ................................... อิพี่มองน้องแทบจะกินเข้าไปทั้งตัวแต่น้องมองอิพี่แค่ผ่าน ๆ ตา55555 พระเอกเลตมีใครบ้างที่ไม่หื่น ไม่มี๊!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม