รินรดารีบกลับเข้าห้องหยิบชุดนอนสีชมพูอ่อนแขนสั้นขาสั้นมาใส่แล้วรีบลงไปด้านล่าง ที่มีคนโมโหหิวรออยู่และเธอก็หิวไม่ต่างจากเขา
เพราะต้องยืนต้อนรับแขกมาตลอดช่วงเย็น เลยทำให้ทั้งคู่ไม่มีโอกาสที่จะได้รับประทานอะไร แม้ว่าก่อนเข้าพิธีการตอนค่ำจะได้รับประทานไปบ้างแล้ว แต่เพราะความตื่นเต้นเลยทำให้ลากอาหารลงท้องไปได้นิดเดียว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้วจึงทำให้สามีภรรยาป้ายแดงเกิดความหิวโหยขึ้นมา
รินรดาลงมายังชั้นล่างก็พบว่าธันวานั่งเลื่อนโทรศัพท์ฆ่าเวลาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
"กินอะไรดีคะ?" รินรดาเอ่ยขึ้นขณะที่เดินผ่านหน้าเจ้าของบ้านไปยังห้องครัว ไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำเพราะใจเธอกำลังคิดว่าบ้านนี้จะมีอะไรให้เธอรับประทานบ้าง
"ไข่เจียวก็ได้ ฉันหุงข้าวไว้แล้ว" ธันวาตอบ ร่างสูงลุกขึ้นเดินตามแม่ครัวตัวน้อยเข้าไปในห้องครัว ตอนเขาลงมานั้นเขาได้เอาข้าวใส่หม้อหุงรอไว้แล้ว ตอนนี้มันก็กำลังตั้งฟองเตรียมจะเดือดอยู่นั่น คาดว่าเมื่อกับข้าวที่รินรดาทำเสร็จ ข้าวในหม้อก็สุกพอดี
"ค่ะ" เสียงหวานตอบรับ เด็กสาวตรงไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบไข่ไก่ออกมาสองฟอง ตาเหลือบไปเห็นกะหล่ำปลีจึงนึกจะทำผัดอีกเมนูเพื่อที่จะไม่ให้ฝืดคอเกินไป เธอจึงได้หยิบออกมาด้วย
"เอากะหล่ำปลีออกมาทำไม?"
เสียงทุ้มของธันวาดังขึ้นข้าง ๆ หูพร้อมกับลมหายใจอุ่นมาปะทะผิวบางทำเอาแม่ครัวสาวถึงกับสะดุ้งโหยง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยใกล้กับชิดกับผู้ชายขนาดนี้เสียที ใบหูขาวค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อราวกับว่าลมหายใจเป็นไฟมาอังผิวให้แสบร้อน
"จะ..จะผัดค่ะ" รินรดาอึกอักตอบ เธอยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเพราะรับรู้ถึงไออุ่นของตัวผู้ชายตัวจากแผ่นหลัง ไม่ต้องมองก็รู้ว่าแผงอกของเขาใกล้หลังของเธอมาก
"เอาสิ ฉันหั่นให้" ธันวาโน้มตัวยื่นมือไปจับหัวกะหล่ำปลีที่วางอยู่ตรงหน้าเด็กสาวทำให้อกกว้างเคลื่อนไปแนบกับหลังนุ่มของเธอ กลิ่นหอมละมุนที่ออกมาซอกคอขาวทำให้เขาลอบสูดดมอย่างคนโรคจิตก็ไม่ปาน ที่ผ่านมาไม่เคยได้กลิ่นกายสาวหอมละมุนแบบนี้เลยสักครั้ง เพราะผู้หญิงที่เขาเคยแนบชิดด้วยมีแต่สาวร่านร้อนปรุงแต่งน้ำหอมฉุนกึก ไม่มีกลิ่นหอมธรรมชาติที่ปลุกความเป็นชายได้รวดเร็วแบบนี้
"มี..มีหมูไหมคะ?" รินรดายังคงคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติไม่ได้ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าคนข้างหลังแอบสูดดมตอนที่ใบหน้าเขาเข้ามาใกล้หน้าของเธอ นั่นยิ่งทำให้แก้มเนียนกลายเป็นสีแดงเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ เขาไม่ได้แตะต้องเนื้อตัวโดยตรงแต่ทำเธอร้อนวูบวาบทั้งตัวคล้ายจะเป็นลมอยู่แล้ว
"มี" ธันวาถอนลมหายใจลึก ๆ อย่างตัดใจ เขายืดตัวขึ้นตรงก่อนจะก้มมองกลางหว่างขาตัวเอง
"แม่งเอ๊ย! แค่ได้กลิ่นก็โด่ซะแล้ว'
เขาคิดในใจแล้วรีบหันหลังไปหยิบหมูออกมาจากตู้เย็น เพื่ออำพรางความลามกของตัวเองจากเด็กสาวตัวหอมตรงหน้า เผื่อเธอหันหลังกลับหันมาเจอความโดเด่เข้า
จากนั้นสองคนก็ช่วยกันทำอาหาร เพราะช่วยกันหยิบจับโน่นนี่ ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ได้กับข้าวส่งกลิ่นหอมโชยชวนน้ำลายสอ
ธันวาเดินไปตักข้าวในตอนที่รินรดาลำเลียงจานกับข้าวมายังโต๊ะ ร่างบางชะงักที่หันมาแล้วเห็นคนตัวโตกำลังตักข้าวเองและเขาก็ได้ตักเผื่อเธอด้วย เธอนึกว่าเขาจะรอให้แม่บ้านอย่างเธอตักให้เสียอีก นี่เป็นความประทับแรกของรินรดาตั้งแต่ที่มาร่วมบ้านกับเขา
"เอ้า ยืนเฉยอยู่ทำไม ไปหยิบน้ำแล้วมานั่งกินข้าว"
แต่แล้วความประทับใจของรินรดาก็พังโครมเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากคนหน้าหล่อ เขาช่างชอบกล่าวติเตียน ชอบบ่นเธอเสียจริง
รินรดาตวัดค้อนโดยไม่ให้ตาลุงเห็นแล้วรีบเดินไปยังตู้เย็นแล้วหยิบน้ำขวดใหญ่ออกมา หยิบแก้วมาสองใบแล้วรีบกลับไปนั่งประจำที่ก่อนจะโดนตาลุงหน้าหล่อจะบ่นให้อีก
"ทำกับข้าวอร่อยดีนี่" ธันวาพูดขึ้นเมื่อรับประทานมาสักพัก ขนาดที่เป็นกับข้าวธรรมดา แค่ผ่านไปห้านาทีข้าวในจานของเขาก็พร่องไปครึ่งจาน
"ตอนอยู่บ้านหนูทำตลอด" รินรดาพูดขึ้นโดยไม่ได้เงยมองหน้าคนตรงหน้าเพราะยังเคืองที่โดนเขาว่าเมื่อกี้ไม่หาย
"นึกว่าเด็กสมัยนี้จะไม่เข้าครัว นึกว่าจะได้เมียที่เอาแต่เล่นโทรศัพท์" ธันวาพูดขึ้นมาตามความรู้สึกเพราะเขาเห็นมาเสมอว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เอาแต่ติดโซเชียล ติดโทรศัพท์เล่นเกมจนแทบจะไม่ช่วยงานบ้านงานเรือน แล้วยิ่งเด็กที่มีฐานะแบบรินรดานี่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะไม่ต้องออกรับจ้างหาเงินเรียนเองหงก ๆ ก็จะขลุกอยู่กับโทรศัพท์ทั้งวัน
"หนูเห็นพ่อกับแม่ทำงานเหนื่อยแล้ว กลับเข้าบ้านก็อยากให้ท่านได้กินของอร่อย ๆ เลยทำไว้รอ" รินรดาพูดเสียงขุ่น นี่เขาเห็นเธอเป็นคนไม่เอาไหนขนาดนั้นเลยหรือไงถึงได้มาดูถูกแบบนี้
"ก็ดี" ธันวาพูดแค่นั้นแล้วก็นั่งรับประทานข้าวต่อจนหมดจานโดยไม่ได้พูดอะไรกับเมียป้ายแดงของเขาอีก ในใจลึก ๆ นั้นถูกใจไม่น้อยที่เธอรู้จักหน้าที่ ไม่งอมืองอเท้ารู้จักช่วยผ่อนแรงบิดามารดา
รับประทานกันอิ่ม รินรดาก็เก็บจานชามไปล้างแล้วรีบขึ้นห้องนอน เธอไม่ลืมที่จะล็อกประตูป้องกันเจ้าของบ้านบุกรุก แม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่ได้ชอบพอในตัวเธอแต่ก็ป้องกันไว้ดีกว่าแก้
เจ้าสาวหมาด ๆ เปิดโทรศัพท์คุยกับเพื่อน ๆ เรื่องการลงทะเบียนเรียนในเทอมที่จะเปิดเรียนนี้เพื่อรออาหารย่อยแล้วถึงจะเข้านอน
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม ในตอนงานแต่งจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเตรียมตัวว่าจะกระทบกับเวลาเรียน และการแต่งงานในครั้งนี้เธอบอกแค่เพื่อนสนิทสองคนของเธอแค่นั้นเอง
ทางด้านเจ้าบ่าวหมาด ๆ นั้น เขาได้เดินเข้าไปในห้องบาร์เหล้าที่ทำเป็นห้องแยกไว้ในยามครึ้มอกครึ้มใจอยากดื่มแต่ไม่อยากออกไปข้างนอกเหมือนกับตอนนี้ เขาเข้ามาหาไวน์ดื่มเพื่อต้องการที่จะสงบสติอารมณ์ ดื่มเพื่อหวังว่าไอ้ที่แข็งอยู่กลางหว่างขามันจะนอนสงบลงไปเสียที
แต่ธันวาคิดผิด เพราะยิ่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ เขายิ่งนึกไปถึงเนินอกขาว ๆ ที่สวยงามน่านวดเฟ้นน่าดูด ถ้าได้เห็นทั้งหมดจะสวยงามขนาดไหน คิดแล้วก็ต้องเผลอกลืนน้ำลายอย่างฝืดเคือง
คิดไปถึงกลิ่นหอม ๆ แค่ตรงซอกคอยังทำให้เขาแข็งได้ขนาดนี้ ถ้าได้ดมกลิ่นกายทั้งตัวจะรู้สึกขนาดไหน ยิ่งคิดยิ่งจินตนาการ ส่วนเกินกลางหว่างขาก็ยิ่งแข็งปั๋งจนปวดร้าวไปหมด
'ถ้าคืนนี้มันไม่ได้ปล่อยน้ำ จะนอนหลับไหมวะ!'
ธันวาคิดแล้วก็ถอนหายใจลึก ๆ เทไวน์ที่มีอยู่ครึ่งแก้วใส่ปากรวดเดียวหมดแก้ว กระแทกแก้วเปล่าลงบนโต๊ะดังตึ้งแล้วกระชากตัวลุกออกไปอย่างงุ่นง่าน
...................................
อิตาลุงปากดีจัด ไรต์เลยหมั่นไส้ บอกเลยจะได้แข็งทั้งเรื่อง55555