4. ไม่เต็มใจแต่ง

1376 คำ
สามวันต่อมา อาการของนิราดีขึ้นแล้วแพทย์จึงให้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน เพราะรู้ดีว่าคนไข้จะสุขภาพจิตดีกว่าอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมมีแต่กลิ่นน้ำยาฟุ้งกระจายไปทั่ว หากสุขภาพจิตดีย่อมทำให้สุขภาพกายดีตามไปด้วย วันนี้ ธันวาจึงโดนครอบครัวของตนเองลากมาที่ไร่ของกรวิทย์ก่อนที่เขาจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพในวันพรุ่งนี้ ข้ออ้างคือมาเยี่ยมนิราแต่เจตนาคือนำลูกชายยัดเยียดให้ครอบครัวผู้หญิง ช่างเป็นพ่อแม่ที่ไม่เหมือนกับครอบครัวอื่นดีแท้ "ตกลงเรื่องที่ฉันเสนอไปจะตกลงไหม?" หลังจากที่ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกันแล้ว ในที่สุดก็ทิวภพก็เป็นคนเปิดเรื่องก่อนเมื่อทั้งสองครอบครัวมานั่งย่อยอาหารอยู่ในห้องนั่งเล่น "แต่ว่ายัยรินยังเรียนอยู่เลย.." กรวิทย์อึกอัก ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจคำแนะนำของเพื่อนที่จะให้การแต่งงานช่วยเพิ่มความน่าเชื่อของบริษัท แต่เขาก็ต้องสนใจความรู้สึกของลูกสาวด้วยเช่นกัน ดวงตาเนือยตวัดไปมองหน้าลูกสาวอย่างหวั่นในใจ เกรงว่ารินรดาจะคิดว่าพ่อขายลูกสาวกิน "แต่งงานแล้วก็เรียนได้นี่ เหลืออีกปีเดียวเอง" ทิวภพรีบแย้ง "ถ้าไม่ทำตามวิธีของฉันตอนนี้แล้วรอให้หนูรินเรียนจบก่อน ถึงตอนนั้นบริษัทจะไม่แย่ไปกว่านี้ แค่แต่งงานใช้เครดิตของบริษัทฉันเท่านั้น เรื่องเข้าหอก็ไม่ต้องเพราะเด็ก ๆ ไม่ได้ชอบพอกัน ให้หนูรินแยกห้องก็ได้ถ้าไม่สบายใจ" ทิวภพพูดโน้มน้าวต่อ ไม่ได้คิดจะแสดงเพราะความแข็งแกร่งใหญ่โตของบริษัทของตนเองเพื่อข่มเพื่อนรัก แต่เขาอยากช่วยเพื่อนจริง ๆ โดยไม่รู้เลยว่าข้อตกลงหลังสุดนั่นช่างขัดใจลูกชายสุด ๆ ที่จะให้สามีภรรยาแยกห้องนอนกัน แม้ว่าการแต่งงานนี้จะเป็นเพียงแค่การตบตาของบริษัทคู่ค้า ถึงธันวาจะยังไม่ได้รักสาวน้อยตาโตคนนี้แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตอบตกลงในตอนที่พ่อและแม่ถามการตัดสินใจเมื่อสองวันก่อนหลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล เขาคงไม่คิดสละตัวเอาตัวเองมาผูกมัดแบบนี้ถ้าไม่ได้ชอบใจในตัวรินรดา พ่อนะพ่อ นี่ตั้งใจแกล้งให้ลูกชายนอนเปลี่ยวคนเดียวอย่างนั้นเหรอ "เอายังไง พ่อให้หนูตัดสินใจนะริน" กรวิทย์หันไปถามลูกสาวเพราะไม่อยากจะบังคับฝืนใจ เรื่องนี้ทางครอบครัวของเขาก็ได้หารือกันไว้แล้วว่าทางบริษัทมีปัญหา แต่เขาก็ให้อิสระกับลูกสาวและให้ลูกสาวเป็นคนตัดสินใจ "หนูอยากช่วยพ่อค่ะ" รินรดาพูดเสียงแผ่วเบาเป็นการตอบตกลงกลาย ๆ รู้สึกสบายใจในข้อตกลงของทิวภพที่จะให้เธอแยกห้องนอนกับธันวา เพราะเธอคงไม่สนิทใจที่จะนอนร่วมห้องกับผู้ชายถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะขึ้นชื่อว่าเป็นสามีแต่ก็เป็นสามีเพียงในนามเท่านั้นเอง "งั้นเอาเป็นว่าเราจะให้เด็กสองคนนี้แต่งงานกัน เดี๋ยวฉันจะไปหาหลวงพ่อดูฤกษ์ดูยามเอง" ดวงเดือนยิ้มกว้างทันทีที่ได้ข้อสรุป ใจนั้นอยากได้รินรดาเป็นสะใภ้อยู่แล้ว ถึงทั้งสองจะไม่ได้รักกันแต่เชื่อว่าการอยู่ร่วมกันทุกวันจะทำให้เกินเป็นความผูกพันและรักกันไปเองในที่สุด จากนั้นผู้ใหญ่สี่คนจึงได้ไล่ให้ว่าที่สามีภรรยาได้ไปทำความรู้จักกันโดยให้รินรดาพาธันวาไปเดินเล่นยังไร่ส้มซึ่งอยู่ไม่ไกลบ้านมากนะ เพราะอากาศที่นี่เย็นสบายพร้อมกับลมเย็นพัดมาโชย ๆ เลยทำให้ทั้งคู่ไม่รู้สึกเหนื่อย ไหนจะแนวแปลงดอกไม้ที่รินรดามาปลูกไว้กำลังออกดอกสวยทำให้มองเพลินตา "ไม่คิดว่าจะยอมแต่ง" ธันวาพูดขึ้นมาขณะที่เท้าก้าวเดินเอื่อยเฉื่อยตีคู่ไปกับว่าที่ภรรยา ขณะที่ปากพูดสายตาก็ตวัดไปมองใบหน้าสวยของเด็กสาวและมองไล่ต่ำลงเมื่อต่ำกว่าลำคอระหงนั้นมีสิ่งที่น่ามองยิ่งกว่า สองก้อนกลมที่พุ่งออกมาเกินหน้าเกินตามทำเอาลมหายใจของเขาสะดุดทุกครั้งที่มอง "หนูอยากมีส่วนช่วยบริษัทค่ะ อีกอย่างลุงทิวบอกว่าให้เราแยกห้องนอนกันหนูเลยสบายใจ" รินรดาพูดเสียงใสโดยไม่ได้คิดเลยว่าคำพูดของตัวเองทำให้อีกคนไม่พอใจ "หึ เราก็ต้องแยกห้องกันอยู่แล้ว เธอคิดว่าฉันจะนอนร่วมห้องกับคนที่ไม่ได้ชอบได้เหรอ" เมื่อเส้นโมโหของธันวาทำงานเขาจึงได้พูดออกไปแบบนั้น รู้สึกหงุดหงิดทันทีเมื่อได้ยินความในใจของว่าที่เมียสาว ใจเขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะทำอะไรในสิ่งที่เป็นสามีภรรยาทำกัน แต่เด็กสาวดันพอใจที่แยกห้องเสียอย่างนั้น เขาอุตส่าห์เสียสละความโสดมาช่วยเหลือครอบครัวเธอนะไม่คิดจะให้อะไรตอบแทนบ้างเลยเหรอไง "หนูก็คิดอย่างนั้นเพราะหนูก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่เหมือนกัน" รินรดาตอกกลับขณะที่หน้าก็ชาวาบกับคำพูดทำร้ายจิตใจของคนข้าง ๆ "รู้หรือเปล่าว่าพ่อฉันให้เวลาพ่อเธอหนึ่งปีในการตั้งตัว ถ้าถึงตอนนั้นถ้าฉันจะหย่าพวกเขาก็จะไม่ขัดขวาง" ด้วยความที่ไม่พอใจกับการที่ได้แยกห้องนอนกับแม่หนูนมโตอยู่แล้ว พอมาได้ยินคำพูดไม่เข้าหูทำให้ธันวาถึงกับหลุดปากพูดถึงข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับพ่อและแม่ของตัวเอง "ก็ดีค่ะหนูจะได้ไปใช้ชีวิตของหนู" รินรดาพูดประชดกลับทันที นึกไม่ถึงว่าที่ชายหนุ่มยอมแต่งงานครั้งนี้เขาได้ตกลงกับครอบครัวไว้แบบนี้นี่เอง เธอก็นึกดีใจว่าเขาอยากช่วยเหลือครอบครัวเธอด้วยใจจริงเพราะเห็นแก่ที่ทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกัน เธอคงจะมองโลกในแง่ดีเกินไปสินะ "จำไว้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ฉันไม่ได้เต็มใจ ถ้าครบกำหนดแล้วเธอไม่เซ็นใบหย่า ฉันจะฟ้องหย่าเอง" เมื่อเห็นว่าเด็กสาวไม่รู้สึกรู้สากับการหย่าร้างที่จะตามมาหลังหนึ่งปีต่อจากนี้ ก็ยิ่งทำให้ธันวารู้สึกโมโหจึงได้แดกดันออกไป เด็กน้อยนี่เป็นใครถึงไม่ยอมกระโจนเข้าหาหนุ่มหล่ออย่างเขา เหมือนที่เขาอยากจะกระโจนเข้าหาเจ้าหล่อน ยิ่งคิดยิ่งโมโหความนึกคิดของตัวเองที่เหมือนกับว่าสนใจเธออยู่ฝ่ายเดียว "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูเซ็นให้พี่แน่ ขอโทษด้วยนะคะที่ทะเบียนสมรสมันมัดพี่ไว้ตั้งหนึ่งปี พี่เลยอดไปกอดสาวคนอื่น" รินรดาพูดพร้อมกับสบตากับเขาด้วยแววตาแข็งกร้าว "ใช่ไง ชีวิตฉันขาดสาวสวยหมวยอึ๋มได้ที่ไหน ระลึกบุญคุณฉันไว้ดี ๆ ล่ะ" พูดจบธันวาก็หันหลังกลับไปยังทางที่เดินมา พ่อกับแม่อุตส่าห์เปิดทางให้มาสานสัมพันธ์กับว่าที่เมียก่อนแต่งแต่กลายเป็นว่าเขาและเธอมาสร้างรอยร้าวให้กันเสียอย่างนั้น "พี่ธันบ้า" รินรดามองตามหลังร่างใหญ่ด้วยความฉุนเฉียว ดีแล้วที่รู้แบบนี้เธอจะไม่หวั่นไหวไปกับตาลุงแก่คนนี้ในตอนที่ใช้ชีวิตในหนึ่งปีหลังจากนี้ แค่หนึ่งปีเอง เธอจะใช้เวลาทั้งหมดไปทุ่มเทให้กับการเรียนปีสุดท้าย แป๊บ ๆ เดี๋ยวการแต่งงานจอมปลอมนี้มันก็จบลง ........................... เชื่อว่าทุกคนรอตอนเข้าหอ แต่เขาตกลงว่าแยกห้องแบบนี้จะได้เห็นไหมน้อเอ็นซีลุงธัน555555
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม