“เราเลิกกันเถอะ”
ประโยคทำร้ายจิตใจที่ผู้หญิงคนนั้นพูดกับเขาอย่างไร้เยื่อใยดังขึ้นเมื่อเธอได้พบเจอคนใหม่ที่มีฐานะทางการเงินดีกว่า
ทั้ง ๆ ที่คบกันมานานถึงห้าปี แต่เธอก็เลือกตัดสัมพันธ์กับเขาง่าย ๆ เพียงเพราะตนเองรวยน้อยกว่า ถึงแม้เขาจะมีเงินเป็นพันล้าน แต่ก็สู้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ เพราะเขามีเงินเป็นหมื่นล้าน
คิมหันต์นอนคิดถึงเรื่องนี้ด้วยความเศร้าใจอยู่ภายในห้องนอนของตนซึ่งตั้งอยู่ในคฤหาสน์หลังโตแถบชานเมือง เขาถูกเธอบอกเลิกไปเมื่อเดือนก่อนด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่าหมดรัก
แต่ความจริงที่เขาเพิ่งรู้มาก็คือ เธอหมดรักเพราะเขารวยน้อยกว่าผู้ชายคนนั้น คนที่เป็นเจ้าของสายการบินอันดับต้น ๆ ของโลก ต่างจากเขาที่เป็นแค่ทายาทห้างสรรพสินค้าและโรงแรมเท่านั้น
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขัดจังหวะความเศร้าของคิมหันต์
“คิม แม่เข้าไปได้ไหม”
“เชิญครับคุณแม่ ผมไม่ได้ล็อกประตู”
เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน คุณหญิงเพียงเพ็ญ มารดาคนสวยของชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เปิดประตูแล้วเดินมาหาลูกชายที่กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยความหมดอาลัยตายอยาก
นางสงสารลูกเหลือเกินที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนมันไม่ใช่เนื้อคู่ จะฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้อย่างไร
“คิม แม่ไม่อยากเห็นลูกเศร้าเลย แม่ต้องทำยังไง ลูกชายของแม่ถึงจะกลับมายิ้ม กลับมาสดใสเหมือนเดิม ลูกบอกแม่มาเถอะ แม่จะทำทุกอย่าง”
คุณหญิงเพียงเพ็ญนั่งลงข้าง ๆ ลูกชายพร้อมกับเอามือไปลูบที่หัวของเขาเบา ๆ แล้วเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ถึงแม้คิมหันต์จะอายุ 30 ปีแล้ว แต่สำหรับนาง ลูกชายก็ยังคงเป็นเด็กในสายตาเสมอ ถ้ามีทางไหนที่จะช่วยให้อีกฝ่ายหายเศร้าได้นางก็ยินดีจะทำ
“คุณแม่” คิมหันต์เอ่ยออกมาเบา ๆ นี่เขาจมปลักอยู่กับความทุกข์จนลืมความรู้สึกของคนในครอบครัวขนาดนี้เลยเหรอ
มัวแต่แคร์ผู้หญิงที่ไม่เคยรักตนเองจนลืมผู้หญิงที่รักเขาสุดหัวใจอย่างมารดาไปได้อย่างไร ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นมากอดคุณหญิงเพียงเพ็ญด้วยความสำนึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้ท่านเศร้าใจ
“คิม บอกแม่สิลูก แม่จะช่วยคิมทุกอย่าง ขอแค่ลูกแม่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง”
“ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับคุณแม่ ผมสัญญา ต่อไปนี้ผมจะไม่เศร้าอีก”
“จริงเหรอลูก คิมไม่ได้แค่พูดเพื่อให้แม่สบายใจใช่ไหม”
“ครับ ผมพูดจริง ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณแม่เสียใจ”
“ไม่เป็นไรลูก แค่คิมบอกว่าจะไม่เศร้า ไม่เสียใจเพราะผู้หญิงคนนั้นอีก แม่ก็ดีใจมากแล้ว ไม่ว่าลูกจะเจอกับปัญหาอุปสรรคมากมายแค่ไหน แม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ แม่รักลูกนะคิม”
“ผมก็รักคุณแม่ครับ”
ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อซึมซับความรักความอบอุ่นจากท่านและเพื่อกำจัดความเศร้าที่อยู่ในใจออกไปให้หมด
เขาสัญญาในใจไว้ว่าต่อไปนี้ เขาจะไม่ทำให้ใครต้องมาเสียใจหรือทุกข์ใจเพราะเขาอีก โดยเฉพาะพ่อ แม่ แล้วก็น้องสาว ใครไม่รักก็ปล่อยไป อย่าได้สนใจ รักคนที่เขารักเราก็พอ
“แม่ขึ้นมาตามลูกไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน หลายวันแล้วนะที่คิมไม่ได้กินข้าวพร้อมกับพ่อแม่กับน้องเอิง วันนี้ลงไปกินข้าวด้วยกันนะ”
“ครับ ต่อไปนี้ผมจะกินข้าวพร้อมกับทุกคน ให้พ่อแม่แล้วก็น้องเอิงเบื่อหน้ากันไปเลย”
“ฮ่า ๆ ๆ มันต้องแบบนี้สิ ถึงจะเหมาะสมกับที่เป็นลูกของคุณหญิงเพียงเพ็ญกับคุณอนาคิน เหมาะกับการเป็นลูกชายคนโตของตระกูล”
“ครับคุณแม่”
หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อย สองแม่ลูกก็ควงกันลงมาที่ห้องอาหารซึ่งมีลูกสาวคนเล็กคือเอิงเอยและคุณอนาคิน ประมุขของบ้านนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อทั้งสองคนเห็นคิมหันต์ยอมมากินข้าวด้วย และดูไม่เศร้าเหมือนวันก่อน ๆ ต่างก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“ยิ้มอะไรขนาดนั้น แค่พี่มากินข้าวด้วยเองนะ”
“ก็พี่คิมไม่มากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตามาหลายวันแล้วนี่คะเอิงก็ต้องดีใจสิ จริงไหมคะคุณแม่”
“ใช่จ้า”
“หึ ๆ ต่อไปพี่จะมาให้เห็นหน้าทุกวันจนเบื่อเลย”
“พอ ๆ สองคนพี่น้อง กินข้าวเถอะ”
“ครับ/ค่ะ”
สองพี่น้องรับคำของบิดา จากนั้นทุกคนก็เริ่มลงมือกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยมีลูกสาวกับคุณแม่คอยชวนคุณพ่อกับลูกชายคุยสัพเพเหระตามประสาคนในครอบครัว ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่มีแต่ความเศร้าหมองถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเหมือนวันวานที่คิมหันต์ยังไม่โดนบอกเลิก
เช้าวันใหม่ ลูกชายของบ้านตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เขาโกนหนวด โกนเคราจนหน้าตากลับมาหล่อเหลาเหมือนเดิม
วันนี้เป็นวันแรกของเดือนที่เขาจะกลับไปช่วยบิดาทำงานอีกครั้งหลังจากที่ทำตัวเกเรจมปลักอยู่กับความเศร้ามานาน ชายหนุ่มมองตัวเองในกระจกแล้วตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมกลับไปใช้ชีวิตแบบเศร้า ๆ อีกเป็นอันขาด
ทางด้านคุณหญิงเพียงเพ็ญ หลังจากที่ส่งลูกชาย ลูกสาว และสามีขึ้นรถเพื่อไปทำงานเรียบร้อยก็รีบต่อสายหาเพื่อนสนิททันที
“ฮัลโหล เพ็ญว่าไงจ๊ะ”
“จันทร์ ฉันมีเรื่องอยากถาม จำคำสัญญาของเราได้ไหม ที่จะให้ลูก ๆ แต่งงานกันน่ะ”
“อืม ๆ จำได้ ทำไมเหรอ”
“ฉันอยากให้ตาคิมแต่งงานกับหนูกลิ่นจันทร์ เธอจะว่ายังไง”
“ฉันยินดีนะที่จะให้ตาคิมแต่งงานกับยัยกลิ่นน่ะ แต่ฉันขอถามเจ้าตัวก่อน ไม่อยากบังคับ”
“จ้า ๆ ยังไงรีบตัดสินใจนะ ตอนนี้ตาคิมโสดแล้ว เนื้อหอมแน่นอน”
“โอเค ๆ ฉันจะรีบถามให้ แค่นี้ก่อนนะเพ็ญ ยัยกลิ่นกลับมาพอดี”
เมื่อวางสายจากเพื่อนสนิท คุณเพียงเพ็ญก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แค่คิดว่าอีกหน่อยลูกชายจะได้แต่งงานกับลูกสาวของจันทร์เจ้า และมีหลานให้ตนเองอุ้มก็ดีใจจนเนื้อเต้น
นางหมายมั่นปั้นมืออยากได้ลูกสาวของเพื่อนมาเป็นลูกสะใภ้ตั้งแต่เด็กทั้งสองอายุยังน้อย แต่พอโตขึ้นมาคิมหันต์กลับมีแฟนเสียก่อน สุดท้ายจึงต้องตัดใจยอมรับในสิ่งที่ลูกชายเลือก แต่โชคชะตาก็ให้โอกาสอีกครั้งเมื่อผู้หญิงคนนั้นทิ้งคิมหันต์ไปอย่างไม่ไยดี คุณเพียงเพ็ญมองรูปว่าที่ลูกสะใภ้ในโทรศัพท์แล้วพึมพำเบา ๆ
“ลูกสะใภ้ของฉันต้องเป็นกลิ่นจันทร์เท่านั้น!”