ตอนที่ 9 ผู้รอดชีวิตกับการเก็บ(กวาด)ของ

2393 คำ
มีนาอดทนนั่งนิ่งๆ เช่นนั้นอยู่นานหลายชั่วโมง จนเมื่อเห็นแสงสว่างที่รอดผ่านผ้าที่ปิดเอาไว้เข้ามาจึงเริ่มขยับตัว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 7 โมงเช้าแล้ว เธอจึงลุกขึ้นเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยด้วยเสียงที่เบาที่สุด เก็บผ้าที่ใช้ปิดช่องลมเข้ามิติ เรียกเก้าอี้ออกมาจากในมิติหนึ่งตัว วางไว้ใต้ช่องลมและปีนขึ้นไปดูที่ด้านนอกห้อง เห็นว่ามีซอมบี้อยู่บริเวณรอบๆ 10 กว่าตัว แต่ละตัวยืนรวมกันบ้างกระจายกันบ้าง ช่องลมนี้อยู่ด้านข้างของประตูพอดี เธอจึงมองเห็นว่ายังมีซอมบี้ยืนอยู่ใกล้ประตูถึง 3 ตัวจึงคิดหาวิธีเพื่อทำให้พวกมันออกไปให้ห่างจากประตูมากที่สุด มีนาหยิบก้อนหินที่เก็บมาด้วยตอนที่หยุดเก็บพวกต้นไม้ ยังมีไม้สามง่ามที่เธอเอามาจากร้านขายของที่ระลึกที่ใช้ยิงลูกหินได้ออกมาด้วย ของพวกนี้เธอเคยเห็นในอินเทอร์เน็ตจากรายการของประเทศ T (ที) เมื่อไม่นานมานี้ในตอนที่ค้นหาเรื่องอาวุธและรู้สึกสนใจพวกมันมาก เธอยังคิดเอาไว้ว่าถ้าว่างเมื่อไหร่จะลองทำออกมาลองใช้งานดู โชคดีที่เธอเจอพวกมันตอนเก็บของที่โซนร้านค้าเมื่อวันก่อนจึงรีบเก็บพวกมันเข้ามิติทันที เธอไม่รู้ว่ามันถูกเรียกว่าอะไรแต่เธอจะเรียกมันว่าที่ยิงหิน ส่วนวิธีการใช้งานเธอได้ทดลองมาบ้างแล้วจึงคิดว่ามันเหมาะสมที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ มีนาหยิบก้อนหินใส่กระเปาะหนังสติ๊ก ช่องลมมีขนาดใหญ่พอที่เส้นหนังสติ๊กและก้อนหินสามารถพุ่งออกไปได้ ตรงฝั่งตรงข้ามมีแผนกระเบื้องแตกที่วางพิงกำแพงเอาไว้อยู่ เธอเล็งหินไปที่แผ่นกระเบื้องพวกนั้น ลูกแรกเธอยิงเบาไปลูกหินตกลงพื้นก่อนจะถึงที่หมาย ครั้งที่สองเธอจึงเพิ่มแรงขึ้นแต่คงเล็งสูงเกินไปมันจึงไปโดนกำแพง และทั้งสองครั้งเสียงที่ได้ก็ไม่ดังพอจะเรียกซอมบี้ทั้ง 3 ตัวที่อยู่หน้าประตูให้ตามไป ครั้งที่สามนี้มีนากะแรงและระยะได้แม่นยำมากขึ้น และก็สำเร็จก้อนหินยิงโดนกระเบื้องแผ่นหนึ่งแตกกระจาย ทำให้เกิดเสียงดังเรียกความสนใจจากซอมบี้ทั้ง 3 ตัวให้พุ่งไปทันที และยังมีที่อยู่ใกล้ๆ อีกหลายตัวตามไปด้วย ระยะห่างของกระเบื้องกับประตูห้องไม่น่าจะเกิน 5 เมตร แต่ก็ยังดีกว่าการที่เธอเปิดประตูไปแล้วต้องปะทะกับพวกมันทั้ง 3 ตัว และถ้าต้องลงมือต่อสู้ก็อาจจะเรียกตัวอื่นๆ ให้ได้ยินและตามมาร่วมด้วยก็ได้ แต่เดิมมีนาก็ไม่ใช่พวกสายต่อสู้แบบเข้าปะทะอยู่แล้ว เพราะเธอเป็นผู้หญิงเรี่ยวแรงหรือรูปร่างก็สู้พวกผู้ชายไม่ได้ เธอจึงเน้นโจมตีในระยะไกล ไม่ก็เป็นตัววิ่งหลอกล่อแล้วค่อยให้คนที่เหลือจัดการหรือหลบหนีเสียมากกว่า แต่เธอก็คล่องแคล่วว่องไวและมีฝีมืออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นเมื่อครั้งก่อนเธอจะใช้เวลาแค่เพียงสองปีก็ได้รับตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าค่ายพักได้อย่างไร เพราะคนที่จะมีตำแหน่งอยู่ในค่ายได้ต้องมีฝีมือเป็นที่ยอมรับของทุกคนในค่ายด้วย เมื่อพวกซอมบี้ไปยังจุดที่กระเบื้องแตกหมดแล้ว มีนายืนรออยู่นานเกือบครึ่งชม. จนพวกมันเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะหยุดนิ่งอีกครั้ง ถึงค่อยๆ เปิดประตูออกไป เมื่อเปิดประตูแล้วเธอยังไม่รีบร้อนออกไป รอดูว่ามีความเคลื่อนไหวใดเกิดขึ้นหรือไม่ จนแน่ใจแล้วก็พาตัวเองวิ่งออกไปทางด้านหน้าของโกดังทันที และก็เป็นอย่างที่คิดพวกซอมบี้ไปกระจุกกันอยู่ทางด้านหลังกันหมด ตอนวิ่งออกมาเธอก็สำรวจรอบๆ ไปด้วย ไม่เห็นรอยเลือดหรือร่องรอยการต่อสู้ แสดงว่ากลุ่มคนที่เข้ามาเมื่อคืนนี้น่าจะพากันหนีรอดออกไปได้ ซอมบี้ในตอนกลางวันในช่วงระยะแรกนี้ยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ที่มีคนติดเชื้อเป็นจำนวนมากก็เพราะความตื่นตระหนกตกใจ และการไม่ได้เตรียมพร้อมหรือรู้จักพวกมันมากกว่า แต่รอจนถึงช่วงระยะที่ 4 นั่นแหละ พวกมันถึงเริ่มน่ากลัวทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน และอีกอย่างตอนนี้ผู้คนยังคงตื่นตระหนกและหวาดกลัว ไม่รู้ว่าพวกมันสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่เหมือนเธอที่รู้ว่าจะหลบหลีกหรือเอาตัวรอดได้ยังไงนี่จึงถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของเธอ มีนาวิ่งห่างออกมาจากโกดังพอสมควรก็เปลี่ยนเป็นเดินสำรวจบริเวณที่ตนเองมาถึงคร่าวๆ ก็หลบพักพร้อมกับหยิบแผนที่ออกมาสำรวจทิศทางของจุดมุ่งหมายที่จะเดินทางต่อไป เธอใช้เวลาเดินเท้าเกือบ 2 ชม.จึงมาถึงจุดหมายต่อไป นั่นก็คือโรงงานผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่นี่ไม่มีคนหรือซอมบี้อยู่เลย มีนาหาข้อมูลสถานที่ต่างๆ ที่ตั้งอยู่รอบเมืองเหล่านี้มาก่อน จึงได้รู้ว่าก่อนเกิดเหตุการณ์ซอมบี้บุกที่นี่มีการปิดโรงงานไปท่องเที่ยวกัน อาจจะเคยมีคนเฝ้ายามอยู่ แต่ตอนนี้ก็คงหนีเอาตัวรอดไปแล้วหรืออาจจะกลายเป็นซอมบี้วิ่งตามใครไปแล้วก็ได้ เพราะมีรอยล้อรถและรอยเลือดที่ด้านหน้าอยู่พอสมควร มีนาปีนกำแพงเข้าไปด้านในเพราะประตูเหล็กด้านหน้าถูกปิดเอาไว้ค่อนข้างแน่นหนา และเธอไม่มีฝีมือด้านงัดแงะเลยแม้แต่น้อย ด้านในก็เงียบสงบดูท่าจะไม่มีใครหรือตัวอะไรอยู่ แต่เธอก็ไม่ประมาทเรียกอาวุธออกมาถือเตรียมเอาไว้ มีนาเดินไปส่องดูที่ป้อมรักษาความปลอดภัยเพื่อหากุญแจไขประตูโรงงาน และก็เห็นว่ากุญแจแขวนอยู่ข้างกำแพงด้านในป้อม มีนาเดินไปเปิดประตูและมันไม่ได้ล็อก แต่ทันทีที่เปิดประตูออกก็มีซอมบี้พุ่งเข้าใส่เธอ แต่มีนาเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้วถุงพลาสติกใสใช้ป้องกันเลือดซอมบี้กระเด็นใส่ตาหรือเข้าปากและที่เจาะน้ำแข็งถูกใช้งานอีกครั้ง ร่างที่พุ่งเข้ามาไม่นานก็แน่นิ่งลงเธอดึงที่เจาะน้ำแข็งออก หยิบถุงพลาสติกใบใหม่มาเตรียมพร้อมถ้าถูกจู่โจมอีกครั้ง เพราะซอมบี้ตัวเมื่อกี้ส่งเสียงดังพอสมควร แต่ยืนรออยู่เกือบ 10 นาทีไม่มีความเคลื่อนไหวใดอีก จึงเดินเข้าไปหยิบกุญแจออกมา จากที่คิดว่าคนเฝ้ายามอาจจะหนีหรือตามใครไปแล้วปรากฏว่าอีกฝ่ายยังคงเฝ้าประตูอยู่ไม่ได้ไปไหน มีนาได้แต่ขออภัยอีกฝ่ายในใจ และเหมือนเมื่อตอนโกดังเก็บของ มีนาเดินไปที่ด้านหลังของโรงงานเพื่อหาประตูเข้าไปด้านใน ส่วนใหญ่พวกโกดังเก็บของใหญ่ๆ จะต้องมีประตูด้านหน้าสำหรับขนส่งสิ่งของ และประตูด้านหลังสำหรับให้พนักงานใช้เข้าออกด้วย และก็เป็นอย่างที่คิดโรงงานนี้มีประตูบานเล็กสำหรับเข้าออกของคนงานเพราะด้านหลังมีบ้านพักสำหรับคนงานอยู่ด้วย วันนี้มีนาไม่อยากพักที่นี่ตอนนี้เพิ่งจะ 10 โมงเช้าเท่านั้น เธอยังพอมีเวลาเก็บของที่นี่และเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป ใช้เวลาหาลูกกุญแจอยู่ไม่นานมีนาก็เปิดประตูโรงงานได้ เมื่อสำรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนหรือซอมบี้อยู่ ก็ลงมือกวาดข้าวของเข้ามิติทันที ที่นี่เป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างขนาดใหญ่ของเมือง จึงมีทั้งแผ่นไม้ ปูน เหล็กเส้น หลังคาและอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างทุกอย่างครบครัน รวมถึงรถแม็คโครขนาดเล็กใหม่เอี่ยมที่จอดเรียงรายสีสันสวยงาม มีนาไม่เสียเวลาคิดกวาดทุกอย่างเข้าไปทั้งหมดยกเว้นพวกของที่ชำรุดแตกหัก ใช้เวลาไปกว่า 2 ชม. ทุกอย่างที่ใช้งานได้ก็เข้าไปอยู่ในมิติเรียบร้อย มีนาได้แต่นึกทึ่งกับมิติเก็บของนี้ ไม่ว่าจะเก็บอะไรเข้าไปมิติก็เหมือนกับจะขยายเพิ่มมากขึ้น จากตอนแรกที่เธอเห็นว่าเป็นแค่ห้องกว้างๆ ห้องหนึ่ง แต่ตอนนี้มิติได้ขยายออกจนมีขนาดน่าจะครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอลได้แล้ว และเธอเชื่อว่ามันยังขยายได้มากกว่านี้อีกหลายเท่า ตราบใดที่เธอยังสามารถหาของใส่เข้าไปได้ วิธีในการเก็บของก็ช่างง่ายดาย แค่เอามือข้างที่มีรอยสักผีเสื้อแตะไปยังของที่ต้องการแล้วคิดว่าเก็บมันก็จะถูกเก็บเข้ามิติ และของทั้งหมดก็จะเข้าไปวางเรียงตามตำแหน่งอย่างที่คิดทันที เมื่อเก็บของจนครบหมดแล้วมีนาก็ทำการล็อกปิดประตูเอาไว้เหมือนเดิมเอากุญแจไปคืนที่ แล้วรีบไปยังจุดหมายแห่งต่อไป สถานที่ที่เธอจะเดินทางไปนี้เป็นสวนผักและผลไม้ขนาดใหญ่ของเมืองเช่นกัน เธอเน้นแต่สถานที่ใหญ่ๆ เพราะข้าวของที่ได้จะมากกว่าการเข้าร้านเล็กทั่วไป ถึงแม้จะเสี่ยงกับการเจอซอมบี้หรือแม้แต่กลุ่มคนก็ยังคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าในระหว่างทางที่ผ่านเจอร้านอะไรไม่ว่าเล็กใหญ่เธอก็จะเข้าไปเก็บกวาดข้าวของพวกนั้นอยู่ดี เธอรู้ดีว่าต่อไปข้าวของพวกนี้มันจะหายากมากแค่ไหน และที่เธอเลือกมาที่สวนผักและผลไม้นั้นก็เพราะว่าอีกไม่เกิน 2 ปีพวกผักผลไม้จะหาได้ยากหรือบางอย่างก็เรียกได้ว่าสูญพันธุ์ เพราะมลพิษและแหล่งน้ำถูกปนเปื้อนจากสารพิษ การขาดแคลนน้ำสะอาดทำให้ต้นไม้ส่วนใหญ่แห้งตาย ที่อยู่รอดก็เป็นต้นไม้ที่ไม่มีประโยชน์ในการใช้งานหรือนำมาบริโภคไม่ได้ เพราะฉะนั้นเธอจึงคิดจะเก็บพวกมันเข้าไปไว้ในมิติด้วย มิติเก็บของของเธอถึงแม้ไม่มีพื้นดินหรือพื้นที่สำหรับใช้เพาะปลูก แต่มันสามารถเก็บอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเอาไว้ในสภาพเดิมได้โดยไม่ทำให้สิ่งนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นเธอจึงเลือกเก็บต้นไม้ ต้นสมุนไพรที่พบเจอตามทางเข้าไปด้วย รอจนเมื่อถึงค่ายพักของผู้รอดชีวิต เธอจะเอาพวกมันลงปลูกในอาคารเพาะปลูกของที่นั่น ไม่ว่าอย่างไรเธอจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพื่อพาทุกคนให้รอดพ้นไปจากวันสิ้นโลกในครั้งนี้ให้จงได้ สวนผักแห่งนี้อยู่ไม่ห่างจากโรงงานขายวัสดุก่อสร้างมากนัก ใช้เวลาประมาณครึ่งชม. มีนาก็มาอยู่หน้าทางเข้าสวนแล้ว แต่ดูจากสภาพโดยรอบ คาดว่าที่นี่น่าจะมีคนหรือซอมบี้อยู่ไม่น้อย แต่เธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าอาจจะเข้าไปเก็บต้นไม้มาทั้งหมดไม่ได้ แต่ขอแค่เก็บได้อย่างละ 1-2 ต้นก็ยังดี มีนาเดินเข้าไปตามทางผ่านประตูใหญ่ของสวน ซึ่งก็พอมองเห็นต้นผลไม้ และดอกไม้ที่ถูกปลูกเอาไว้อย่างดีเรียงรายกันอยู่เป็นแถวสวยงาม และมีบางต้นติดดอกแล้วด้วย เธอไม่รอช้าเก็บต้นไม้ดอกไม้ทุกอย่างบริเวณด้านหน้านี้บางส่วนเข้ามิติไป และค่อยๆ เดินเข้าไปด้านใน ระหว่างทางเจอต้นอะไรก็เลือกเก็บเข้าไปบางส่วนไม่ได้เก็บไปทั้งหมด เพื่อไม่ให้ดูแล้วผิดแปลกจนเกินไป เดินเข้ามาถึงลานกว้างที่น่าจะเป็นส่วนเก็บผักผลไม้และที่สำหรับส่งขาย เธอไม่พบคนหรือซอมบี้อยู่ที่นี่เลย แต่หูยังได้ยินเสียงของพวกมันหลายตัวน่าจะอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้ แต่เธอยังไม่คิดถึงเรื่องซอมบี้พวกนั้น เพราะตอนนี้ด้านหน้าของเธอมีสิ่งดึงดูดใจมากกว่า ตะกร้าผักและผลไม้เกือบร้อยตะกร้าวางเรียงรายกันจนเต็มพื้นที่ มีบางส่วนที่เน่าเสียหรือเสียหายน่าจะจากการถูกชนล้มและถูกคนเหยียบย่ำ แต่ก็ยังมีอีกมากที่ยังดีอยู่และสามารถนำไปกินได้ มีนาไม่รอช้ารีบเก็บพวกมันเข้ามิติทันที ก่อนลงมือเธอสำรวจดูแล้วไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่มีคนหลบซ่อนอยู่และแสงแดดที่ส่องแสงเจิดจ้าอยู่ในขณะนี้ พวกซอมบี้คงไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านเป็นแน่ เธอเก็บตะกร้าผักและผลไม้ที่ยังมีสภาพดีอยู่ทุกใบเข้ามิติ ขอเพียงพวกมันไม่เน่าเสียไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ชนิดไหนเธอก็ไม่ปล่อยทิ้งเอาไว้ เมื่อเก็บจนตะกร้าที่แต่เดิมมีวางอยู่เต็มพื้นที่ ตอนนี้กลายเป็นเพียงลานว่างๆ แล้วมีนาจึงเลือกผลไม้พวกนั้นออกมากินเป็นมื้อเที่ยง เพื่อสนองความโหยหาผลไม้สดนับสิบปีลง ในช่วง 2-3 วันที่เธอฟื้นขึ้นมาได้แต่วางแผนการเดินทางการเตรียมตัวหาข้อมูลสิ่งของและสถานที่ต่างๆ ที่จะออกไปเก็บของทั้งหลาย จนแทบไม่ได้ทำสิ่งอื่นใดอีกเลย แม้แต่อาหารการกินเพื่อนสนิททำอะไรให้เธอก็กินเช่นนั้น ตอนนี้พอมีโอกาสเล็กน้อยจึงอยากรีบตักตวงเอาไว้ เมื่อกินจนอิ่มแล้วก็ได้เวลาหาที่พักสำหรับคืนนี้ เธอยังมีเวลาอีก 5 วันเพื่อตระเวนเก็บของเข้ามิติ ก่อนที่จะเดินทางไปหาเพื่อนสนิทที่ค่ายทหารในเมือง D และเธอวางแผนจะแวะเก็บของระหว่างการเดินทางอีกด้วย พอไปถึงค่ายทหารที่เมือง S ตอนนั้นเธอก็คงมีข้าวของจำเป็นมากเพียงพอแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม