เปิดร้านวันแรก

1930 คำ
ตอนที่ 9 หญิงสาวมองชั้นไม้ที่วางเรียงกันอยู่ ก่อนที่เธอจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา จือหลินเปิดมิติอีกครั้งก่อนจะควานหาสิ่งที่ต้องการ หญิงสาวนำวัตถุดิบทั้งหมดที่ได้มาเรียงไว้บนชั้น เมื่อไม่ต้องไปซื้อก็จะช่วยประหยัดเงินไปได้มาก เท่ากับว่าเธอนั้นจะได้กำไรเต็ม ๆ จากการขายขนม หลี่จินเเละหลี่ฉวนช่วยกันยกของทั้งหมดมาวางไว้ที่พื้นก่อนจะนำเรียงบนชั้นไม้อย่างเป็นระเบียบ ไม่น่าเชื่อว่ามิติวิเศษนี้จะทำให้พวกเขาประหยัดต้นทุนไปได้มาก “อาหลิน พรุ่งนี้จะเปิดร้านแล้ว เช่นนั้นเรามาจดสูตรขนมเอาไว้ดีกว่า ในวันต่อ ๆ ไปรสชาติจะได้คงเดิม” ผู้เป็นพี่พูดจบก็ยื่นกระดาษกับดินสอที่เตรียมมาให้จือหลิน หลังจากที่หญิงสาวจดสูตรขนมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็ยื่นดินสอคืนให้พี่ชายรวมทั้งแผ่นกระดาษนี้ด้วย หลี่จินนำกระดาษไปแปะไว้ที่ข้างฝา เผื่อวันไหนที่น้องสาวไปเรียนหนังสือเขาจะได้ลงมือทำเอง โดยอาศัยอ่านสูตรที่เธอจดเอาไว้ “พี่ใหญ่ ฉันว่าจะออกไปตลาดสักหน่อย” หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะให้เงินเธอ แต่จือหลินไม่อยากไปคนเดียวเนื่องจากเธอนั้นไม่รู้จักที่แห่งนี้ดี จึงได้ชวนน้องชายไปด้วย แต่หลี่ฉวนก็ไม่ว่างเพราะเขากำลังเครียดกับการอ่านหนังสือเพื่อเข้าสอบเกาเข่า “นี่อาฉวน ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” หญิงสาวพยายามคะยั้นคะยอ แต่น้องชายก็ไม่สนใจ สุดท้ายแล้วจือหลินจึงต้องเดินทางไปคนเดียว เธอเดินไปตามเส้นทางที่พี่ชายเขียนแผนที่ให้ เขากำชับว่าให้เดินในที่ผู้คนพลุกพล่าน ห้ามเข้าตรอกซอกซอยเด็ดขาด ที่เธอนั้นอยากออกมาตลาดก็เพราะว่าอยากจะได้ผ้าใหม่ ๆ มาตัดเย็บเสื้อและกางเกงให้ทันในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเสื้อผ้าที่เธอมีค่อนข้างเก่าดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก เธอจึงกลัวว่าจะทำให้ร้านดูหม่นหมองไปด้วย หากแม่ค้าสวมเสื้อผ้าเก่าดูสกปรกก็ทำให้ลูกค้านั้นไม่อยากเข้าร้าน เธอจึงต้องเปลี่ยนแปลงบุคลิกใหม่ หญิงสาวเดินมาที่ร้านขายผ้าแห่งหนึ่ง เธอเลือกอยู่นานกว่าจะได้ผ้าที่ถูกใจ “มีแบบนี้อีกไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามหญิงวัยกลางคน อีกฝ่ายขยับแว่นเล็กน้อยก่อนจะลุกจากเก้าอี้และหรี่ตามองลายผ้าที่หญิงสาวเลือก “ลายนี้ไม่มีแล้วล่ะ แต่หากต้องการก็ต้องรอของอีกสักสองสามวัน” เจ้าของร้านเอ่ยตอบหลี่จือหลิน เมื่อหญิงสาวเห็นว่าผ้าลายนี้ไม่เพียงพอเธอจึงมองหาลายใหม่ที่มีผ้าเยอะกว่า “สองพับนี้เท่าไหร่คะ” "พับละ 3 หยวน 2 พับ ลดเหลือ 5 หยวนจ้ะ" หญิงสาวเอ่ยถามก่อนที่เธอนั้นจะหยิบเงินออกมาจ่าย หลังจากได้ของที่ต้องการแล้วเธอก็ตั้งใจจะเดินทางกลับ ระหว่างทางเจอหวังเทียนเล่อพอดี เขาปั่นจักรยานสวนมาและเอ่ยทักทายหญิงสาว “อาหลิน มาซื้ออะไรเหรอ” หญิงสาวชูห่อผ้าให้เขาดูก่อนที่จะเอ่ยถามทางไปตลาดจากชายหนุ่ม “ฉันมาซื้อผ้าไปเย็บเสื้อ ฉันกำลังจะไปตลาดแต่จำทางไม่ได้” หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนจะเกาศีรษะ เธอทำกระดาษที่พี่ชายจดแผนที่มาให้หล่นหายทั้งยังจำไม่ได้แม้กระทั่งทางกลับบ้าน โชคดีที่เจอหวังเทียนเล่อเสียก่อน “ขึ้นมาสิเดี๋ยวฉันไปส่ง” ชายหนุ่มว่าอย่างนั้นแต่หญิงสาวปฏิเสธ เธอรู้สึกเกรงใจ ขอเพียงแค่เขาบอกทางเธอจะจดจำไว้ให้ได้ “ขึ้นมาเถอะฉันกำลังจะไปตลาดพอดี” หญิงสาวลังเลชั่วครู่ก่อนตัดสินใจไปกับเขา ระหว่างทางทั้งสองพูดคุยกัน “เธอย้ายมาจากเมืองไหน” “เมืองทางเหนือน่ะ” เธอจำไม่ได้ว่าเมืองนั้นชื่ออะไร รู้เพียงแต่ว่าเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ และอยู่ห่างไกลจากเมืองนี้ค่อนข้างมากเพราะตอนที่เดินทางมาใช้เวลาหลายชั่วโมง “เธอจำชื่อเมืองที่อยู่ไม่ได้งั้นหรอ” หญิงสาวพยักหน้าก่อนที่ชายหนุ่มจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ทั้งสองเดินทางมาถึงตลาด ก่อนที่หญิงสาวนั้นจะเข้าไปซื้ออาหารให้พี่ชายและน้องชายทั้งสอง แม้เธอจะพึ่งได้ใช้ชีวิตกับพวกเขาไม่นานนัก แต่ก็พอจะรู้ว่าทั้งสองนั้นชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร พี่ชายชอบกินอาหารเผ็ดๆ ขณะที่น้องชายชอบกินอาหารทอด หญิงสาวซื้อเต้าหู้ผัดพริกเสฉวนและหอยจ๊อทอด ก่อนที่เธอนั้นจะเดินตามหวังเทียนเล่อเข้าไปด้านหลังตลาด “เถ้าแก่วันนี้ขอแป้งสักสิบโล ไข่สามแผง” เนื่องจากว่าที่ร้านบะหมี่ของเขานั้นทำเส้นเองทุกขั้นตอน ในแต่ละวันชายหนุ่มจึงต้องใช้วัตถุดิบค่อนข้างเยอะ หญิงสาวเห็นว่าเทียนเล่อต้องหิ้วของหนักหลายอย่างจึงอาสาที่จะช่วย แต่เขาไม่อยากให้เธอลำบาก จึงได้เอ่ยปฏิเสธแต่ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณในความมีน้ำใจของเธอ ทั้งสองเดินกลับมาที่จักรยาน ก่อนที่เขาจะพาหญิงสาวไปส่งถึงร้านอย่างปลอดภัย “แล้วจะเปิดร้านเมื่อไหร่” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้น เขาตั้งใจว่าจะอุดหนุนเป็นคนแรก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าทั้ง 3 พี่น้องจะเปิดร้านวันไหน “พรุ่งนี้ก็เปิดแล้ว” หญิงสาวว่าอย่างนั้น ก่อนที่เธอจะเอ่ยขอบคุณเขา หวังเทียนเล่อมองตามร่างบางจนลับสายตา ก่อนที่เขานั้นจะรีบจูงจักรยานเข้าไปเก็บในร้านของตัวเองและเริ่มลงมือทำเส้นสำหรับขายในวันพรุ่งนี้ เช้าวันต่อมาทั้งสามพี่น้องวุ่นวายอยู่ในครัว เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันแรกที่จะเปิดร้าน จือหลินจึงมีความกังวลเป็นอย่างมากกลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดีนัก “พี่ใหญ่ หยิบกระบวยให้ฉันหน่อย” หญิงสาวตะโกนบอกพี่ชาย ที่กำลังวุ่นอยู่กับการนึ่งแปะก๊วย เขารีบลุกไปหยิบกระบวยส่งให้หญิงสาวก่อนจะหยิบไม้ขึ้นมาเขี่ยฟืนกระจายออกให้ความร้อนนั้นแผ่ไปทั่วถึง “อาฉวน ทำอะไรอยู่” หญิงสาวตะโกนถามน้องชายเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งหันหลังอยู่ก็นึกสงสัย หลี่ฉวนกำลังนำงาใส่ในแป้งและปั้นเป็นลูกกลม แต่เพราะเขารู้สึกว่าขนาดไม่เท่ากันจึงตัดสินใจปั้นใหม่ ทำให้งานตรงหน้าล่าช้า “ฉันกำลังปั้นบัวลอยอยู่” ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น หลังจากที่ปั้นบัวลอยเสร็จเขาก็นำลำไยไปต้ม ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือจนในที่สุดขนมทุกอย่างก็เสร็จสิ้นเสียที หญิงสาวถอนหายใจพลางปาดเหงื่อ ทั้งที่วันนี้อากาศหนาวเย็นแต่พอต้องอยู่หน้าเตาตลอดเวลา ทำให้ทุกคนนั้นดูร้อนเป็นอย่างมาก “อาฉวน มาช่วยฉันยกออกไปหน่อย” ทั้งสองช่วยกันยกหม้อออกไปวางบนโต๊ะหน้าร้าน ขณะนั้นหวังเทียนเล่อที่ได้กลิ่นหอมก็เดินออกมาจากร้าน เขาชะเง้อมองเข้ามาด้านในก่อนจะเอ่ยเรียกหลี่ฉวน “อาฉวน” “พี่ชาย มีอะไรเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามระหว่างที่เขานั้นกำลังใช้กระบวยคนรังนกร้อน ๆ ในหม้อ “ขายหรือยัง ฉันขอซื้อรังนกตุ๋นได้ไหม” ชายหนุ่มชะโงกมองในหม้อ เห็นว่ารังนกตุ๋นร้านนี้มีแปะก๊วยและหล่อฮั้งก๊วยด้วย จึงตั้งใจจะซื้อไปฝากผู้เป็นแม่ “ได้สิพี่ชาย แต่รอสักครู่นะ เดี๋ยวผมไปตามพี่รองก่อน” ชายหนุ่มเดินหายเข้าไปในครัวด้านหลัง ก่อนที่จือหลินจะเป็นฝ่ายเดินออกมาแทน “พี่เทียนเล่อ มาทำอะไรที่นี่แต่เช้า ยังไม่เปิดร้านเหรอ” หญิงสาวนึกสงสัยที่ชายหนุ่มมาโผล่อยู่ในร้านของเธอ ทั้งที่ตอนนี้เขาควรจะเตรียมขายบะหมี่แล้ว จือหลินได้กลิ่นหอมของน้ำซุปโชยเข้ามาท้องของเธอก็ร้องโครกคราก ชายหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเอ่ยกับเธอว่า “บะหมี่ที่ร้านเสร็จแล้วเดี๋ยวฉันจะยกมาให้ กินอะไรรองท้องก่อนจะได้ไม่เป็นลมไป” เขาว่าอย่างนั้นก่อนจะรับรังนกตุ๋นจากหญิงสาวและเดินกลับไปที่ร้าน จือหลินแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนี เธอปล่อยให้ท้องร้องต่อหน้าผู้ชายหล่อเหลาได้อย่างไรกัน ช่างน่าอายจริง ๆ วันนี้เปิดร้านวันแรก ทั้งสามพี่น้องไม่ได้คาดหวังยอดขายมากนัก ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สนใจร้านขนมหวานเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่ก็ยังโชคดีที่มีลูกค้าบ้างประปราย ทำให้ขายไปได้หลายถ้วยแล้ว “ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี” หลี่จินปลอบใจน้องทั้งสอง เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วแต่ขนมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดเสียที ชายหนุ่มกังวลว่ามันจะเสียจึงตัดสินใจแจกให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา โดยหวังว่ารสชาติของขนมนั้นจะช่วยดึงดูดให้พวกเขากลับมาในวันถัดไป “โชคดีที่วัตถุดิบเราไม่ต้องซื้อ” ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น ดูเหมือนว่ามิติวิเศษของน้องสาวนั้นจะทำงานได้ดียิ่งขึ้น แม้ในช่วงแรกจะให้ของแปลก ๆ มา แต่ช่วงนี้สิ่งของที่ได้จากในมิตินั้นล้วนมีประโยชน์ต่อพวกเขาทั้งสิ้น ชายหนุ่มไม่ได้นึกเสียดายเลยแม้ว่าเขานั้นต้องแจกขนมให้ผู้คนจนหมดเกลี้ยง เพราะเชื่อว่าในวันพรุ่งนี้จะต้องมีคนกลับมาซื้ออย่างแน่นอน “แล้วถ้าหากเราขายไม่ได้เลยจะทำยังไง” หลี่ฉวนเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ แต่ถึงอย่างนั้นหลี่จินและจือหลินก็มั่นใจว่าร้านนี้จะต้องไปรอดอย่างแน่นอน “ไม่มีทางที่จะขายไม่ได้ ดูอย่างวันนี้สิ ทั้งที่เปิดวันแรกแต่ก็ยังมีลูกค้า ในวันหน้ายังไงก็ต้องมีเยอะกว่านี้อย่างแน่นอน” หลี่จินมักจะมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ไม่ได้บางครั้งเขาก็มองเห็นความเป็นจริงบางอย่างอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องการให้น้องสาวและน้องชายกังวล ถึงได้พยายามพูดถึงแต่สิ่งดี ๆ อีกอย่างขนมหวานฝีมือจือหลินนั้นรสชาติดี กลมกล่อมและไม่หวานเกินไป เขาจึงเชื่อว่าในวันพรุ่งนี้จะต้องมีลูกค้าเดินทางมาที่นี่เพิ่มมากขึ้น “ฉันเห็นด้วยกับพี่ใหญ่” หญิงสาวเอ่ย เธอเชื่อว่ายังไงในวันพรุ่งนี้จะต้องมีลูกค้ากลับมาอย่างแน่นอน แต่หากยังขายไม่ดีเธอก็จะคิดหาแผนการใหม่เพื่อโฆษณาร้านขนมแห่งนี้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม