ตอนที่ 1
หลี่จือหลินรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินตรงไปยังโต๊ะอาหาร ก่อนที่เธอนั้นจะวางถาดขนาดใหญ่ลงบนโต๊ะ หญิงสาวไม่กล้าพอที่จะเงยหน้ามองสบสายตาไม่พอใจของลูกค้า
เพราะเนื่องจากวันนี้คนเยอะ พนักงานลาหยุดพร้อมกันหลายคน ทำให้หน้าที่หลายอย่างตกมาอยู่ในมือของหญิงสาว เธอต้องสลับเสิร์ฟอาหารกับล้างจานทั้งวัน แต่น่าเสียดายแม้ทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า แต่ค่าแรงก็ยังคงเดิม
“อาหลิน โต๊ะเเปด”
พ่อครัวตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะกระแทกการวางลงในถาดด้วยความเร่งรีบ หญิงสาวสะบัดมือไล่ฟองเล็กน้อยก่อนที่เธอจะล้างน้ำเปล่า และรีบลุกไปเสิร์ฟอาหารทันที
แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น จู่ๆ หญิงสาวก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขาจะเป็นลม เธอใช้มือดันตัวเองไว้กับโต๊ะเพื่อประคองไม่ให้ล้มลงไป แต่ถึงสภาพจะไม่ไหวเจ้าของร้านก็ไม่สนใจ เขาต้องการให้หญิงสาวทำงานรวดเร็วกว่านี้โดยไม่สนสภาพร่างกายของเธอเลย
“เถ้าแก่ฉันขอพักหน่อยได้ไหมคะ”
หญิงสาวเอยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านหน้าเลือดนั้นไม่อนุญาตให้หญิงสาวพักแม้แต่วินาทีเดียว เขาสั่งให้เธอนำอาหารไปเสิร์ฟ ไม่สนแม้ใบหน้านั้นจะซีดเซียวเต็มที
“เร่งมือหน่อย ลูกค้าเต็มร้านแล้ว จะมาทำอิดออดแกล้งป่วยแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ”
"..." "..."
เขาตะโกนเข้าไปในครัวเพื่อสั่งงานพ่อครัวที่อยู่ด้านใน แต่สายตากลับจิกกัดประชดประชันจือหลิน ก่อนจะเดินออกไปจากร้านตรงไปยังบ่อนที่อยู่ไม่ไกลนัก เจ้าของร้านผู้นี้ชอบเล่นการพนัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เข้าบ่อนเพื่อเสียเปล่า แต่ยังหัวหมอหารายได้จากด้านในด้วย
การให้จือหลินนำอาหารเข้าไปส่ง แต่เพราะงานที่ร้านยุ่งมากเธอจึงไปส่งช้า ทำให้ถูกอีกฝ่ายตำหนิต่อหน้าผู้คนมากมาย
“ทำงานไม่คุ้มค่าแรง ถ้าไม่ติดว่าที่ร้านไม่มีคนฉันไล่ออกไปแล้ว ดูสิว่าจะมีร้านไหนรับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอเข้าทำงานบ้าง เหอะ!”
ชายวัยกลางคนตวาดลั่น ในขณะที่หลี่จือหลินได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม เธอเดินออกมาจากบ่อนช้า ๆ ระหว่างที่กำลังจะกลับไปที่ร้านเธอสังเกตเห็นว่ามีตำรวจกลุ่มใหญ่ กำลังเดินเข้าไปในนั้น
หญิงสาวรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอรีบเร่งฝีเท้าทันที เพราะกลัวว่าตัวเองจะโดนจับไปด้วยเนื่องจากเธอนั้นเพิ่งออกมาได้ไม่นาน
จือหลินเห็นว่าอีกไม่กี่นาทีก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว ทางเจ้าของร้านยังถูกจับไปอีก เธอจึงรู้สึกหมดหวังว่าจะได้ค่าแรงของวันนี้ จึงตัดสินใจถอดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้และคว้ากระเป๋าผ้าก่อนจะเดินออกไปทันที
“ไปไหนล่ะอาหลิน” พ่อครัวในร้านเอ่ยถามหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเธอไม่อยู่รอรับค่าแรง
“ฉันต้องรีบไปล้างจานที่ร้านเถ้าแก่หมิงต่อค่ะคุณลุง”
"แล้วเธอไม่อยู่รอรับค่าแรงก่อนเหรอ?"
"เถ้าแก่ถูกจับไปแบบนี้ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับมา ฉันกลัวว่าจะไม่ทันเวลาเข้างานที่ร้านเถ้าแก่หมิงค่ะ"
หญิงสาวเอ่ยตอบก่อนที่เธอจะเดินออกมา หญิงสาวใช้เวลาเดินนานกว่า 15 นาทีเพื่อไปยังร้านขายหม่าล่าเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมถนน
“มา ๆ ฮาหลิน รีบล้างเร็วเข้า”
ภรรยาเจ้าของร้านรีบเร่งให้หญิงสาวทำงานทันทีที่เธอเดินทางไปถึง เนื่องจากวันนี้มีลูกค้าค่อนข้างมาก ทำให้แทบจะไม่มีจานใส่อาหารเเล้ว
"ค่ะเถ้าแก่เนี้ย"
จือหลินแขวนกระเป๋าผ้าไว้ที่เก้าอี้ก่อนที่เธอนั้นจะนั่งลงและเริ่มล้างจานทีละใบ กลิ่นอาหารหอมอบอวลทำให้ท้องของหญิงสาวร้องโครกคราก เนื่องจากตลอดทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เพราะเถ้าแก่ไม่ได้ให้เบี้ยเลี้ยงค่าอาหารมานานหลายวันแล้ว ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้กินของในร้าน
หญิงสาวรู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องฝืนทนให้ได้มากที่สุด เธอไม่สามารถแสดงความอ่อนแอเพราะไม่อย่างนั้นอาจถูกเลิกจ้างได้ เธอมีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย เดือนหน้าก็ต้องจ่ายค่าเทอมที่มหาวิทยาลัยแล้ว เธอจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อหาเงิน
“รีบ ๆ ล้างหน่อย ทำท่าทำทางอย่างกับคนไม่มีแรง”
"ฉันกำลังเร่งมือค่ะ"
หญิงวัยกลางคนบ่น ก่อนที่เธอนั้นจะยกจานมาวางตรงหน้าหญิงสาวอีกตั้งหนึ่ง จือหลินถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อย ตอนที่เธอนั้นจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองจนเสร็จสิ้น
ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มเเล้ว กว่าจะเดินเท้ากลับถึงหอพักมหาวิทยาลัยก็ใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง หญิงสาวเหนื่อยมากจนต้องตัดสินใจนั่งพักที่เก้าอี้ด้านล่าง เธอเดินเข้าไปในมินิมาร์ทก่อนจะซื้อขนมปังหนึ่งก้อนราคาถูก ๆ
“อาหลิน ค่าหอพักเมื่อไหร่จะจ่าย”
แม้ว่าจะเป็นหอพักมหาวิทยาลัยและค่าเช่าไม่แพงมากแต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่เคยจ่ายตรงเวลาเลยสักครั้ง เนื่องจากค่าใช้จ่ายรัดตัวทำให้เธอนั้นหมุนเงินไม่ทัน หญิงสาวไม่เพียงแต่ต้องจ่ายค่ากินในแต่ละวัน แต่เธอนั้นต้องเจียดเงินค่าแรงเพื่อจ่ายหนี้ให้พ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว
“ฉันขอเวลาสักสองสามวันนะ”
เธอเอ่ยกับผู้ดูแลหอพัก อีกฝ่ายพยักหน้าด้วยความไม่พอใจทั้งเหนื่อยหน่ายกับผู้เช่ารายนี้ เดือนไหนที่เธอนั้นเก็บค่าเช่าได้ไม่ครบก็จะถูกทางมหาวิทยาลัยตำหนิ เธอจึงต้องมาเคี่ยวเข็ญกับนักศึกษา
“หามาจ่ายให้ได้ล่ะ เห็นใจกันหน่อย ฉันเองก็โดนด่ามาเหมือนกัน”
หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินจากไปด้วยความหงุดหงิด ทิ้งให้จือหลินนั่งมองขนมปังที่อยู่ในมือ แม้จะหิวมากแค่ไหนแต่ตอนนี้กลับกินไม่ลงเสียแล้ว
หญิงสาวกลับขึ้นมาบนห้องก่อนจะรีบอาบน้ำเพื่อเข้านอน ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเถ้าแก่ที่โทรมาหา เขาต่อว่าหาว่าเธอเป็นคนแจ้งตำรวจจับแม้หญิงสาวจะปฏิเสธเขาก็ไม่ยอมเชื่อ ทั้งยังไล่เธอออกไม่ให้มาทำงานอีก
จือหลินแทบล้มทั้งยืน หลังจากที่วางสายเธอก็ทรุดตัวนั่งร้องไห้ทันที หญิงสาวรู้สึกท้อแท้ในชีวิต ทำไมโชคชะตาถึงได้ใจร้ายกับเธอขนาดนี้
อายุเพียง 12 ปีก็พรากพ่อและแม่ไปจากเธอ ทั้งท่านทั้งสองยังทิ้งหนี้สินเอาไว้มากมาย เมื่อเธอเติบโตขึ้นเจ้าหนี้ก็มาตามทวงทั้งยังข่มขู่ หากเธอไม่จ่ายก็จะมาดักรอเพื่อทำร้าย
หญิงสาวเหนื่อยมาก จู่ๆ เธอก็รู้สึกปวดท้องจนทรุดนั่งลงไปกับพื้นอีกครั้ง หญิงสาวบิดตัวไปมารู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก แต่เธอคิดว่าที่ปวดท้องก็เพราะเธอนั้นหิวข้าวเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้า
หญิงสาวเอื้อมหยิบขนมปังที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่เธอนั้นจะหยิบยาแก้ปวดใส่ปากตามด้วยน้ำเปล่า
จือหลินเหลือบไปเห็นรูปภาพที่วางอยู่บนหัวเตียง เธอยังจำชีวิตช่วงที่มีพ่อแม่ได้ดี ตอนนั้นพ่อกับแม่เปิดร้านขายอาหารทะเลเล็กๆ อยู่ในตลาด ฐานะพอมีพอใช้แม้จะมีหนี้สินบ้างแต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนมากนัก
หญิงสาวไม่เคยลำบากมาก่อน มีพ่อแม่คอยดูแลคอยให้ความอบอุ่น
แต่ทว่า โชคชะตาก็ดันเล่นตลก ในคืนหนึ่งที่พ่อกับแม่ขับรถเพื่อไปรับอาหารทะเลมาขาย ในวันนั้นฝนตกหนัก ทำให้ลดบรรทุกที่วิ่งตรงมาเบรกไม่อยู่เนื่องจากถนนลื่น ส่งผลให้รถพุ่งชนรถกระบะคันเล็กของพ่อแม่เธอ
จือหลินทราบข่าวร้ายในเช้าวันต่อมา เธอร้องไห้อยู่ 3 วัน 3 คืน เพราะทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างกะทันหัน
ญาติพี่น้องก็ไม่ยอมรับเลี้ยงเธอ เพราะกลัวว่าจะเป็นภาระที่หนักจนเกินไป น่าเสียดายที่พ่อกับแม่ไม่เคยทำประกันชีวิต เมื่อจากไปจึงไม่ทิ้งอะไรไว้ให้เธอเลย นอกจากเงินเก็บในธนาคารที่มีเพียงเล็กน้อย
หญิงสาวต้องทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อหาเงิน โชคดีที่ร้านขายของชำใกล้บ้านให้โอกาสเธอได้ทำงานหลังเลิกเรียน ทำให้พอมีเงินประทังชีวิตไปได้บ้าง
แต่หลังจากที่เติบโตเธอก็ตัดสินใจสอบชิงทุนเพื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้ทุนแค่ปีเดียว ส่วนปีอื่นๆ ต้องจ่ายเอง
หญิงสาวดิ้นรนอย่างหนัก เธอยอมทำงานทุกอย่างแม้กระทั่งกรรมกร ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยคิดขายศักดิ์ศรีตัวเอง หญิงสาวทำงานหนักมาตั้งแต่เด็กจนร่างกายทรุดโทรม เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเงินมากพอที่จะไปหาหมอ
หลี่จือหลินทำงานหนักจนผลการเรียนของเธอตกอย่างรุนแรง ทำให้หมดสิทธิ์ที่จะสอบชิงทุน จือหลินพยายามอย่างมากที่จะเรียนให้จบ เพราะเชื่อว่าวุฒิการศึกษาจะสามารถซื้อคุณภาพชีวิตดีๆ ให้กับเธอได้
อย่างน้อยในวันหน้าหากเธอมีงานการมั่นคง ก็ไม่ต้องลำบากแบบนี้อีกต่อไป
เพียงแค่คิดถึงเป้าหมายเธอก็มีแรงที่จะสู้ต่อ หญิงสาวพยายามหางานใหม่ในอินเทอร์เน็ต แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้งานพาร์ทไทม์ตามร้านอาหารจัดเต็มหมด เหลือเพียงงานปั่นจักรยานส่งอาหารตามบ้านเท่านั้น
หญิงสาวไม่มีทางเลือกเธอตัดสินใจโทรไปสมัครงาน และโชคดีที่อีกฝ่ายนั้นให้เธอเริ่มงานพรุ่งนี้ได้ทันที
เธอดีใจเป็นอย่างมาก อย่างน้อยในวันที่ย่ำแย่ก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้เธอนั้นพอยิ้มได้ จือหลินล้มตัวลงนอน ก่อนที่เธอนั้นจะหยิบหนังสือมาอ่าน เพราะไม่มีเวลามากเท่าคนอื่นทำให้เธอต้องใช้ช่วงเวลากลางคืนเพื่อทบทวนบทเรียนด้วยตัวเอง
จือหลินใช้เวลาอ่านหนังสือประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อรู้สึกง่วงจึงรีบเจ้านอน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า โชคดีที่ช่วงนี้มหาวิทยาลัยปิดเทอมทำให้เธอนั้นมีเวลาทำงานเต็มวัน
แต่หากเป็นช่วงเปิดเทอมเธอก็จะหางานทำแค่ช่วงเย็นเท่านั้น แต่ในบางวันอาจารย์ในมหาวิทยาลัยก็เรียกให้เธอไปทำความสะอาดบ้าน และให้ค่าตอบแทนหลังจบงาน
แม้ว่าจือหลินจะทำงานเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้แต่เธอก็ไม่มีเงินเก็บเลยแม้แต่หยวนเดียว เธอต้องจ่ายค่าเทอม ค่ากินรวมทั้งหนี้สินของพ่อแม่ที่ไม่จบสิ้นเสียที
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หญิงสาวนั้นรู้สึกท้อแท้อยู่บ่อยครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย ให้ชีวิตลำบากแค่ไหนแต่เธอก็ยังอยากที่จะเผชิญหน้ากับมัน