คุณพยาบาลนำชุดของทางโรงพยาบาลมาให้สวมใส่หลังออกจากเครื่องเอกซเรย์ รู้สึกโล่งเพราะไม่ได้ใส่ชั้นใน แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ใส่อะไรเลย เวลาเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งควรจะได้หลับสบายๆ เฮ้อไม่ใช่สิ ทุกคนเลยต่างหาก ทั้งคุณหมอและพยาบาล เพราะอาการปวดท้องกำเริบขึ้นมาอีกครั้งแถมยังหนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ยาแก้ปวดก็เอาไม่อยู่ฉันทนไม่ไหวก็เลยออกไปร้านขายยาเพื่อซื้อยาที่มันแรงกว่าเดิม ยังไม่ถึงไหนก็หมดแรงล้มลงไปกองกับพื้นก่อน คนแถวนั้นโทรเรียกรถพยาบาลมารับตัวฉัน ไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้อีกครั้ง
"เดี๋ยวเข้าไปพบคุณหมอต่อนะคะ คุณหมอจะแจ้งผลการตรวจอย่างละเอียดและแนวทางการรักษาค่ะ" ไม่อยากคิดไม่อยากนึกถึง ฉันเบี้ยวนัดมาสามเดือนติดเพราะเหตุผลบางอย่าง มันสำคัญกว่าเรื่องอาการป่วย ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่มันเริ่มลุกลามและก็กำลังจะกลายเป็นโรคร้ายอย่างที่คิดเอาไว้
"คุณพยาบาล หนูจะตายไหมคะ"
"ไม่ตายหรอกค่ะ คุณหมอเก่งใครๆ ก็รู้" หมอสิงห์เคยเป็นหมอเจ้าของเคสดีกับฉันมาก หมอเป็นคนอบอุ่นไม่รู้สิฉันรู้สึกว่าเป็นแบบนั้น บางครั้งก็ดุจนไม่อยากจะพูดด้วย แค่ลืมกินยาก็เป็นเรื่องใหญ่
"ยานี้สำคัญมากต้องทานต่อเนื่อง ละเลยได้ยังไง จับฉีดยาดีไหม"
"ไม่เอาค่ะหนูกลัว ต่อไปหนูจะกินให้ครบค่ะ หมออย่าจับหนูฉีดยาเลยนะ "
"จำไว้ว่าอย่าดื้อกับหมอ เพราะหมอมีเข็ม จับฉีดยาได้เมื่อไหร่ก็ได้ "
จอมขู่อีกด้วย เอะอะก็ฉีดยาอย่างเดียว พอเริ่มกลัวหมอก็จะแอบยิ้มแถมบางครั้งยังหัวเราะใส่อีก ทำเหมือนฉันเป็นตัวตลกไปได้
"ใช่ค่ะคุณหมอเก่งมาก แต่หนูดื้อเองไม่ยอมรักษาต่อ "
"อย่าคิดมากนะคะ ถึงมือคุณหมอแล้ว " ฉันยิ้มอ่อนให้พี่พยาบาล ในใจกลัวสารพัด ฉันกลัวการผ่าตัดกลัวการวางยา กลัวหลับไปแล้วจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก เพราะฉันมีอีกสองชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ พ่อกับแม่รอฉันอยู่ ครอบครัวของเราไม่ได้มีเงินเยอะมากมาย หาเช้ากินค่ำไปวันๆ แถมหนี้สินยังพะรุงพะรังพันกันจนวุ่นวายเพราะเมื่อก่อนพ่อติดพนันก็เลยทำให้เป็นหนี้ติดพันมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันพ่อเลิกแล้ว พ่อเลือกครอบครัวแต่หนี้ที่ติดค้างอยู่ยังไม่หมดไปต้องคอยตามส่งทุกเดือน ไม่ใช่แค่เจ้าเดียวมันหลายเจ้าจนฉันต้องหยุดแพลนเข้ามหาวิทยาลัยไว้ก่อนออกมาช่วยพ่อกับแม่ทำงาน ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังลำบากอยู่ดีได้มาจ่ายไป ดอกเบี้ยผุดขึ้นปานดอกเห็ดใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที
...................
"พร้อมหรือยัง"
"พร้อมอะไรคะ " หมอเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับใส่หูฟังส่วนตัวที่มีตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ ติดอยู่ เขาเรียกว่าอะไรฉันไม่รู้จัก ไม่เข้าใจเหมือนกันศัพท์ของหมอ เคยได้ยินเขาพูดกันว่ามันคือ สเตปสโตส อะไรก็ไม่รู้ช่างเหอะแต่หมอใส่แล้วโคตรเท่ เท่เพราะตุ๊กตาหมีที่ติดอยู่นั่นแหละสงสัยแฟนจะซื้อให้ น่ารักเชียว
"หัวใจเต้นเร็วนะ ตื่นเต้นเหรอเวลาอยู่ใกล้หมอ" ฉันได้แต่มองหน้าหมอที่กำลังพูดเองเออเองอยู่ตอนนี้ เครื่องมือหมอก็เลื่อนไปตามหน้าอกช่วงบน สีหน้าของหมอคิดวิเคราะห์อาการ โดยไม่หันมามองหน้าฉันเลยสักนิด อย่าเถียงหมอเพราะหมอรู้ทุกอย่าง
"เปล่าค่ะ" ไม่ได้เจอหมอตั้งนาน อาการก็ยังเหมือนเดิม ใจเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้ โรคจิตหรือเปล่าฉันเนี่ย
"ต้องผ่าตัดนะ " อยู่ๆ หมอก็พูดคำนี้ออกมา ที่จริงฉันควรผ่าตั้งนานแล้ว แต่ผ่าไม่ได้ ขาดฉันไป เงินใช้หนี้ก็จะไม่เพียงพอ มีเจ้าหนี้แวะเวียนมาทุกวัน ผลัดวันก็ไม่ได้โดนข่มขู่สารพัด แล้วฉันจะต้องทำยังไง ?
"หมอ นอกจากผ่าตัดมีวิธีอื่นอีกไหม กินยาก็ได้ หนูจะกินยาให้ตรงเวลาแล้วก็กินให้ครบ ไม่ดื้อเหมือนเดิมอีกแล้ว"
"สามเดือนแล้วนะที่ปล่อยให้มันทำร้ายร่างกาย เลือกเอาจะปล่อยไว้แบบนี้แล้วอยู่ได้ไม่กี่วันกับผ่าตัดแล้วคีโมจนหาย กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ เลือกเอา " ไม่กี่วันอย่างนั้นเหรอ ทำไมถึงเร็วแบบนี้ละ ถ้าฉันไม่อยู่จะเกิดอะไรขึ้น
"หมอ ถ้าหนูผ่าตัดก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นกับค่ารักษาอีกตั้งเยอะ ครอบครัวหนูต้องใช้เงิน หนูรักชีวิตแต่ครอบครัวของหนูก็สำคัญ "
"คนไข้อยู่ในมือหมออาการแย่ขนาดนี้ คิดว่าหมอจะยอมปล่อยให้คนไข้หนีไปอีกไหม" หมอใจร้าย ทำไมไม่ฟังเหตุผลกันบ้าง ฉันมองหมอด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ฉันเข้าใจว่าจรรยาบรรณของหมอต้องช่วยชีวิตคน แต่หมอก็ต้องรับฟังเหตุผลฉันด้วยสิ
"หมอ "
"ผ่าเสร็จแล้วค่อยมาคุยกัน "
"หมอใจร้าย"
"ใครละที่ใจร้ายก่อน " อะไรของหมอ ใครใจร้าย หมอพูดออกมาแบบนี้ทำให้งงไปใหญ่ ยังกำกวมเหมือนเดิม ไม่เข้าใจจริงๆ หมอเป็นแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่า
...........................