“ถ้าคุณขิมไม่มีธุระที่ไหนงั้นไปทานข้าวเที่ยงที่บ้านป้านะคะ เพราะป้าซื้อของครบแล้ว วันนี้จะทำขนมจีนน้ำยาต้นตำหรับชาววังให้ทานค่ะ” สายชลเอ่ยชวนเทียมหทัย ด้วยความจริงใจ เล่นเอาทั้งธรรทรและอลงกรณ์ทำสีหน้าตกใจ ซึ่งทำให้ดวงแก้วอดขำกับอาการของสองหนุ่มแทบไม่ไหว
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะคุณป้าเดี๋ยวขิมก็จะกลับบ้านเหมือนกันค่ะ เพราะซื้อของครบแล้ว” เทียมหทัยบอกตามมารยาท เพราะก็ไม่คิดว่าสายชลจะชวนด้วยความจริงจัง
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ไปเถอะนะเราจะได้รู้จักกันไว้ไงคะ เพราะก็ไม่ใช่คนไกลที่ไหนกัน นะคะป้าขอร้อง อย่าขัดใจคนแก่เลยนะคะ” สายชลมีทีท่าจริงจัง
“ไปเถอะค่ะคุณขิมเราจะได้คุยกันนานๆ ไงคะ” ดวงแก้วรีบสมทบ เพราะมีอารมณ์อยากจะแกล้งสองหนุ่มที่เดินไปก็ทำหน้าลุ้นว่าเทียมหทัยจะตอบตกลงหรือไม่
“ไปเถอะครับคุณขิมไม่ต้องเกรงใจ ตั้งแต่รู้จักกันมาคุณขิมยังไม่เคยไปเที่ยวบ้านเราเลยครับ” อลงกรณ์สมทบอีกคน ซึ่งทำเอาธรรทรมีอาการอึกอักเพราะกลัวคุณหญิงรสรินทร์จะรู้เรื่องเข้า ลำพังสายชลและดวงแก้วนั้นเขาไม่ค่อยหนักใจเท่าไหร่ เพราะทุกคนก็เข้าใจเขาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
“ไปเถอะครับคุณขิมแม่ผมอุตส่าห์ชวนนะ ปกติผมไม่เคยเห็นคุณแม่ชวนสาวคนไหนไปทานข้าวที่บ้านนะครับ สงสัยจะถูกชะตากับคุณขิม” ธรรทรพูดอย่างเสียไม่ได้ ทั้งๆ ที่ใจจริงๆ นั้นเขาอยากจะอยู่ใกล้เธอใจแทบจะขาด แต่ก็ไม่น่าที่จะเป็นไปที่บ้านเขาเลย
“เอางั้นหรือคะ! งั้นก็รบกวนคุณป้าแล้วนะคะ” เทียมหทัยตอบรับด้วยความเต็มใจ
“บ้านคุณป้าน่าอยู่จังเลยนะคะ”
เทียมหทัยเอ่ยชมกับสายชลขณะที่เดินชมบริเวณบ้าน ซึ่งในความรู้สึกของเธอนั้นไม่น่าจะเรียกว่าเป็นบ้านเลย เพราะใหญ่โตและกว้างขวางมาก ต้นไม้ทั้งไม้ดอกและไม้ผลนั้นถูกปลูกเอาไว้อย่างลงตัว สนามหญ้าเขียวชอุ่มมีอาณาบริเวณที่กว้างขวางและก็มีบึงน้ำขนาดใหญ่และมีดอกบัวที่ชูช่อสลอนอยู่เต็มบึง
“ไม่ใช่บ้านป้าหรอกค่ะคุณขิมบ้านคุณหญิงท่านค่ะ ป้ากับเจ้ากรณ์ก็ได้อาศัยใบบุญของท่านเท่านั้นเองค่ะ” สายชลพูดความจริง และไม่ทันไรทั้งสองก็ชะงักเมื่อมีรถคันหรูกำลังแล่นออกมาจากตัวคฤหาสน์และก็ชะลอจอดตรงที่คนทั้งสองในที่สุด และผู้ที่นั่งในรถก็เปิดกระจกไฟฟ้าให้มองเห็นใบหน้าที่ดูสง่าและน่าเกรงขามคนหนึ่ง ซึ่งใบหน้านั้นถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางค่อนข้างจะเข้มทีเดียว
“ว่าไงจ้ะสายชล วันนี้ไม่ไปข้างนอกหรือ ฉันอุตส่าห์ให้เธอหยุดแล้วนะ” คุณหญิงรสรินทร์ชะโงกหน้าออกมาทักทายเพื่อนรู้ใจ พร้อมด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงคนมีอำนาจฉายแววคุณหญิงอย่างเป็นประกาย
“อ๋อ! ไม่ไปไหนค่ะคุณหญิง แล้วคุณหญิงจะไปไหนคะ” สายชลถามกลับ “ฉันก็จะไปสมาคมเหมือนเดินนั่นแล่ะ!อ้าว! แล้วแม่คนนี้เป็นใครกันล่ะ” รสรินทร์ถามเพราะเห็นเทียมหทัยยืนอยู่ข้างๆ สายชล
“อ๋อ! คุณเทียมหทัยค่ะ เป็นลูกสาวของคุณกรรชัยกับคุณพรรณีไงคะ คุณหญิงจำได้มั้ยคะ” สายชลถามเธอ
“คุณขิมคะ! นี่คุณหญิงรสรินทร์ค่ะ! ท่านเป็นแม่คุณธรรทรค่ะ” สายชลแนะนำ
“สวัสดค่ะคุณหญิง” เทียมหทัยรีบไหว้ด้วยความนอบน้อม
“ไว้พระเถอะแม่คุณ” รสรินทร์รับไหว้แบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก เพราะปกตินั้นเธอก็ไม่ค่อยจะเสวนาพาทีกับคนที่ไม่อยู่ในระดับของเธอสักเท่าไหร่
“อ๋อ! ฉันจำได้แล้วพรรณีที่ไปตรวจโรคหัวใจที่โรงพยาบาลเดียวกับฉันใช่มั้ย เอ..แต่เท่าที่จำได้ลูกสาวเขาตายไปตั้งแต่ยังเล็กๆ นี่ แล้วเธอเป็นลูกสาวเขาได้ยังไงล่ะ”
รสรินทร์ซักเพราะความสงสัย เล่นเอาคนฟังทั้งสองถึงกับอึ้งกับคำถามตรงๆ และดูเหมือนจะเสียมารยาทด้วยซ้ำ แต่เทียมหทัยก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่ เมื่อถามมาก็ต้องตอบไปตามความจริง
“ขิมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่านหรอกค่ะ ท่านเก็บขิมมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กๆ ค่ะคุณหญิง”
“อ๋อ! เป็นแค่ลูกเลี้ยงหรอกเหรอ” รสรินทร์มีน้ำเสียงเย้ยหยันในที
“แล้วนี่มาทำอะไรกันจ้ะ” “อ๋อ! พอดีดิฉันไปเจอเธอตอนซื้อของเห็นว่ารู้จักกันกับเจ้ากรณ์ก็เลยชวนมาทานข้าวเที่ยงค่ะ จะได้รู้จักกันเอาไว้” สายชลรีบตอบ
“รู้จักกับเจ้ากรณ์เหรอ! แล้วไป แล้วนี่เจ้าลูกชายตัวดีของฉันหายไปไหนล่ะนี่ ไม่เห็นไปรับคู่หมั้นออกไปเที่ยวที่ไหนเลย”
รสรินทร์บ่นถึงธรรทรด้วยอาการตำหนิและเอือมระอาที่จะเข็นให้พาชุติมาออกไปเที่ยวข้างนอกบ้านบ้าง
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ อาจจะไปข้างนอกกระมังคะ ดิฉันว่าคุณหญิงรีบไปเถอะนะคะ เดี๋ยวจะไม่ทันนัดนะคะ” สายชลรีบแก้ตัวให้ธรรทรและพยายามตัดบท
“เอ่อ! จริงสิฉันก็มัวแต่คุย งั้นไปก่อนนะแล้วเย็นๆ ค่อยคุยกัน …ไหว้พระเถอะจ้ะ” รสรินทร์เพิ่งจะนึกได้ และก็รับไหว้เทียมหทัยพร้อมทั้งปิดกระจกและสั่งให้คนรถออกรถไป
“ป้าต้องขอโทษแทนคุณหญิงท่านด้วยนะคะคุณขิม” สายชลรีบเอ่ยเพราะรู้ดีว่าคำพูดของรสรินทร์นั้น คนที่ไม่คุ้นเคยอย่างเทียมหทัยฟังแล้วก็คงไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า ที่จริงคุณหญิงท่านก็พูดถูกทุกอย่างค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงขิมหรอกค่ะ ขิมไม่เป็นอะไรค่ะ”
เพราะไม่อยากให้สายชลไม่สบายใจ แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจก็คือ ทำไมสายชลไม่บอกว่าธรรทรนั้นอยู่ที่บ้านของเธอ และก็อยู่กับดวงแก้วที่เป็นคู่หมั้นด้วยแล้ว แต่ก็ได้แค่สงสัย เพราะเธอไม่อยากจะเสียมารยาทถาม
“ไปงั้นเราเข้าครัวกันดีกว่าค่ะ ดูสิว่าสองหนุ่มหนึ่งสาวเขาทำอะไรไปถึงไหนแล้ว” “ค่ะก็ดีเหมือนกันค่ะ” เธอรับคำและเดินตามสายชลไปที่เรือนหลังย่อมของเธอ
“ว่าไงคะคุณกรณ์เตรียมของไปถึงไหนแล้วเอ่ย”