“ลุงกรณ์เป็นพ่อเราได้มั้ยคะ”
เด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูเดินเข้ามาหาเขา พร้อมกับจูงมือให้เข้าไปนั่งร่วมกับวง โดยมีลุงอินทร์เดินตามมาสมทบ
“ได้สิจ้ะ แต่ลุงต้องถามแม่ของหนูๆ ก่อนนะว่าจะยอมหรือเปล่า”
เขาพูดพลางหันไปหาเจ้าของรูปหน้าเรียวงามด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความประทับใจ
“ถ้าคุณไม่เบื่อที่จะต้องคอยมาดูแลเด็กๆ ก็ตามใจค่ะ แต่เป็นแล้วก็ต้องเป็นเลยนะคะ ถอนตัวไม่ได้นะคะ” เธอตอบพลางหันไปมองลุงอินทร์และยิ้มให้ เพราะในใจคิดว่าเขาคงไม่ได้จริงจังอะไรกับคำพูดของตัวเองเท่าไหร่
“งั้นวันนี้ผมก็มีลูกทีเดียวตั้งสิบกว่าคนเลยนะเนี้ย และที่สำคัญยังไม่ต้องเหนื่อยปั๊มเลย” เขาพูดโดยสอดสายตาไปหาผู้เป็นแม่ของเด็ก ทำเอาคนฟังหน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
“คุณกรณ์จะรับอะไรมื้อเช้าคะ” เสียงป้าใจถามขึ้นพร้อมเดินมาสมทบกับกลุ่ม
“อะไรก็ได้ครับที่ทำง่ายๆ ไม่ต้องทำให้ป้าใจเหนื่อยครับ”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ยินดีค่ะ แล้วพ่อล่ะหิวหรือยัง คุณขิมด้วยค่ะ สายแล้วนะคะ”
“พ่อก็เริ่มหิวนิดหน่อยจ้ะแม่ งั้นเราไปรอที่บ้านแล้วกันนะ เดี๋ยวคุณขิมกับคุณกรณ์เสร็จแล้วตามไปนะครับ”
“ค่ะคุณลุง”
“ครับคุณลุง ขอผมทำความรู้จักลูกๆ กับแม่หน่อยครับ”
เขาอมยิ้มอย่างมีเลศนัย จนทำให้อินทร์ล่วงรู้ถึงความหมายของชายชาตรีเหมือนเขาเมื่อสมัยหนุ่มๆ ได้โดยไม่ยากเลย
“เดี๋ยวคราวหน้าถ้ามาตรวจงานอีกเชิญคุณกรณ์พักที่นี่นะครับ พวกเรายินดีต้อนรับครับ” อินทร์บอกเขาขณะเดินออกมาส่งที่รถพร้อมป้าใจ โดยมีเทียมหทัยยืนรอที่รถแล้ว
“ด้วยความยินดีครับคุณลุง งั้นผมลานะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ ป่านนี้เจ้านายผมคงถึงบ้านแล้วมั้งครับ เล่นหายไปตั้งแต่เช้าเลย” เขาพูดพลางยกมือไหว้ด้วยอาการของคนที่ไม่ถือตัวแต่อย่างใด
“ด้วยความยินดีครับ”
“นั่นสิคะไม่รู้คุณธรรไปถึงไหนแล้ว” เธอถามด้วยความสงสัย
“เมื่อกี้โทรมาบอกว่าจะถึงกรุงเทพแล้วครับ เพราะพอสำรวจเสร็จก็เลยกลับเลย แล้วก็สั่งให้ผมรอกลับพร้อมคุณขิมครับ ฝากบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
ในใจรู้สึกผิดไม่น้อยเพราะจริงๆ แล้ว อลงกรณ์ตรงเข้ากรุงเทพฯ แต่เช้าเพราะมีประชุมด่วนและก็ไม่ได้สำรวจพื้นที่อย่างที่เขาบอกไว้แม้แต่น้อย
“งั้นขิมกลับนะคะคุณลุงคุณป้า แล้วเจอกันวันศุกร์นะคะ”
หญิงสาวไห้วผู้สูงวัยทั้งสอง พร้อมขึ้นไปนั่งบนรถคันงามของเธอ และเขาขับออกจากไร่ช้าๆ
“คุณขิมทำยังไงกับพวกเด็กๆ ครับ เขาถึงได้รักคุณขนาดนั้น” เขาถามขณะขับรถมุ่งน่าเข้ากรุงเทพฯ
“ขิมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ ส่วนใหญ่เด็กๆ จะน่ารักอยู่แล้ว ก็แค่ให้ความสนใจในเรื่องการเรียนเป็นพิเศษเท่านั้นเองค่ะ”
“ผมรู้สึกว่าเด็กๆ มีความสุขมากที่เวลาอยู่กับคุณ”
“ขิมก็สุขใจไปด้วยค่ะ เมื่ออยู่กับเขา ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงขิมก็จะส่งเสียให้เขาเรียนจนจบปริญญาเลยล่ะค่ะ”
“งั้นผมขออนุญาตช่วยด้วยนะครับ ส่งเด็กไม่กี่สิบคนเรียนคงจะใช้เงินไม่เท่าไหร่” เขาพูดพลางนึกขึ้นได้ว่าเขาอยู่ในคราบอลงกรณ์ไม่ใช่ธรรทรผู้มีเงินมากมายกับแค่เงินส่งเด็กเรียนไม่กี่คน มันคงจะไม่กระทบกับเงินเขาเท่าไหร่เลย
“โอย! คุณกรณ์ไม่ต้องช่วยเรื่องเงินก็ได้ค่ะ คุณก็มีคุณแม่ต้องดูแลและทำอะไรอีกหลายอย่าง ส่วนขิมได้เงินมาก็ไม่ค่อยได้จ่ายอะไรเลย เพราะส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่รับผิดชอบทั้งหมด”
“ขิมก็เลยพอมีเงินเก็บและเอามาดูแลเด็กๆ ได้ ค่ะ แค่คุณช่วยให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษก็ได้ค่ะ มาหาเขาทีก็มีขนมมาฝากก็พอค่ะ ขิมไม่อยากให้คุณสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุค่ะ”
เธอบอกเพราะเห็นใจและเข้าใจว่าการเป็นลูกน้องของธรรทรก็คงได้เงินเดือนและเงินปันผลบ้าง แต่ก็คงไม่มาก และอีกอย่างก็ไม่อยากให้เขามาสิ้นเปลืองเงินอีก
“ไม่เป็นไรครับคุณขิม งั้นเอาเป็นว่าผมขอช่วยตามที่กำลังเงินผมจะช่วยได้ก็แล้วกันนะครับ”
เขารีบบอกออกไปเพราะไม่อยากให้เธอสงสัยในตัวเขาไปมากกว่านี้ เพราะด้วยฐานะและความเคยชินของเขากับทุกๆ ครั้งที่เขาจะต้องบริจาคเงินให้องค์กรการกุศลเขาก็มักจะพูดบ่อยๆ ไปว่าเป็นเงินไม่เท่าไหร่สำหรับเขา
“ได้ค่ะ”
“อาทิตย์หน้าคุณขิมจะมาที่ไร่วันศุกร์หรือครับ”
“ค่ะก็มาตรวจงานตามปกติค่ะ คุณถามทำไมคะ”
“ก็! ถ้าผมต้องมาตรวจงานแทนคุณธรรผมก็จะขออาสาขับรถมาให้ครับ จะได้มีเพื่อนคุยด้วย และได้เจอเด็กๆ ได้ทานอาหารฝีมือป้าใจด้วยครับ” เขาบอกออกไปทั้งๆ ที่จริงแล้วเหตุผลที่แท้จริงได้อยู่ข้างๆ เขานี่เอง
“ก็ได้ค่ะ แล้วคุณธรรเขาจะไม่เรียกใช้งานคุณหรือคะออกมาทีสองสามวัน”
“โอยไม่ต้องห่วงครับโครงการนี้ผมรับผิดชอบต้องมาติดตามงานอยู่แล้วครับ ว่าแต่คุณขิมไม่รังเกียจเพื่อนร่วมทางอย่างผมนะครับ” เขาถามด้วยอาการสุภาพ
“ขิมเป็นเจ้าบ้านยินดีต้อนรับแขกตลอดเวลาค่ะ” เธอบอกด้วยมารยาทอีกครั้ง