ก่อนหน้านั้นบุคคลทั้งสาม เคยเป็นอดีตนักฆ่าขององค์กรพยัคฆ์ทมิฬ สิงหนาทเป็นนักฆ่ามือหนึ่งระดับพระกาฬ และได้สมญานามว่าเป็นนักฆ่าเลือดเย็น สิงหนาทอุทิศตัวทำงานอยู่ในองค์กรเพราะอุดมการณ์อันแรงกล้าที่ต้องการกำจัดสวะสังคมให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน ส่วนตัวพ่อเลี้ยงคิวากรและพี่สาวรัณชิดาต้องเดินเข้าสู่เส้นทางมืดเป็นนักฆ่าขององค์กรพยัคฆ์ทมิฬ เพียงเพราะถูกคนในองค์กรต้องการยืมมือฆ่าสิงหนาท และกว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มกับพี่สาวจะรู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร ก็เกือบต้องฆ่าคนดีๆ อย่างสิงหนาทไปคนหนึ่ง
พ่อเลี้ยงคิวากรคลายอ้อมแขนออกจากบุคคลที่รักทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยแซวยิ้มๆ คลายบรรยากาศที่กำลังเศร้าหมองให้จางหายไปจากใจของพวกเขา
“ผมว่าเราทานข้าวต่อดีไหมครับ พยาธิในกระเพาะของผมเริ่มร้องหาอาหารอีกแล้ว”
“พี่ก็เริ่มหิวเหมือนกันจ้ะ”
รัณชิดาคลี่ยิ้มหวานให้กับน้องชายและสามีผู้เป็นที่รัก จากนั้นทุกคนก็ลงมือรับประทานอาหารมื้อเที่ยงกันอีกครั้ง หลังจากมีฉากซึ้งๆ เรียกน้ำตามาคั่นเวลาไปชั่วขณะ
หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว รัณชิดาและสิงหนาทคิดว่าพ่อเลี้ยงคิวากรจะกลับไปทำงานที่ไร่ต่อ แต่เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่กำยำของผู้เป็นน้องชายเดินเข้าไปในห้องรับแขก พร้อมกับทิ้งตัวนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาตัวยาว ก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
“คิน ไม่กลับไปดูคนงานเก็บเมล็ดกาแฟหรอกหรือ”
“ไม่ล่ะพี่รัณ วันนี้คินขี้เกียจ ขอเกงานสักวัน คินจะนอนเล่นอยู่ที่บ้านพี่รัณนี่แหละครับ เดี๋ยวตอนเย็นก็กินข้าวที่นี่อีกมื้อ ไว้กลับบ้านอีกทีก็ตอนดึกๆ เลยครับ”
พ่อเลี้ยงคิวากรเอ่ยตอบโดยไม่ได้มองหน้าพี่สาว พ่อเลี้ยงหนุ่มหยิบนิตยสารเกี่ยวกับปืนมาเปิดอ่านด้วยความสนใจ แม้จะวางมือจากการเป็นนักฆ่าแล้ว แต่เขาและสิงหนาทยังมีความชอบที่เหมือนๆ กัน นั่นก็คือการศึกษาหาข้อมูลความเคลื่อนไหวของวงการปืนว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปถึงไหนบ้างแล้ว และหากเจอปืนรุ่นไหนสวยถูกใจ ก็สั่งซื้อมาเก็บสะสมไว้จนกลายเป็นงานอดิเรก
รัณชิดาออกจะงุนงงอยู่มากกับการกระทำแปลกๆ ของน้องชาย เพราะเท่าที่เธอรู้มาจากปากของคนงานในไร่กาแฟอาราบิก้าคิง ทุกคนจะบอกว่า พ่อเลี้ยงของพวกเขาขยันขันแข็ง และกระตือรือร้นในเรื่องการออกไปทำงานตากลมตากแดดอยู่ในไร่เป็นอย่างมาก
‘พ่อเลี้ยงจะเข้าไปในไร่ตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนคนงาน และจะกลับตอนพระอาทิตย์ตกดินแล้ว พ่อเลี้ยงกลับบ้านหลังคนงานทุกวันเลยครับคุณรัณ’
รัณชิดานึกถึงคำพูดของทิม ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของพ่อเลี้ยงคิวากร ที่มักจะมารายงานความเคลื่อนไหวของผู้เป็นนายของพวกเขา ให้เธอและสิงหนาทฟังเสมอๆ
“คินมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า พี่ว่าคินแปลกๆ ไปนะ ทิมบอกพี่ว่า ตั้งแต่คินลงมือทำไร่กาแฟ คินไม่เคยพูดคำว่าขี้เกียจให้คนงานได้ยินแม้แต่ครั้งเดียว”
คำพูดของรัณชิดา ทำให้สิงหนาทซึ่งกำลังจะออกไปทำงานในไร่ต้องหยุดชะงักฝีเท้า แล้วเดินไปทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับภรรยาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพ่อเลี้ยงคิวากร
“เฮ้อ...เบื่อพี่รัณชอบรู้ทันคินไปเสียทุกอย่าง”
พ่อเลี้ยงคิวากรแสร้งถอนหายใจขณะบ่นออกมาดังๆ พลางผุดลุกขึ้นนั่งและเอ่ยบอกความจริงกับพี่สาว เพราะรู้ดีว่ายังไงๆ เขาก็ไม่มีทางปิดบังพี่สาวได้
“คินกำลังหนีคุณเมธวีครับพี่รัณ”
คราวนี้รัณชิดาขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง ส่วนสิงหนาทได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ พอจะเดาออกได้เลาๆ แล้วว่า เพราะเหตุใดพ่อเลี้ยงคิวากร พ่อเลี้ยงหนุ่มเนื้อหอมถึงต้องหนีเมธวีมาอยู่ที่ไร่ของเขา
“กำลังถูกคุณเมธวีตามตื๊ออยู่หรือคิน” สิงหนาทถามยิ้มๆ แต่ผู้ที่ถูกเอ่ยถามกลับตีสีหน้าเซ็งจัดพลางพยักหน้ารับช้าๆ
“ครับพี่สิงห์ นอกจากจะถูกตามตื๊อแล้ว ผมกำลังจะถูกคุณเมธวีจ้องเขมือบกินในทุกเวลาที่อยู่ใกล้กันด้วยครับ”
พ่อเลี้ยงคิวากรเอ่ยบอกตามที่ตนเองรู้สึกเช่นนั้น เวลาต้องอยู่ใกล้กับผู้หญิงที่ค่อนข้างอันตรายอย่างเมธวี
“คิน! ทำไมไปว่าคุณเมธวียังแบบนั้นล่ะ ถ้าเธอมาได้ยินเข้า คินจะถูกฟ้องหมิ่นประมาทเอานะ”
รัณชิดาซึ่งไม่เคยล่วงรู้ถึงกิตติมศักดิ์ของบุคคลที่สามที่กำลังถูกพาดพิงถึง ได้เอ็ดน้องชายเบาๆ ด้วยความไม่พอใจสักเท่าไร
พ่อเลี้ยงคิวากรตีสีหน้าเซ็งๆ พลางหันไปมองสบตาพี่เขยอย่างรู้กัน เพราะในบรรดาสุภาพบุรุษในตำบลแม่สลองนอก พอจะรู้ดีว่าเมธวีนั้นเป็นคนเช่นไร ซึ่งหากจะเรียกว่าหญิงสาวกระหายในตัวผู้ชายก็คงไม่ผิด และตอนนี้เป้าหมายหลักที่เมธวีกำลังพุ่งเข้าหานั่นก็คือตัวเขาเอง
“พี่รัณครับ ถ้าหากคุณเมธวีจะฟ้องก็ให้เธอฟ้องไปเถอะ เพราะเธอกำลังจะทำกับคินแบบนี้จริงๆ คินสารภาพตามตรงเลยนะครับว่า เวลาคินอยู่ใกล้หญิงสาวคนนี้ คินจะขนลุกด้วยความกลัว เธอมักจะแตะอั๋งคินในทุกๆ ครั้งเท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย และหากเขมือบกินได้อย่างที่คินบอกไป คินคิดว่าคุณเมธวีคงจัดการคินไปนานแล้วครับ”
“คินเขาพูดจริงครับน้องรัณ”
สิงหนาทให้น้ำหนักในคำพูดของพ่อเลี้ยงคิวากร จนผู้เป็นภรรยาต้องหันขวับมามองด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“พี่สิงห์เห็นพ้องกับคิน ราวกับเคยเจอมากับตัวเองยังงั้นแหละ”
“ไม่อยากตอบเลยว่าเคยเจอแล้ว”
สิงหนาทรับคำเสียงแผ่วเบา กลัวภรรยาจะหึงหวงและเข้าใจผิด และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย เพราะดวงตากลมโตได้จ้องมองเขาเขม็งเขียวปั้ด คาดคั้นเอาคำตอบด้วยการจ้องมองอย่างไม่วางตา และผู้เป็นสามีก็รีบเอ่ยแก้ไขความเข้าใจผิดของภรรยาในทันที
“ตอนที่พี่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ พี่ก็ถูกคุณเมธวีตามตื๊อเหมือนที่คินกำลังโดนอยู่ตอนนี้ เธอตามพี่อยู่พักใหญ่ ทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ไม่เล่นด้วย แต่เธอก็ไม่สนใจ ดีที่ว่าช่วงหลังมีรองปลัดอำเภอย้ายมาใหม่ที่ยังหนุ่มแน่น หล่อเหลากว่าพี่มาก เธอก็เลยเบนเข็มไปหารองปลัดอำเภอคนนั้นแทน”
พอได้ยินคำตอบจากปากสามี รัณชิดาก็หายเคืองขุ่น เลิกหึงหวงสามีทันที แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้างามคือการตีสีหน้ายุ่ง งุนงงกับการกระทำของหญิงสาวที่ชื่อเมธวี
“รัณเพิ่งเคยได้ยินนะคะว่า มีผู้หญิงแบบคุณเมธวีด้วย”
“มีเยอะแยะไปครับ ตอนคินอยู่ที่อเมริกาฯก็เจอเป็นสิบ กว่าจะเอาตัวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเธอได้ ก็ทำเอาเกือบตาย”
พ่อเลี้ยงคิวากรบ่นอุบ เพราะเรือนกายล่ำสันอย่างคนที่ออกกำลังกายอยู่เสมอ กอปรกับใบหน้าอันหล่อเหลาคมเข้มเสียยิ่งกว่าพระเอกละครบางคน ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของสาวๆ อยู่หลายคน แต่กระนั้นเขาก็ไม่คิดจะเล่นกับพวกเธอด้วย เพราะตอนนั้นสิ่งที่วิ่งวนอยู่ในหัวสมองของเขามีแค่เรื่องการแก้แค้นให้กับบิดาที่ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเท่านั้น
“แล้วที่หลบมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เพราะคุณเมธวีจะมาหาในเย็นนี้ใช่ไหมคิน”
รัณชิดาถามได้ตรงเผง ซึ่งผู้เป็นน้องชายก็รีบพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยขยายความต่อ
“ถูกต้องแล้วครับพี่รัณ เมื่อเช้าคุณเมธวีมาหาผมตั้งแต่เช้า อ้างว่าเอาหนังสือราชการจาก อบต. มาให้ผม ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับการเชิญให้ออกร้านในเทศกาลประจำของตำบลแม่สลองนอกครับ”
“อืม...พี่ยังไม่ได้หนังสือจาก อบต. เลยนะคิน”
สิงหนาทออกความเห็น เทศกาลชิมชา ซากุระบาน อาหารชนเผ่า ดอยแม่สลอง ที่จัดขึ้นในทุกๆ ปี ทางไร่ของเขาก็ร่วมออกร้านค้า จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากไร่กาแฟเช่นเดียวกัน ทว่าปีนี้เขายังไม่เห็นทาง อบต. ส่งหนังสือมาให้เลย