ตอนที่ 1 บทนำ

1384 คำ
ตอนที่ 1 บทนำ ฟาร์มบุญเลิศ ก.ไก่ชน จังหวัดชัยภูมิ ป้ายไม้ขนาดใหญ่ติดอยู่หน้าประตูซุ้ม ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลากระชับกระเป๋าเป้ด้านหลัง เงยหน้ามองประตูด้านหน้าที่ปิดมิดชิด เขาจ้องมองเข้าไปด้านใน แต่กระนั้นก็เห็นแค่ความมืดมิดเพียงเท่านั้น “ไอ้สิงห์มึงมาถูกบ้านไหมเนี่ย ทำไมมันดูมืด ๆ ยังงี้วะ” ไอ้สิงห์ หรือมฤคินทร์หันไปมองไอ้กล้าที่ชะโงกหน้ามามองจากหน้าต่างรถยนต์ของมัน “บ๊ะไอ้นี่...นี่บ้านพ่อใหญ่กูนะทำไมจะไม่ถูก” “เอ้าก็ไหนมึงบอกว่าโทรบอกพ่อใหญ่เลิศแล้วว่ามึงจะกลับมา แล้วคือ...แกไม่รอมึงล่ะ” มฤคินทร์กลอกตาขึ้น เขาก็โทรบอกแล้ว แต่บอกว่าจะมาอาทิตย์หน้า นี่มาก่อนตั้งห้าวัน ถ้าตาจะไม่รอเปิดประตูให้ก็ไม่แปลกอะไร “ป่านนี้เขาก็นอนกันหมดแล้วมั้ง” “ไปนอนบ้านกูก่อนไหม” “ไม่เป็นไร กูมีกุญแจเดี๋ยวไขเข้าไปเอง มึงไปเลยก็ได้กว่าจะถึงบ้านมึงนานอยู่นะ” “เออ ๆ งั้นกูไปก่อนล่ะ มีไรก็โทรมา” มฤคินทร์โบกมือให้วรพงศ์เชิงขอบใจ ก่อนจะยืนมองไฟท้ายสองแถวที่ขับออกไป ครั้นเมื่อรถเพื่อนสมัยเด็กออกไปแล้ว ทั่วทั้งบริเวณก็กลับมามืดสนิทอีกครั้ง วรพงศ์เป็นหนุ่มชัยภูมิแท้และทั้งคู่ก็รู้จักมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เขามาเที่ยวบ้านตาช่วงปิดเทอม ก็ได้ไอ้พงศ์นี่แหละพาเที่ยวเล่น และวันนี้ก็บังเอิญเจอมันที่ท่ารถพอดี มันยึดอาชีพขับสองแถวเลี้ยงชีพ และหากรู้ว่าไอ้บีม[1]ไอ้เพื่อนชั่วจะอยู่ประจำที่ยโสปล่อยให้เขาเดินทางกลับคนเดียว เขาคงขับมาเอง ไม่ติดรถมันไปด้วยหรอก แล้วเป็นไงทีนี้ มันอาสาดูงานที่ยโส แล้วถีบเขามาชัยภูมิ ดีจริง ๆ สงสัยจะติดใจของเก่าน่ะสิเฮอะ!!!...ปากบอกไม่สน แต่ตามติดไม่ปล่อย หลังจากก่นด่าเพื่อนในใจแปดร้อยรอบเขาก็หันมามองประตูตรงหน้าอีกครั้ง มฤคินทร์ถอนหายใจออกมา ไม่เข้าใจเลยว่าฟาร์มไก่ชนก็ตั้งใหญ่โต แล้วเพราะอะไรตาของเขาถึงได้ขี้เหนียวขนาดนี้ จะเปิดไฟสักดวงก็ไม่ได้ มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟข้างทางที่อยู่ไกลลิบ ๆ เท่านั้น ร่างหนาปลดกระเป๋าสะพายหลังออกมา ล้วงหากุญแจประตูฟาร์ม ทว่าเขาแทบจะเทเสื้อผ้าออกมาหมดกระเป๋า ก็ไม่เห็นกุญแจสักพวง เขายกมือเสยผมด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้หมาก็เริ่มเห่าหอนขึ้นมาเป็นทางยาว ไม่ได้กลัวผีหรอกแต่กลัวหมามันเห่าแย่งตัวเมียกัน แล้วฟัดมาทางเขาต่างหาก “ปีนก็ปีนวะ” ในเมื่อไม่มีกุญแจจะเปิด ทางออกสุดท้ายก็คือต้องปีนรั้วบ้าน คิดได้ดังนั้นมฤคินทร์ก็มองหาที่เหมาะ ๆ ย่อมเป็นที่ที่เขาเคยปีนเข้าออกมาประจำเมื่อครั้งที่มาหาตากับยายในสมัยก่อน แต่เมื่อถึงที่ประจำทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปหมดแล้ว รั้วที่เคยปีนได้บัดนี้ตาของเขาติดลวดหนามด้านบน อย่าว่าแต่ปีนเลย แค่ยื่นมือไปก็คงจะถูกเศษแก้วแหลม ๆ ที่ตาเขาฝังไว้บนกำแพง จะว่าไปแล้ว เขาเองก็ไม่ได้มาหาตากับยายหลายปีแล้วเหมือนกันแต่ก็ไม่รู้ว่าจะป้องกันอะไรขนาดนั้นใครจะกล้าเข้ามาขโมยกันล่ะชายหนุ่มเดินกลับมาทางเดิม และอ้าปากตะโกนเรียกเสียงดัง “พ่อใหญ่เลิศ แม่ใหญ่นางเปิดประตูให้หน่อย” ไม่มีเสียงตอบกลับมา มฤคินทร์ยืนเรียกอยู่นาน ตากับยายไม่ตอบกลับ แต่เป็นเจ้าถิ่นที่หอนรับกันเป็นทางยาว ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวา พลางลูบขนที่ลุกชัน เดินวนรอบรั้วจนทั่ว กำลังจะถอดใจก็พอดีเห็นโพรงที่ไอ้ดำมันลอดออกมา “เอาวะลอดก็ลอด” เขาปลดกระเป๋าเป้โยนเข้าไป ก่อนจะนอนกับพื้นใช้วิชารด.ที่เคยเรียนสมัยมัธยมปลาย กระดึ๊บๆเข้ามาช้า ๆ ในที่สุดก็เข้ามาในตัวบ้านจนได้ ร่างสูงรีบชันเข่าจะลุกขึ้นยืน แต่แล้วศีรษะก็ชาแปลบขึ้น เขากำลังจะหันกลับไปมอง แต่ก็รู้สึกเจ็บที่หัวอีกรอบ จากนั้นภาพทุกอย่างก็ถูกตัดไป ซ่า!!!...น้ำเย็นจัดถูกสาดใส่คนตัวโตที่ถูกมัดเอาไว้อย่างหนาแน่น หญิงสาวตัวเล็กโยนขันให้กับเด็กชายตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ไปตักมาเพิ่ม” “ไม่ใช่มันตายแล้วไหม พี่ปรีฆ่าคนผิดติดคุกเด้อ” “โอ๊ย!!!...ไม่ตายดอก[2]ตัวก็ออกใหญ่โตปานนั้น ริอ่านเป็นขโมยก็ต้องถูกฟาดไม่ยั้ง” ไอ้หมีเด็กลูกไล่ของปรียาดาได้ยินลูกพี่บอกแบบนั้น ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เด็กชายรีบตักน้ำมาให้ มองดูลูกพี่สาดน้ำใส่คนที่โดนมัดอีกขัน มฤคินทร์ขมวดคิ้วขึ้น พยายามจะยกมือขึ้นเช็ดหน้าตนเอง แต่แล้วเขาก็รู้ว่าแขนตนเองขยับไม่ได้ ชายหนุ่มรีบลืมตาขึ้นมองอย่างรวดเร็ว แต่แล้วอาการเวียนหัวก็ทำให้ต้องขมวดคิ้วลงอีกครั้ง นั่งหลับตานิ่ง ๆ ปรับอาการของตนเองสักพัก ก่อนจะลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นก็คือหญิงสาวคนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าเขาด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ ในมือของเธอถือไม้หน้าสามอันหนึ่ง ดูท่าไอ้ไม้บ้านี่กระมังที่ฟาดเขาจนสลบ ใบหน้าเด็กสาวดูหวาดกลัวแต่ก็พยายามเชิดขึ้น หึ!!!...ท่ากลัวแล้วจะฟาดมาทำไมตั้งแต่ทีแรก “ฟื้นแล้วเหรอไอ้โจรกระจอก กล้ามาก!!!...กล้ามาขโมยไก่ชนของทวดเลิศ มึงรู้จักไหมอันนี้อะไร พี่ปรีชูให้มันดู” หญิงสาวยกไม้ขึ้นชูไปข้างหน้า ทำท่าจะฟาดอีกรอบ หลังจากที่เด็กชายตัวเปี๊ยกพูดจบ “เฮ้ย!!!...เดี๋ยวไอ้เด็กบ้าฉันไม่ใช่ขโมย พวกเธอต่างหากเป็นใครวะ เข้ามาอยู่ในซุ้มของตาฉันได้ยังไง ยังไม่รีบปล่อยฉันอีก” ปรียาดาหัวเราะลั่น พลางเหยียดปากมองคนตรงหน้าที่หน้าตามอมแมม “โอ๊ย...ขโมยที่ไหนบอกว่าตัวเองเป็นขโมยล่ะ พอ ๆ เมื่ออาทิตย์ก่อนก็มีคนเข้ามาลักไก่แบบนี้ ฉันก็ฟาดมันให้เหมือนกัน เฮ้อ...ไม่ต้องพูดแล้วรอทวดเลิศกลับมาก่อนเถอะ แกติดคุกหัวโตแน่ ๆ ไอ้หมีเอ็งนั่งเฝ้ามันอยู่ตรงนี้ ห้ามคุยกับมันเด็ดขาด” “ได้พี่ปรี เชื่อมือไอ้หมีเถอะ อ้าวนั่นพี่ปรีจะไปไหน” ปรียาดาเห็นว่าไอ้หมีรับคำหนักแน่นแล้ว จึงโยนไม้หน้าสามให้มัน จากนั้นตัวเองก็ลุกขึ้นยืนกระเถิบหนีคนที่ถูกมัดไปไกล แต่ไอ้หมีก็เรียกเอาไว้ก่อน หญิงสาวจึงหันกลับมามองพลางกระดกริมฝีปากขึ้น ท่าทางข่มขู่เต็มที่ “พี่จะไปนอนน่ะสิ ฮ้าว...ง่วงนอนจะตายละ เฝ้ามันให้ดี ๆ รอทวดกลับมาพรุ่งนี้เช้า แล้วค่อยว่ากัน” “เดี๋ยว!!!...เฮ้ยไอ้เด็กบ้า มาแก้มัดฉันก่อน อย่าเพิ่งไป” ไม่ว่ามฤคินทร์จะตะโกนยังไง คนตัวเล็กก็ไม่ตอบ ครั้นตะโกนมาก ๆ เข้า ปรียาดาก็หันกลับมา ชูนิ้วกลางใส่หน้าคนที่ถูกมัด ชายหนุ่มเบิกตาขึ้นก่อนจะคำรามลั่น ด่ากราดไปจนเจ็บคอ ส่วนเด็กชายร่างผอมที่ถูกเรียกว่าไอ้หมี ก็รีบหดหัวไปหลบอยู่ในมุมไม่กล้าโผล่หัวออกมา ทำได้เพียงแอบมองเท่านั้น “แม่งเอ๊ย!!!...อย่าให้กูหลุดไปนะมึง เด็กก็เด็กเถอะกูตบเรียงตัวเลยห่าราก” ************************ [1]บีม บวรวิชญ์ พระเอกเรื่อง แฟนเก่ามันร้าย เขียนโดย Nidchynoi [2]ดอก แปลว่า หรอก (โอ๊ย!!..ไม่ตายหรอกตัวก็ใหญ่โตปานนั้น)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม