บทที่ 1
“ถ้าจะทำอะไรก็ทำข้าคนเดียวเถอะ” หญิงสาวในชุดงดงามที่บ่งบอกได้ถึงฐานะร้องขอเหล่าบรรดาคนมากมายที่ถือดาบขู่นางและเด็กชายที่น่าจะเป็นบุตรชายของหญิงสาว
“เสด็จแม่” แม้จะพยายามทำเป็นเข้มแข็งอย่างที่เคยได้รับการสั่งสอนมาแล้วแต่กลับเผลอร้องไห้ออกมาด้วยความกลัวเมื่อยามนี้องครักษ์ข้างกายก็นอนไร้หัวอยู่ข้าง ๆ
“ไม่เป็นอะไรหย่งเล่ออย่าไปมอง อย่าไปมองนะลูก” หญิงสาวพยายามปลอบบุตรชายสายตาไม่พอใจถูกส่งให้กับบรรดาคนหนุ่มและแก่ที่เข้าประหัตประหารคนในสถานที่แห่งนี้
“หากเสด็จพี่กลับมาจะต้องจัดการพวกเจ้าเป็นแน่” ทันทีที่จบคำเสียงจากอีกฝ่ายก็ดังลั่น
“ให้กลับมาได้ก่อนเถอะ แต่พระองค์ไม่ต้องกังวลไป พระองค์กับองค์รัชทายาทจะไปเป็นผีรอหวงตี้อยู่ก่อนแล้ว” จบคำดาบนั่นก็ฟันคอทั้งมารดาและเด็กชายให้ตายอยู่ในห้องโถงอันโอ่อ่า
เลือดไหลนองไปทั่วทั้งพื้น ภาพชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มาช้าเพียงชั่วอึดใจ ไม่สามารถยื้อชีวิตของบุตรชายและภรรยาเอาไว้ได้ เขาโอบกอดร่างอันไร้วิญญาณของหญิงสาวและเด็กชายที่นอนตายอยู่ตรงนั้น
หลงเหยียนมองภาพตรงหน้าด้วยความสะท้อนใจ แล้วฉากด้านหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
ในห้องที่เงียบสงบและมืดมิด มีเพียงแสงเทียนเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้เห็นเงาของหญิงสาวที่เพิ่งสิ้นชีวิตไปที่ยืนอยู่ข้างเตียง แววตาเศร้าสร้อยทอดมองชายหนุ่มถือจี้หยกเอาไว้ในมือแน่น
หวงตี้กำหยกในมือแนบอก ความเย็นของหยกแผ่ซ่านผ่านนิ้วมือเข้าสู่หัวใจที่กำลังสั่นคลอน พระองค์กอดจี้หยกแน่นกับอก น้ำตาไหลรินอาบแก้มอย่างไม่รู้จบ รำลึกถึงความทรงจำที่เคยมีร่วมกัน ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของภรรยายังคงรู้สึกได้ ราวกับว่านางยังอยู่ใกล้ ๆไม่จากไปไหน
“หยูอิง ข้าแค่อยากให้เจ้ากลับมาแต่มิใช่เพียงแค่วิญญาณเช่นนี้ แม้ข้าจะรู้สึกว่าเจ้ายังวนเวียนอยู่ข้างกายข้ามิได้จากไปไหน แต่ข้าไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ ไม่เคยอยากให้เป็นเช่นนี้เลย ข้าอยากให้เจ้าได้เดินทางไปสู่ปรโลก เพื่อที่เจ้าและข้าจะได้พบกันอีกครั้งในภพชาติหน้า”
พระองค์นั่งอยู่เช่นนั้นอยู่นาน เอ่ยวกไปวนมาซ้ำ ๆ จับใจความได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จนกระทั่งความเหนื่อยล้าทำให้หลับไปในที่สุด พร้อมกับจี้หยกที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอด ราวกับเป็นสิ่งเดียวที่สามารถเชื่อมโยงพระองค์กับภรรยาที่จากไป
ในที่สุด ความเหนื่อยล้าก็เข้าครอบงำ พระองค์หลับไปพร้อมกับจี้หยกที่ยังคงกอดไว้แนบอก ในความฝัน พระองค์เห็นหยูอิงยิ้มหวาน ราวกับนางยังมีชีวิตอยู่และอยู่ข้าง ๆ รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาชั่วขณะ แม้จะเป็นเพียงภาพในความฝัน แต่ก็เป็นภาพที่ทำให้พระองค์รู้สึกว่าหยูอิงยังคงอยู่กับพระองค์เสมอ
จี้หยกในอ้อมกอดเป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงพระองค์กับคนรัก
หยูอิง งั้นหรือ หลงเหยียนพึมพำกับตนเอง ชื่อที่ชายหนุ่มผู้นี้เอ่ยถึงคือพระนามเดียวกับจารึกที่อยู่ข้างโลงศพของฮ่องเต้หวงตี้
หลงเหยียนสะดุ้งตื่นเมื่อสบตาเข้ากับหญิงสาวที่เมื่อครู่ยืนมองชายหนุ่ม
“ฝันอะไรกันเนี่ย” หลงเหยียนได้แต่คิดว่าคงเป็นเพราะเธออ่านประวัติศาสตร์มากจนเกินไปจึงเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ แต่เรื่องเมื่อครู่ก็เหมือนจริงซะจริง ๆ เหมือนจริงจนเธอเองก็เศร้าตามไปด้วย
คงเป็นเพราะเมื่อหลายวันก่อนเธอที่เป็นนักโบราณคดีกับทีมนักวิจัยเพิ่งขุดพบสุสานโบราณของอดีตฮ่องเต้ผู้เคยครอบครองอาณาจักรโบราณ และยังพบหลักฐานชิ้นสำคัญ คัมภีร์โบราณที่บันทึกเรื่องราวมากมายทำให้รับรู้ถึงการมีอยู่ของกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจนามหวงตี้ แต่กลับต้องเสียทั้งพระโอรสและฮองเฮาจากการก่อกบฏของเหล่าขุนนางชั่ว
แม้ว่าจะยังมีเรื่องราวที่แปลได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ปะติดปะต่อได้เรื่องราวเช่นนั้น
“ช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ” หลงเหยียนจับที่ใบหน้าของตนก็รับรู้ได้ถึงคราบน้ำตา เธอเองฝันเช่นนั้นก็คงเสียใจเพราะสงสารอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน เธอมัวแต่นึกนั่นนี่จึงไม่ทันคิดว่าเพราะเหตุใดตนเองถึงได้เห็นหน้าบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นได้ชัดเจนอย่างราวกับอยู่ในเหตุการณ์เองเสียอย่างนั้น
“หลงเหยียน ไม่ใช่ว่าวันนี้เรามีนัดกันเหรอ”
เสียงตะโกนดังมาจากหน้าประตูห้องพัก
หลงเหยียนยิ้มให้กับเพื่อนสนิทที่อยู่ห้องพักตึกเดียวกันอย่างว่านหนิง อีกฝ่ายอาสาจะพาเธอเข้าไปหาชุดที่จะใส่ไปงานฉลองการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ แม้จะขุดพบสุสานมาได้หลายเดือนแล้ว
แต่การค้นพบคัมภีร์เมื่อไม่กี่วันก่อนช่วยไขเรื่องราวลี้ลับของยุคโบราณแต่เพราะมีบางอย่างที่ยังอธิบายไม่ได้จึงเพิ่งมาฉลองกันเอาวันนี้ และที่สำคัญรอคนใหญ่คนโตที่ไม่ได้อยู่ที่นี่มาเอาหน้าด้วย และเป็นการเลี้ยงฉลองต้อนรับเจ้าของหุบเขาแห่งนี้ที่ยอมให้มีการอนุญาตขุดสำรวจและเป็นเจ้าของเงินทุนทั้งหมดในการทำงานวิจัยขุดค้นคว้าครั้งนี้ แม้อาจารย์ของเธอจะแปลกใจที่เคยร้องขออนุญาตมาหลายสิบปี
หึ แน่ล่ะรวยล้นฟ้าขนาดนั้น
หลงเหยียนทำเสียงขึ้นจมูกเมื่อนึกถึงประธานบริษัทหวงอินดัสตรี จำกัด ที่ไม่มีใครรู้ว่ามีใบหน้าเช่นไร เก็บตัวเงียบเชียบ โซเชียลก็ไม่เล่น แปลกคน เธอรู้เพียงแต่ว่าเขามีเชื้อสายสืบทอดมาจากเจ้าของสุสานโบราณที่เธอและทีมวิจัยเพิ่งค้นพบ
ที่ผ่านมาเจ้าของหุบเขาแห่งนี้ไม่เคยอนุญาต จู่ ๆ ก็ส่งหนังสือมาให้ทีมวิจัยของอาจารย์เธอมาขุดและยังเสนอเป็นเจ้าของเงินทุนทั้งหมด