"ซี้ดดด" ฉันสูดปากเมื่อพยายามลองเดินดูแต่มันเสียวแปลบ ๆ ทุกครั้งที่ขยับตัว
"แบบนี้ขับรถไม่ได้แน่ ๆ" ฉันบ่นพึมพำคนเดียวครั้นจะหยิบโทรศัพท์ออกมาขอความช่วยเหลือจากลูกหว้าก็ลืมไปว่าเครื่องมันซี้ม่องเท่งไปแล้ว
สุดท้ายของที่หยิบใส่รถเข็นสองสามอย่างก็เป็นอันต้องทิ้งไป พยายามเดินด้วยความเจ็บแปลบไปซื้อรองเท้าธรรมดามาใส่แทนส้นสูงแล้วมาที่รถที่จอดอยู่โรงจอดรถชั้นใต้ดินด้วยความทุลักทุเล
"แล้วจะขับไหวมั้ยเนี่ย" แค่ขยับเท้าขวามันก็แปล๊บ ๆ เขาไปถึงกระดูกแล้วไง
"ลองเสี่ยงดูละกัน"
ปี๊บ ปี๊บ ตัดสินใจปลดล็อกประตูเตรียมจะเข้าไปประจำที่คนขับ แต่เสียงเสียงหนึ่งกลับดังขัดไว้
"อยากตายนักหรือไง แท็กซี่มี หัดใช้บริการบ้างก็ได้"
หมับ..
พรึ่บ!!
กุญแจรถในมือถูกแย่งไป พร้อมร่างสูงผมสีเงินที่หน้าด้านเข้าไปนั่งประจำที่คนขับแทนฉัน
"เอ้า! ยืนอวดหุ่นนางแบบอยู่ได้ ขึ้นรถสิ ฉันมีงานต้องทำต่อนะ"
อยากต่อว่าหมอนี่คืนเหมือนกัน
'ถ้าลำบากนักจะเข้ามาเผือกเรื่องฉันอีกทำไม'
ปัง!!
แต่ไม่เอาดีกว่า ขี้เกียจมานั่งทะเลาะกับไอ้บ้ากิเลนจนถึงคอนโดฯ ตัวเอง
พรึ่บ!! ถุงพลาสติกสีสันสวยงามพร้อมตราโลโก้ที่คุ้นตาถูกวางลงตรงหน้าทันทีที่ถึงคอนโดฯ "อะไร?" มือก็นวดข้อเท้า หน้าก็เอียงมองเจ้าของถุงที่ว่า
"เปิดดูสิ แล้วมือน่ะเลิกนวดได้แล้ว" กิเลนทำหน้าดุใส่ฉัน สายตาเขามองมาที่ข้อเท้าข้างที่มันเริ่มบวมและช้ำ "มียาไหม?"
"ยาอะไร"
"เฮ้อ!"
เอ้า! อะไรของหมอนี่ ฉันถามอะไรผิด ทำไมถึงถอนหายใจออกมาเหมือนไม่พอใจซะงั้น "เดี๋ยว! นั่นนายจะไปไหนน่ะ"
ถอนหายใจใส่ไม่พอ ยังมีหน้าเดินพล่านทั่วห้องฉันอีก ไร้มารยาทที่สุด เพื่อนใครเนี่ย! "กิเลนนายจะเข้าห้องไหนก็เข้า แต่อย่าเข้าห้องนะ... นอน"
ตุ้บ!!
"โอ๊ย!"
"ทำบ้าอะไรของเธอแยมโรล!?"
หมับ...
ก็กลัวหมอนี่เดินเข้าห้องนอนฉันน่ะสิเลยเขย่งเท้าเดินตาม แต่เพราะมันไม่ถนัด การทรงตัวเลยเสียสมดุล ร่างบอบบางอันไร้ไขมันส่วนเกินเลยเกือบล้ม โชคดีที่คว้าตู้โชว์ที่อยู่กลางห้องนั่งเล่นไว้ทันเลยไม่ล้มหน้าทิ่ม
อีกอย่าง กิเลนที่ยืนอยู่ห่างสองช่วงตัววิ่งมารับร่างฉันได้ทันพอดีเลยไม่ต้องเจ็บตัวซ้ำสอง
"ขาก็เจ็บยังจะดื้ออีกนะ" ฉันบุ้ยปากไม่พอใจที่ถูกคนข้าง ๆ บ่น
"ก็ใครใช้ให้นายเดินทั่วห้องฉันล่ะ" ตัวเองผิดแท้ ๆ ยังมาว่าฉันดื้ออีก
"ก็จะไปหายา"
"ฉันก็ถามอยู่นี่ไงนายจะหายาอะไร" ฉันเลิกคิ้วจ้องหน้าเขา
"ขาบวมขนาดนั้น หายาแก้ไข้หวัดมั้ง"
อ้าว... ถามดี ๆ ทำไมต้องตอบกวนเบื้องล่างด้วย
"ถ้านายจะหายาทาแก้บวม นู้น.. อยู่ชั้นด้านบนในครัว"
บอกแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ฉันบ่นอุบอิบต่อในใจ ถ้าขืนบ่นออกมาให้หมอนี่ได้ยินมีหวังไม่ต้องทามันแล้วยา
"แล้วนี่มีไข่หรือเปล่า" กิเลนหันมาถามหลังจากที่เขาเดินไปได้หนึ่งก้าว
"ไม่มี" นึกถึงสาเหตุที่ไข่หมดตู้เย็นขึ้นมาแล้วก็โมโห
"เป็นผู้หญิงประสาอะไรไม่รู้จักหาของมาไว้ในตู้เย็น สั่งกินจากข้างนอกบางทีก็ไม่สดสะอาดเหมือนทำกินเองรู้หรือเปล่า"
"..." ถึงกับกลอกตามองบน นี่สรุปฉันมีพ่อคนที่สามโผล่มาเพิ่มอีกใช่ไหม
ว่ายูโรหนักแล้ว มาเจอกิเลนเข้าฉันว่าหนักยิ่งกว่า
"ถ้านายจะอยู่แล้วบ่นฉันว่านายกลับไปเถอะ" รำคาญจริง ๆ นะเวลามีคนมาคอยจุ้นจ้านกับตัวเองน่ะ
"ไม่ต้องไล่" ฉันเบะปากเล็กน้อยก่อนจะพึมพำเบา ๆ
"ไล่ยากไล่เย็นเหมือนสองคนเมื่อคืนไม่มีผิด"
"สองคนเมื่อคืน?"
"เฮ้ย!"
ตกใจแทบตาถลน...
จู่ ๆ กิเลนที่ยังเห็นอยู่ในครัวก็วาร์ปมาอยู่ด้านหลังฉันอย่างไม่รู้ตัว
"จะตกใจอะไร ฉันออกจะหล่อ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้กระโดดเกาะคอจูบฉันไปนานแล้ว"
อี๋... แหวะ! ช่างกล้าพูด แสลงหูที่สุด!! "นั่นมันผู้หญิงของนาย ไม่ใช่ฉัน"
"อ๋อเหรอ?" แล้วดูหมอนี่ทำเสียงเข้าสิ เหมือนคำพูดฉันเมื่อกี้มันไม่มีมูลความจริงอะไรสักอย่าง "แต่ฉันว่า ใครบางคนแถวนี้ก็เคยขโมยจูบฉันไปอยู่น้า~"
"กิล!!"
"โมโห?"
หึย!! ได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์เดือดไว้ในใจ
คนอุตส่าห์อยากจะลืม ๆ เรื่องคืนนั้นไปให้พ้น ๆ จากความทรงจำ แต่ไอ้บ้ากิเลนกลับมาตอกย้ำซึ่ง ๆ หน้าอีก ไม่ให้โมโหจะไหวเรอะ!?
"โอ๋ ๆ ก็ได้ ๆ ฉันจะไม่กวนประสาทเธอแล้ว รอนี่นะ เดี๋ยวเอายามาทาให้"
นี่เรียกตบหัวแล้วลูบหลังได้ป้ะ? ทำฉันโกรธแล้วมาทำดีทีหลังแบบนี้
"แล้วสรุป สองคนที่ว่าคือใครเกี่ยวอะไรกับเธอหรือเปล่า"
นึกว่าจะลืมไปแล้วซะอีก "ก็จะมีใครล่ะ เฮียราชย์กับลัคกี้ไง"
"พวกนั้นมาที่นี่"
"อืม เฮียราชย์เมา ลัคกี้เลยตามมา"
"ทำตัวเหมือนผัวเป็นห่วงเมีย" เห็นมั้ย ขนาดกิเลนยังคิดเหมือนฉันเลย
"แล้วพวกนั้นค้างที่นี่"
"ให้ค้างก็บ้า"
จริง ๆ เมื่อคืนก็ไม่อยากให้เฮียราชันย์ขับรถกลับดึก ๆ ดื่น ๆ หรอก แต่มีลัคกี้พ่วงมาด้วยไง ให้ผู้ชายตั้งสองคนนอนค้างที่ห้องคงงามหน้าดูถ้าใครรู้เข้า
"อืม ดีแล้ว"
ฉันเอียงคอมองหน้าเจ้าของน้ำเสียงคล้ายโล่งอกอะไรสักอย่างด้วยความมึนงง
"มา เดี๋ยวช่วยดูเท้าให้"
หมับ... ไม่ประวิงเวลารอให้ฉันอนุญาต กิเลนก็เลือกทำตามใจตัวเองทันที
"ซี้ดดด เบา ๆ หน่อยสิ"
ฉันขยับขาหนีมือหนาของกิเลนที่ใช้ไข่ต้มร้อน ๆ ห่อผ้าขาวบางมาประคบข้อเท้าให้ และเพราะกิเลนนั่งบนพื้นแล้วยกเท้าฉันขึ้นวางเหยียบบนหน้าขา ทำให้ฉันที่ใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่ารู้สึกเย็นวูบวาบแม้จะมีหมอนใบใหญ่วางทับบนหน้าตักก็เถอะ
"ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะแอบมอง เธอถ่ายแบบมาเยอะกว่านี้จนฉันเห็นชินแล้วล่ะ"
เอิ่ม.... ควรจะต่อประโยคนี้ของกิเลนยังไงดี
คือ... เขาน่าจะรู้ไหมว่าสิ่งที่เขาเห็นจากการถ่ายแบบของฉันมันเป็นแค่รูปรูปหนึ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีความอายเวลามีคนจ้องมอง
แต่สถานการณ์ตอนนี้มันคนละฟิวกันเลยป้ะ?
ถ้าเขาแอบมองจริงนี่คือเห็นของจริงเลยนะ
ตุบ...
มือที่ถือไข่สำหรับประคบข้อเท้าอยู่ผละออกจากข้อเท้าฉันช้า ๆ เขาวางมันลงบนกะละมังใบเล็ก ๆ ที่วางอยู่ข้างตัว ก่อนใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มจะเงยขึ้นมาสบตา
"ฉันไม่ชอบทำแค่แอบมอง"
เฮือก...
ทำไมรู้สึกถึงความหมายบางอย่างในสายตาคู่คมที่จ้องเข้ามานัยน์ตาฉันกันนะ
แบบว่ามันให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก ปนความวาบหวิวจนอธิบายไม่ถูก
"เพราะแค่มองมันไม่ช่วยให้ฉันพึงพอใจ"
"อื้อ" ฉันนิ่วหน้าเมื่อกิเลนค่อย ๆ นวดข้อเท้าฉันด้วยยาแก้ฟกช้ำแบบไม่ให้ตั้งตัว
แล้วรู้อะไรไหม? พอจบประโยคสนทนานั้นของหมอนี่ ฉันถึงกับไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ