สิบห้านาทีต่อมา
"ขึ้นรถ" เสียงทุ้มบอกฉันรอบที่ล้านได้
"ใครบอกว่าฉันจะกลับรถนาย" ฉันเชิดหน้าเอียงใบหน้ามองไปทางซ้ายเพื่อรอรถอีกคัน "ฉันบอกแล้วว่าจะมารับ"
"ใช่นายบอก แต่ฉันบอกตอนไหนว่าจะกลับ ๆ นาย?" คนถูกย้อนถึงกับเถียงไม่ออก ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไร เสียงแตรรถอีกคันที่เพิ่งขับเข้ามาก็ดังขึ้น
ปี้น ปี้น
ฉันยิ้มดีใจที่เห็นรถสปอร์ตสีน้ำเงินเข้มขับเข้ามาจอดตรงหน้า
"มาทำไมวะ" ได้ยินกิเลนสบถอย่างหัวเสีย ส่วนฉันเดินลอยหน้าลอยตาผ่านเขาไปหาเจ้าของรถคันที่เพิ่งมาใหม่
ปัง!! เสียงประตูปิดลงหลังจากเจ้าของรถคันงามลงจากรถเรียบร้อย
ผมสีแดงเพลิงของเขาทำฉันส่ายหน้าไปมา ไม่ใช่ว่าคนทำไม่หล่อ เบ้าหน้าคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวจนผู้หญิงบางคนยังอาย เขาเหมาะกับผมทุกสีอยู่แล้ว
แต่ที่ฉันส่ายหน้าเพราะสีผมมันโดดเด่นสะดุดตาเกินไป
"อ้าว มึงมาทำอะไรตรงนี้" ทันทีที่คนเพิ่งมาถึงเห็นอีกคนที่มาถึงก่อนก็ชี้นิ้วถามทันที "ผมต้องถามเฮียมากกว่าว่ามาทำอะไร"
กิเลนที่ถูกถามรีบเดินวนซ้ายวนขวาถาม 'เฮียราชย์' หรืออีกชื่อคือ 'เฮียราชันย์' ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
"แยมโทร.ตาม" เฮียราชันย์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉันเอ่ยตอบ
"ทำไมเธอเข้าใจอะไรยากจังวะ ฉันก็บอกแล้วว่าจะมารับ แล้วจะโทร.เรียกคนอื่นมาอีกเพื่อ?" ฉันทำหูทวนลมไม่สนใจเสียงแว้ด ๆ เหมือนผู้หญิงของกิเลน
"ทะเลาะอะไรกันอีก ทำเหมือนผัวเมียตีกัน"
สายตาเย็นชาเหลือบมองฉันสลับกับเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคน
"อย่าพูดแบบนั้นบ่อยดิเฮีย น้องเฮียน่ะคงไม่มีใครเอา"
"ไอ้กิล!!" ฉันทนไม่ไหวที่จู่ ๆ หมอนี่ก็มาดูถูกฉัน หาว่าคนอย่างฉันจะไม่มีใครคบเป็นแฟน "แสบหู" เฮียราชันย์ยกนิ้วแคะหูสำทับคำพูด
"เห็นมั้ย นิสัยก้าวร้าว ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่”
“แถมยังชอบเถียงคำไม่ตกฟาก ขัดคำสั่งก็แล้ว"
"ไม่ใช่พ่อ อย่ามาเยอะ!"
"แยมโรล" เฮียราชันย์เรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความไม่ชอบใจที่ฉันเล่นสิ่งที่ไม่ควรเล่นเข้า
"ชิ!!" ถึงกับจิ๊ปากไม่พอใจที่ฉันถูกดุอยู่คนเดียว
ก็เมื่อกี้มันทนไม่ไหวอะ ดูไอ้หมาบ้ากิเลนมันว่าฉันฉอด ๆ ดิ ทำอย่างกับว่าเราสองคนเป็นอะไรกันงั้นแหละ
คิดจะสั่งสอนคนอื่น ควรมองดูตัวเองก่อนนะว่าสมควรสอนใครเขามั้ย
"สรุปเรียกเฮียมาเพื่อฟังเราสองคนทะเลาะกัน?" คิ้วดกดำของเฮียราชันย์เลิกขึ้น มือสองข้างยกกอดอกเอนหลังพิงตัวรถท่าทางมาดเท่
"เฮียกลับไปเถอะ ผมอาสาจะไปส่งยัยนี่เอง"
"ไม่ แยมจะกลับพร้อมเฮีย"
"แต่ฉันบอกเธอก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมารับ"
"งั้นก็ฟังให้ชัด ๆ ตรงนี้อีกทีเลยนะว่า ฉัน ไม่ กลับ กับ นาย!!"
ฉันเน้นท้ายประโยคทีละคำ เผื่อคนสมองน้อยอย่างกิเลนจะเข้าใจ
ปัง!!
"เฮ้ยเฮีย!!"
"หึ!"
ฉันตกใจที่จู่ ๆ ลูกพี่ลูกน้องฉันก็ขึ้นรถปิดประตูดังปังก่อนจะสตาร์ทรถเตรียมชิ่ง
"ใครจะกลับพร้อมใครก็ตามสบาย ฉันไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้"
"เฮ้! เฮียราชย์ อย่าทำแบบนี้นะ เฮียราชย์!!" ฉันตะโกนเรียกตามหลังแลมโบร์กินีสีน้ำเงินเข้มที่วิ่งลิ่วออกจากหน้าสตูดิโอเพื่อนรักฉัน
"เธอนี่มันชอบสร้างเรื่องจริง ๆ"
"..." รีบหันขวับกลับมามองไอ้ปากหมาด้านหลังก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ
"คนสร้างเรื่องน่ะนาย หัดมองความผิดตัวเองบ้าง"
"ผิด? ฉันเนี่ยนะผิด"
"ก็เออไง ถ้านายไม่วิ่งแจ้นมายุ่งเรื่องฉัน ไม่อยากมารับฉัน ฉันคงไม่โทร.ไปรบกวนเฮียราชย์แบบนี้!" คนอย่างกิเลนนี่มันยังไงกันนะ ตัวเองก่อเรื่องให้วุ่นวายแท้ ๆ ยังมาโทษฉันอีก
"ฉันบอกเธอแล้วว่าจะมารับ" ได้แต่ถอนหายใจแล้วกรอกตามองบน
"ฉันเบื่อที่จะเถียงเรื่องนี้กับนายแล้วนะกิล ฉันจะกลับ"
"ก็แค่นี้"
หมับ!!
"ทำอะไรน่ะ" ฉันมองแขนตัวเองที่ถูกมือหนาจับไว้ "ก็เธอบอกจะกลับ"
"ใช่ แล้วนายจะมาจับแขนฉันไว้ทำไม"
"ก็จะพาไปขึ้นรถไง"
ฟู่... สรุปหมอนี่จะเอาแบบนี้ให้ได้ใช่ไหม พูดจนปากเปียกปากแฉะหลายรอบยังไม่เข้าใจอีก "ฟังนะ..."
"อ้อ นึกออกแล้ว" ฉันยังอ้าปากพูดไม่ทันจบดี กิเลนก็สวนแทรกขึ้นมา
"หรือว่าที่เธอจงใจอยากหนีหน้าฉันเพราะอายที่เมื่อคืนเธอเป็นฝ่าย...”
“...จูบฉันก่อน"
อ..ไอ้บ้า!!
นายนี่ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ทำไมถึงได้กล้าคิดแบบนั้น ไม่สิ แค่คิดไม่ผิดเพราะฉันไม่อาจรับรู้ได้ แต่หมอนี่ดันพูดออกมาโต้ง ๆ แถมยังเสียงดังอีกต่างหาก
แบบนี้มันไม่ให้เกียรติฉันเลยอะ
"คิดได้ไง" ฉันถามกลับอย่างหาเรื่อง
"แค่จูบห่วย ๆ กับคนไม่เอาไหนอย่างนาย ฉันไม่หนีหน้าให้เสียศักดิ์ศรีหรอก"
"เหรอ? พูดน่ะพูดง่าย แต่ดูจากการกระทำเธอแล้วฉันว่าฉันคิดไม่ผิด"
หึย!!! โมโห ไม่เคยเกลียดขี้หน้าใครเท่าไอ้บ้ากิเลนมาก่อนบอกเลย
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง ฉันรีบตรงไปขึ้นรถเฟอร์รารี่สีเหลืองแสบตาคันนั้นทันที
คนอย่างแยมโรลฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ฉันไม่เคยเอาเรื่องเมื่อคืนมาใส่ใจ แต่ถ้าหมอนั่นคิดว่าที่ฉันไม่อยากให้เขาไปส่งเพราะฉันอายเรื่องนั้นล่ะก็...
ฉันก็พิสูจน์แล้วนี่ไงว่าจูบเมื่อคืนไม่สามารถทำอะไรแยมโรลคนนี้ได้สักนิดเดียว
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน พอตื่นมาอีกทีรู้สึกถึงความมืดสลัว ๆ ครั้นขยี้ตาเพื่อปรับโฟกัสจึงรู้ว่านี่คือชั้นจอดรถที่ไหนสักที่
"เดี๋ยวนะ!?" กำลังจะเปิดลงจากรถเพราะคิดว่าเป็นคอนโดฯ ตัวเอง แต่พอมองบริเวณรอบ ๆ ชั้นจอดรถชั้นนี้แล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่
"นายพาฉันมาที่ไหนเนี่ย!" รีบหันไปแว้ด ๆ ใส่คนข้าง ๆ ที่นั่งใช้มือขวาวางพาดพวงมาลัยรถหันหน้ามองฉันกวน ๆ อยู่ก่อนแล้ว
"คอนโดฯ ไง"
ดูความกวนประสาทของหมอนี่แล้วกัน "กิล ฉันรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่คอนโดฯ ฉัน”
“ทั้ง สอง ที่" ฉันเน้นท้ายประโยคชัด ๆ อย่างหัวเสีย
นี่เหนื่อยนะ วันนี้ถ่ายแบบตั้งแต่เช้าจนบ่ายแก่ ๆ ข้าวก็กินไม่ค่อยลงเพราะยังแฮงค์อยู่ แถมยังต้องมาจิกกัดกับไอ้เพื่อนบ้าข้าง ๆ นี่อีก มันเหนื่อยมากบอกเลย
"ก็เธอบอกว่าที่ไหนก็ได้"
ถึงกับอ้าปากเหวอ ฉันพูดแบบนั้นจริง แต่ฉันหมายความว่า ให้เขาเลือกเอาคอนโดฯ ใดคอนโดฯ หนึ่งที่ฉันพักอยู่ "แล้วตกลงนายพาฉันมาที่ไหน"
สูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ปรี๊ดแตกไปมากกว่านี้แล้วถามเขา "ขึ้นไปเดี๋ยวก็รู้เอง"
แทนที่ถูกถามแล้วจะตอบ เสียมารยาทไม่พอ ยังเดินดุ่ม ๆ ตรงไปกดลิฟต์ที่อยู่ไม่กี่เมตรจากตรงที่เขาจอดรถไว้
มองเห็นสติ๊กเกอร์ตัวหนังสือขนาดใหญ่ติดอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์
'V.I.P ONLY!!'