เด็กสาวขมวดคิ้วเมื่อสะดุดกับชื่อของลูกเพื่อนพ่อ จำได้ว่าหนุ่มข้างบานก็ชื่อนี้เหมือนกัน รีบเดินเลี่ยงออกมาจนถึงสวนด้านหลังใจเต้นไม่เป็นส่ำภาวนาให้เป็นเขาคนนั้น มิลันดาหยุดเท้าเห็นชายรูปร่างสูงโปร่งยืนมองแมกไม้ หล่อนจำได้ดีว่าเขาคือใคร
“ใช่เขาจริงๆ ด้วย”เด็กสาวนึกในใจ
เปราะ!
เสียงกิ่งไม้หักทำให้เขาหันมามองตามเสียง ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาเมื่อพบว่าเป็นใครที่ยืนอยู่ตอนนี้ มิลันดาตกใจเด็กสาวพยายามจะวิ่งหนีเขาอีกครั้ง แต่คมฉณัฐกลับไวกว่ารีบคว้าท่อนแขนอวบไว้
“จะหนีพี่ไปไหนอีกแล้วน้องมิ มานั่งเล่นด้วยกันไหม?” คมฉณัฐฉุดแขนไว้เสียก่อน หล่อนเหลือบมองเขาแล้วเมินหนีเพราะอาย
“คือว่า...” เด็กสาวอึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกไป
“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องมิ พี่ทำให้อึดอัดอย่างนั้นหรือ?”
“เปล่าค่ะ พี่คมไมได้ทำให้มิอึดอัดนะคะ”เด็กสาวรีบตอบทันควันเพราะกลัวเขาเข้าใจผิด
“งั้นหรือ? พี่คิดว่าน้องมิอาจจะไม่ชอบพี่เพราะเวลาน้องมิเห็นหน้าพี่เอาแต่จะวิ่งหนีพี่อยู่เรื่อย”
มิลันดาไม่กล้าพูด ที่วิ่งหนีเขาเพราะอายที่จะอยู่ใกล้เขาต่างหาก
“มิไม่ได้ไม่ชอบพี่คมนะคะ มิแค่ไม่คุ้นกับคนแปลกหน้าเท่านั้นเองค่ะ” หล่อนแก้ตัว
สองคนพากันนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวในสวน เขาพูดคุยกับเด็กสาวพักใหญ่ จนเห็นบิดาออกมาตาม เขาบอกลาเด็กสาวแล้วยกมือไหว้เพื่อนบิดา มิลันดามองตามแผ่นหลังซึ่งลับหายออกจากบ้าน คืนนี้หล่อนต้องฝันดีแน่นอนเลยทีเดียว
เช้าวันรุ่งเด็กสาวรีบตื่นแต่เช้าเพราะเป็นวันที่ต้องเริ่มเข้าเรียนวันแรก มิลันดากระหืดกระหอบรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วบ้านเพื่อไปโรงเรียน หล่อนชะงักเมื่อเห็นรถยนต์สีขาวจอดหน้ารั้วบ้าน เด็กสาวมองด้วยความแปลกใจจนกระทั่งกระจกรถเลื่อนลงมาใบหน้าคุ้นเคยก็มาปรากฎให้เห็น
“น้องมิขึ้นมาเร็วครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง!”
มิลันดาไม่ลังเลอะไรอีกแล้วหากไม่ไปคงไปเรียนสายเป็นแน่ มืออวบเอื้อมเปิดประตูแล้วนั่งลงข้างคนขับ คมฉณัฐเหลือบมองแล้วถอนหายใจออกมาก่อนโน้มกายเข้าหาฝั่งคนนั่งแล้วจัดการกับเข็มขัดนิรภัยให้ เสี้ยวหน้าเขาใกล้เสียจนมิลันดาใจสั่นผิวแก้มเลยแดงปลั่ง
“ต้องคาดเข็มขัดด้วยนะครับ เพื่อความปลอดภัย” คมฉณัฐเตือนแล้วทะยานรถ
รถหยุดตรงหน้ารั้วโรงเรียน มิลันดาหันมากล่าวขอบคุณแล้วหยิบกระเป๋าเปิดประตูลง ระหว่างชั้นเรียนแทบไม่มีสมาธิเพราะนึกถึงใบหน้าพี่คมเป็นระยะๆ
เสียงกริ่งของโรงเรียนดังบอกเวลาเลิกชั้นเพื่อเดินทางกลับ เจ้าของร่างอวบถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้หล่อนเรียนไม่รู้เรื่องเลยเพราะมัวแต่คิดถึงเขาทั้งวัน เดินทอดน่องมาจนถึงหน้ารั้ว เห็นรถยนต์คุ้นตาพร้อมเจ้าของยืนกอดอกพิงอยู่ หล่อนรีบก้าวยาวเข้าหา
“พี่คมมาทำอะไรคะ?” หล่อนถามสีหน้าสงสัย
“พี่มารับน้องมิครับ”
“ทำไมพี่คมมารับมิล่ะคะ ลำบากแย่”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่รับปากพ่อน้องมิไว้ว่าจะมารับมาส่งน้องมิทุกวัน”
“ขอบคุณมากนะคะ”เด็กสาวบอกเขา
คมฉณัฐลูบศีรษะเด็กสาวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แต่หล่อนกลับใจเต้นแรงเพราะการกระทำของเขา ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเขากำลังทำให้เด็กสาวเข้าใจผิด รถเคลื่อนออกจากโรงเรียนจนมาจอดเทียบหน้าประตูรั้วมิลันดาลงจากรถแล้วเข้าสู่ตัวบ้าน หล่อนยิ้มด้วยความสุขกับเรื่องดีๆ ในวันนี้
เสียงลงบันไดอย่างรวดเร็วตั้งแต่เช้าทำให้ดาวเรืองหันมอง เห็นบุตรสาวยิ้มกว้างสีหน้ายินดีราวกับพบเจออะไรมา น่าแปลกไม่กี่วันเหตุใดบุตรสาวถึงอารมณ์ดีหรือโรงเรียนใหม่มีเรื่องน่าสนุกกัน
“แม่คะมิไปเรียนก่อนนะคะ” หล่อนบอกมารดาแล้วรีบวิ่งไปหน้าประตูบ้าน
ดาวเรืองยิ่งมองยิ่งสงสัยกับอาการของบุตรสาว
รถยนต์คันเดิมจอดอยู่หน้ารั้วบ้าน มิลันดาเดินมาถึงมันแล้วเปิดแต่กลับต้องชะงักเมื่อพบว่ามีหญิงสาวแปลกหน้านั่งจองอยู่
“น้องมิวันนี้นั่งเบาะหลังนะครับ พอดีพี่ไปรับแฟนมาด้วย” เจ้าของรถบอก
มิลันดารู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า เม้มริมฝีปากปิดประตูลงเช่นเดิมแล้วนั่งลงบนเบาะด้านหลังแทน หล่อนดีใจทุกวันที่ได้พบหน้าพูดคุยกับพี่คม ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีแฟนแล้ว รู้สึกเหมือนตนเองโง่งมสิ้นดี หลงระเริงดีใจไปได้แทนที่จะคิดตรึกตรองให้ดีเสียก่อน
“ใครหรือคะคม?” กานต์สินีหันมาถามแฟนหนุ่ม
“ลูกสาวเพื่อนพ่อครับกานต์”
“เหรอคะ แล้วคุณจำเป็นต้องไปรับไปส่งด้วยเหรอ!”
“ใช่ครับ ทำไมเหรอ ผมต้องไปทางเดียวกับน้องมิอยู่แล้ว” คมฉณัฐตอบตามตรง
“กานต์ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกค่ะ อย่าใจดีกับคนอื่นมากไปนะคะคม คุณน่ะเป็นคนแบบนี้เสมอผู้หญิงถึงได้เข้าใจผิดไปหมดนึกว่าคุณมีใจให้!” หล่อนจงใจพูดกระทบให้เด็กสาวด้านหลังรู้ว่าใครกันแน่เป็นตัวจริง
คนนั่งเบาะหลังกำมือแน่นทนฟังน้ำคำถากถามตลอดเส้นทาง พี่คมไม่ปริปากพูดอะไรออกมา และหล่อนก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง แค่นี้ก็แทบกล้ำกลืนฝืนทนไม่ไหวแล้ว ถึงหน้าโรงเรียนเด็กสาวเปิดประตูรีบลงไม่สนใจหันกลับมามองอีกเลย กานต์สินีเบ้ปากแสดงท่าทางไม่พอใจ สงสัยเด็กนั้นคงชอบแฟนหล่อนจริงๆ
“เด็กอะไรไร้มารยาท!” กานต์สินีบ่น
“พอเถอะกานต์ ตลอดทางคุณพูดจาใส่น้องมิในเชิงไม่ดี ผมไม่อยากต่อว่าคุณต่อหน้าน้องมิผมเลยเงียบไว้ แต่ผมอยากให้คุณรู้จักรักษามารยาทบ้าง”
“ทำไมกานต์จะต้องรักษามารยาทกับเด็กกะโปโลอย่างนั้นด้วย ใครจะทนได้คะถ้าหากมีคนที่ชอบแฟนตัวเองนั่งอยู่ในรถมาด้วย”
“ไม่จริงหรอกกานต์คุณคิดมากไป น้องมิไม่ได้คิดอะไรกับผมหรอก” เขาแย้ง
“คุณไม่เชื่อก็คอยดูแล้วกัน!”