วันต่อมา
7 : 25 น.
สายฝนที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่เป็นต้องเดินกลับไปที่ห้องของทอฝันอย่างสงสัย เมื่อสายขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นทอฝันและไต้ฝุ่น เพราะปกติเธอจะตื่นก่อนลูกสาวเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอเตรียมอาหารเช้าจนเสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นทอฝันกับไต้ฝุ่นลงมาข้างล่างสักที ทั้งที่วันนี้ทั้งสองจะต้องไปเรียนแท้ ๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ทอฝันลูก ตื่นกันหรือยัง" สายฝนเคาะประตูห้องแล้วตะโกนถามออกไป
แกร๊ก~
เสียงเปิดประตูออกมาทำให้เธอนึกแปลกใจ เพราะไต้ฝุ่นเป็นคนเปิดแทนที่จะเป็นทอฝัน ก่อนที่เสียงเล็ก ๆ ของหลานชายจะเอ่ยพูดขึ้นให้เธอหายสงสัย
"คูมยาย แม่ยางม่ายตื่น"
"สายป่านนี้แล้วทำไมยังไม่ตื่นอีกนะ" สายฝนบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในห้องเพื่อไปปลุกลูกสาว
"เป็นอะไรลูก ทำไมเหงื่อท่วมตัวแบบนี้ล่ะ" พอเดินเข้าไปใกล้ สายฝนก็รีบยกมือขึ้นแตะอังหน้าผากของลูกสาวทันทีด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะพบกับอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนจี๋ของลูกสาว
"ตายจริง! ทำไมตัวร้อนแบบนี้ล่ะลูก" ความร้อนจากร่างกายของทอฝัน ทำให้คนเป็นแม่อย่างสายฝนถึงกับอุทานออกมาอย่างเป็นห่วงและตกใจ ทั้งที่เมื่อคืนตอนที่กลับมาจากทำงานยังดูไม่เป็นอะไรอยู่แท้ ๆ
"แม่เป็นไรหย๋อ?" ไต้ฝุ่นที่ได้ยินก็สงสัยว่าแม่ของตนเป็นอะไร จึงเอียงคอเอ่ยถามคนเป็นยายทันที
"แม่เราไม่สบายลูก แต่พี่ฝุ่นต้องไปโรงเรียนนะ เดี๋ยวยายพาไปอาบน้ำแต่งตัวนะครับ" สายฝนพูดพร้อมกับลุกจากที่นอน เดินมาจูงมือหลานชายไปยังห้องน้ำ
"ค้าบบบ" เสียงเล็ก ๆ พร้อมกับใบหน้าน้อย ๆ พยักหน้ารับทันทีอย่างว่าง่าย
หลังจากจัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ สายฝนก็เป็นคนพาไต้ฝุ่นไปส่งที่โรงเรียนทันที เพื่อจะได้รีบกลับมาดูทอฝันที่ยังคงนอนซมเพราะพิษไข้อยู่
13 : 05 น.
"อื้อออ" ร่างบางที่เพิ่งจะรู้สึกตัวครางอื้อในลำคออย่างทรมาน เมื่อเธอพยายามขยับร่างกายเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมขยับตามที่สมองของเธอสั่งการเลยสักนิด มันหนักอึ้งไปทั่วร่างกายอย่างบอกไม่ถูก
"เป็นอะไรลูก ร้องไห้ทำไม!" สายฝนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เตียงรีบเดินเข้ามาดูทันทีที่ได้ยินเสียงของทอฝัน ก่อนที่เธอจะเห็นว่ามีน้ำใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตาของลูกสาว
"แม่..." ยิ่งได้ยินเสียงคนเป็นแม่ น้ำตาของเธอยิ่งไหลลงมามากขึ้น
"เจ็บตรงไหนลูก หนูร้องไห้ทำไม" ยิ่งเห็นแบบนั้นเธอยิ่งนึกเป็นห่วงลูกสาวมากเข้าไปอีก เพราะไม่เคยเห็นลูกเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
"ไม่ค่ะ ฮึก! ไม่เจ็บ..." ทั้งที่เธอเจ็บร้าวระบมร่างกายจนแทบทนไม่ไหว แต่เธอก็ต้องตอบให้แม่สบายใจ ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร
"แล้วหนูร้องไห้ทำไม หรือว่าปวดหัว" สายฝนใช้หลังมือแตะอังหน้าผากของลูกสาวเบา ๆ เพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกาย ที่ตอนนี้เริ่มดีขึ้นกว่าเมื่อเช้าเยอะมาก เพราะเธอคอยเช็ดตัวให้ทุกชั่วโมง
"เปล่าค่ะ แล้วนี่หนูเป็นอะไรคะ ทำไมแม่ถึง..."
"หนูไม่สบายลูก เมื่อเช้าแม่ขึ้นมาตามเพราะไม่เห็นลงไปข้างล่างสักที ก็พบว่าหนูนอนซมและไข้ขึ้นสูง แม่เลยรีบไปส่งพี่ฝุ่นแล้วกลับมาเช็ดตัวให้"
"ขอบคุณนะคะแม่"
ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเธอยิ่งรู้สึกผิดกับแม่ของเธอ ถ้าเธอเชื่อฟังที่แม่ของเธอพูด เหตุการณ์แบบนั้นมันคงจะไม่เกิดขึ้นกับเธออีก ถ้าเธอเลิกทำงานแบบนั้นเธอก็คงจะไม่ได้เจอกับเขา และเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ก็จะไม่เกิดกับเธอ
"แค่นี้ไม่เห็นต้องร้องไห้เลยลูก" สายฝนยกมือขึ้นลูบศีรษะของทอฝันเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ
"หิวไหมลูก เดี๋ยวแม่ไปทำข้าวต้มให้นะ"
ฟอดดด~
"หนูรักแม่นะคะ"
"เป็นอะไรไปเรา ทำไมขี้อ้อนจังเลย"
"แม่ก็รู้ว่าเวลาที่หนูไม่สบาย หนูก็อ้อนแม่ประจำ" ทอฝันพูดขึ้นพร้อมกับเอียงหน้าไปซบอกคนเป็นแม่อ้อน ๆ
"ปล่อยแม่ได้แล้ว แม่จะไปทำข้าวต้มให้แล้วจะได้กินยา" สายฝนถึงกับส่ายหน้าไปมายิ้ม ๆ เธอไม่รู้หรอกว่าลูกสาวของเธอไปเจออะไรมา แต่ต่อให้จะเจอสิ่งเลวร้ายมาแค่ไหน ถ้าลูกไม่อยากเล่าเธอก็ไม่อยากถามให้ลูกหนักใจ แม้จะดูออกว่าตอนนี้ทอฝันมีบางที่ไม่สามารถพูดกับเธอได้ก็ตาม
"งั้นหนูไปอาบน้ำรอนะคะ" เธอรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่ เลยอยากจะอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมาบ้าง แม้จะยังมีไข้อยู่ก็ตาม
"อย่าอาบนานนะลูก หนูยังมีไข้อยู่เดี๋ยวไข้ขึ้น" ก่อนจะเดินออกไป สายฝนก็หันกลับมาเอ่ยกับทอฝันอย่างเป็นห่วงอีกรอบ แล้วจึงเดินออกจากห้องไป
พอสายฝนเดินออกไปจากห้อง ทอฝันก็พยายามพยุงร่างกายอันปวดร้าวของตัวเองลุกขึ้น เพื่อเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างยากลำบาก แค่ส่องกระจกความเลวร้ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อคืนก็ฉายซ้ำวนกลับเข้ามาในหัวของเธอไม่หยุด เพราะเขาที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
"ฮึก…" แค่เห็นสภาพตัวเอง มันก็ทำให้เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว
ทอฝันยืนมองตัวเองผ่านกระจกเงาตรงหน้าด้วยสายตาที่พร่ามัว เพราะน้ำตายังคงไหลไม่ยอมหยุด นานพอสมควรเธอถึงได้รีบอาบน้ำเมื่อเธอหายเข้ามาในห้องน้ำนานแล้ว กลัวว่าถ้าแม่เธอขึ้นมาตามแล้วไม่เจอ แม่คงจะเป็นห่วงเธอมากจนอาจจะคิดว่าเธอเป็นลมไปในห้องน้ำก็ได้
ร่างสูงของคริสเตียนนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานด้วยใบหน้านิ่ง ๆ แต่คิ้วขมวดอย่างคนมีเรื่องเครียดให้ต้องคิดตลอดเวลา จนลูกน้องคนสนิทอย่างอีธานอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้านายตัวเองเป็นอะไรไป
"นายมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ดูเครียด ๆ " อีธานเอ่ยถามขึ้น ทำให้คริสเตียนต้องเงยหน้ามามองนิ่ง ๆ
"หน้ากูบอกแบบนั้น?" ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามออกไปอย่างไม่รู้สึกอะไร และไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าชัดถึงขั้นลูกน้องคนสนิทดูออกเลยเหรอ?
"ครับ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" อีธานตอบออกไปอย่างที่เห็น เพราะตั้งแต่กลับจากผับเมื่อคืนหน้าของคริสเตียนก็เหมือนมีคำถามอยู่ตลอดเวลา
"กูสงสัย" คำพูดของคริสเตียนทำให้อีธานต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ก่อนจะได้คำตอบจากปากเจ้านายหนุ่มในเวลาต่อมาทันที
"สงสัยเรื่องผู้หญิงที่ชื่อทอฝัน"
"ครับ? แล้วนายสงสัยอะไรเธอ" อีธานถึงกับขมวดคิ้วอย่างสงสัยหนักกว่าเดิม ทั้งที่คริสเตียนไม่เคยจำเรื่องราวของผู้หญิงที่มีอะไรด้วยได้สักคน แต่กับเธอคนเมื่อคืน ทำไมถึงมีข้อสงสัยกัน
"ในประวัติที่กูให้หา บอกว่าเธอมีครอบครัวแล้วใช่ไหม"
"ใช่ครับ ตอนนี้ลูกชายเธอน่าจะอายุประมาณ 3 ขวบกว่า ๆ ครับนาย ที่เราเจอวันนั้น…" อีธานตอบตามที่ได้อ่านประวัติของทอฝันมาแล้ว และจากที่ได้เห็นกับตาตัวเองพร้อมกับเจ้านายหนุ่มวันนั้น
"พ่อของเด็กล่ะ"
"ไม่ทราบครับ ตามที่หามาได้ไม่เคยมีคนพูดถึงเรื่องพ่อของเด็ก คนแถวนั้นคุยกันว่าเธอท้องไม่มีพ่อ" แม้ใจจะอยากตอบว่าพ่อเด็กเป็นคริสเตียน แต่ก็ไม่สามารถพูดไปได้ เพราะบางทีหน้าตาเด็กคนนั้นอาจจะแค่บังเอิญคล้ายคลึงกับนายเขาก็แค่นั้น…
คำพูดของอีธานทำให้คริสเตียนต้องขมวดคิ้วยุ่งอีกครั้งจนแทบจะชนกัน พลางนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่มีอะไรกันกับเธอ เขาเหมือนรู้สึกว่าเธอยังเหมือนไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาด้วยซ้ำ เพราะภายในของเธอมันคับแน่นไปหมด
"แล้วเด็กคนนั้น…" คริสเตียนเอ่ยขึ้นแค่นั้นแล้วจู่ ๆ ก็นิ่งเงียบไป เมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กผู้ชายที่เขาเจอวันก่อน ที่ในประวัติของทอฝันบอกว่าเป็นลูกชายเธอ แต่หน้าตาของเด็กคนนั้นกลับคล้ายคลึงกับเขาจนน่าตกใจ
"นายหมายถึงลูกชายเธอใช่ไหม ที่หน้าเหมือน…" อีธานเว้นวรรคคำพูดตัวเองไว้แล้วจ้องมองไปยังเจ้านายหนุ่มทันที
"เอารถออก!"
"ไปไหนครับ?" เมื่อจู่ ๆ คริสเตียนก็สั่งให้เอารถออก อีธานเลยถามขึ้นสงสัย
"โรงเรียนเด็กคนนั้น" คริสเตียนตอบพลางลุกจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ทันที
"ไปทำไมครับ? หรือนายคิดว่าเด็กนั้นเป็นละ…" อีธานเดินตามหลังผู้เป็นนายออกมาจากห้องทำงาน ก็ยังคงตั้งคำถามไม่หยุด และเกือบจะพลั้งปากพูดคำว่าลูกออกไป ถ้าไม่เจอสายตาดุดันของเจ้านายหนุ่มตวัดกลับมามองเสียก่อน
ขวับ!
"ระวังปากมึงด้วยอีธาน" คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงนิ่งทันทีที่ลูกน้องคนสนิทเกือบจะหลุดคำพูดที่ไม่ควรพูดออกมา
เขาแค่อยากดูให้เห็นกับตาตัวเองชัด ๆ อีกครั้ง ว่าวันนั้นเขาไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเอง ว่าเด็กคนนั้นเหมือนเขาราวกับคนคนเดียวกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…
"ทำไมเธอยังไม่มาอีกครับนาย แถมตอนนี้ในโรงเรียนก็ไม่มีคนแล้วนะครับ"
ไม่ใช่แค่อีธานหรอกที่สงสัย เพราะเขาเองก็สงสัยเหมือนกัน
"ลงไปดูสิว่าในโรงเรียนยังมีเด็กที่ยังรอพ่อแม่มารับอยู่กี่คน" คริสเตียนเอ่ยสั่งลูกน้องเสียงเรียบ เมื่อมองดูจากภายนอกแล้วเด็กทั้งโรงเรียนคงจะกลับไปกันหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นคนที่เขาตั้งใจมารอดู
"ครับนาย" อีธานเปิดประตูลงจากรถไปทันที
ใช้เวลาไม่นานเขาก็เดินกลับมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ แล้วส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบให้ผู้เป็นนาย
"เด็กทั้งโรงเรียนกลับหมดแล้วครับนาย"
"กลับหมดแล้ว? แล้วทำไมถึงไม่เห็นเธอ หรือว่าวันนี้เด็กนั่นไม่มาเรียน" แล้วแบบนี้เขาจะหายสงสัยและยืนยันกับตัวเองได้ยังไง ว่าเด็กคนนั้นแค่มีใบหน้าเหมือนเขาด้วยความบังเอิญ หรือจริง ๆ แล้ว… เขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเหมือนบนใบหน้าเด็กคนนั้นกันแน่…
"ครูในโรงเรียนบอกว่าวันนี้ไม่มีเด็กคนไหนขาดเรียนครับ และตอนนี้ผู้ปกครองมารับกลับหมดแล้ว"
"แล้วใครเป็นคนมารับ?"
"ไม่ทราบครับ เพราะครูที่เหลือในโรงเรียนไม่ใช่คนเดียวกับที่คอยส่งเด็กกลับบ้าน"
"กูอยากได้รายละเอียดที่มากกว่านี้" คริสเตียนเอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง
"จะรีบจัดการให้ทันทีครับ" อีธานพยักหน้ารับกับคำสั่งทันที
ความเหมือนราวกับเป็นคนคนเดียวกันของเขากับเด็กคนนั้น กำลังก่อกวนเขาจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร และเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมจู่ ๆ ถึงมีเด็กที่หน้าตาเหมือนเขาได้ขนาดนี้กัน