ผ่านไปพักใหญ่ๆ พี่ก้อยออกมาจากห้องเอวิตาอาคินอาบน้ำที่ห้องพักเเขกเรียบร้อยแล้วและสวมชุดลำลองเตรียมนอนเฝ้าไข้น้องสาว เขาเดินเข้าไปเห็นเอวิตานอนดูซีรีส์อยู่เสียงโทรศัพท์เขาก็ดังอีกรอบ เอวิตาหันมามองแล้วทักยิ้มๆ
"มีคนโทรตามหรือเปล่าคะ อีฟอยู่กับพี่ก้อยก็ได้น้า ไม่ต้องเฝ้าไข้ก็ได้ อีฟโอเค" เขามองมือถือแล้วเห็นว่าเป็นเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนของผับเป็นคนโทรมาก็บอกน้องสาวว่าไม่ใช่ แล้วก็กดรับสาย
"ว่าไงเบียร์"
"เด็กมึงกลับมาขอทำงานที่ผับ"
"เด็กคนไหน"
"หลายคนจัดนะมึง ก็น้องกี้ที่มึงเคยให้ลบชื่อออกจากรายชื่อพนักงานพาร์ทไทม์ไง น้องผู้จัดการให้กูโทรถามมึงว่ารับเข้าทำงานไหมเพราะเห็นว่าเคยทำงานเเล้วลาออกไปเป็นเด็กมึง จะเช็กประวัติก่อน"
"..."
หัวคิ้วอาคินขมวดเข้าหากัน
"ว่าไงมึง" วีรากรถามอีก
"ให้นั่งรอที่นั่นล่ะ เดี๋ยวไปจัดการเอง"
"เออ แล้วแต่มึงแล้วกัน แค่นี้แหละ"
พอเพื่อนวางสายไปแล้ว เขาก็มองเอวิตา
"พี่มีธุระต้องไปจัดการ อยู่กับพี่ก้อยก่อนนะอีฟ พักผ่อนเยอะๆ ห้ามแอบทำงานนะ"
"ค่า..."
อาคินเดินออกไปแล้ว เอวิตาได้แต่มองตามยังไม่ได้คุยกัน เเต่ดูเหมือนว่าอาคินคงมีธุระที่สำคัญกว่า ไว้ว่างค่อยคุยอีกทีหนึ่ง เธอบอกตัวเองอย่างนั้นก่อนจะหันกลับมาดูซีรีส์ พยายามทำอะไรที่ผ่อนคลายและดึงสมาธิเธอไปไว้ที่เรื่องอื่นบ้าง แต่กระนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ช่วงนี้พี่ชายยังไม่เล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังเลยทั้งเรื่องแต่งงานและเรื่องวุ่นวายที่ทำให้เขาดูเครียดๆ หรือบางทีเขาอาจจะเครียดกว่าแต่ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเธอ
เอวิตาสงสัยในใจเพราะนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้พี่ชายเธอดูเย็นชาเหมือนกำลังซ่อนความโกรธเอาไว้ในตอนที่เขาเผลอซึ่งอาคินไม่เคยเป็นแบบนั้น
คงเพราะตอนนี้เธอเริ่มสนใจเรื่องคนอื่นมากกว่าจะนึกถึงความทุกข์ของตัวเองเลยมองเห็น หญิงสาวหมายมาดว่าถ้าเธอจะคุยเรื่องอะไรกับเขาคงต้องถามเรื่องของเขาอย่างจริงจังบ้างเพื่อแบ่งเบาสิ่งที่พี่ชายกำลังไม่สบายใจเพราะไม่อย่างนั้นเธอกับพี่ชายก็ไม่ต่างจากเป็นคนแปลกหน้ากันเพราะว่าไม่รู้เรื่องราวชีวิตในช่วงนี้ของกันและกันเลย ทั้งที่เป็นพี่น้องคลานตามกันมาแท้ๆ
ประตูห้องทำงานของผู้จัดการผับหรูถูกเปิดออก ลลิษาลุกขึ้นยืนแล้วเตรียมหันไปไหว้ผู้มาใหม่อย่างนอบน้อมฝากตัวขอทำงาน หากแต่มือเธอก็ชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่เดินหน้าถมึงทึงเข้ามากลับเป็นอาคิน
"เฮีย" หญิงสาวเข่าอ่อนเผลอทรุดนั่งเก้าอี้ ห้องที่เย็นอยู่แล้วเย็นขึ้นมาอีกเพราะสายตาเยือกเย็นของเขา
"เราคิดจะป่วนเฮียเรอะ"
ความกลัวและความรู้สึกผิดที่ทำให้เขาวุ่นวายจางลงทันทีที่เขาถาม หน้าหงอยๆ นั้นเปลี่ยนเป็นดื้อดึง ปากเล็กๆ ย่นยู่เข้าเหมือนเด็กอนุบาลสามกำลังงอแง
"เปล่าซะหน่อย กี้แค่นอนไม่หลับจะหาอะไรทำไม่อยากรบกวนเฮียเพราะเฮียสั่งว่าห้ามยุ่งกัน กี้ก็หาทางออกของปัญหากี้เองอยู่นี่ไงคะ"
"แต่ที่นี่คือผับของเฮีย"
"แต่ที่นี่เป็นที่เดียวที่กี้รู้สึกว่าปลอดภัยนี่คะ เวลามาทำงานแล้วไม่ต้องกังวลว่าจะโดนใครมอมยาแล้วหิ้วกลับแน่ๆ พี่ๆ ก็รู้จักกี้ทุกคนไม่มีใครคิดไม่ดีกับกี้เลย"
อาคินหันไปมองกำเเพงโกรธๆ ก็ใครจะไปกล้าแตะเธอเล่าในเมื่อรู้กันทั้งผับว่าเธอเป็นเด็กเขา คนตัวโตรู้สึกเหมือนจะสำลักน้ำลายเล็กน้อยเมื่อเธอบอกว่าที่นี่ปลอดภัยเพราะไม่มีใครจ้องจะหิ้วเธอกลับแน่ แต่เขาเป็นคนเดียวที่หิ้วเธอกลับ ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะดูเหมือนเขาเป็นอันตรายหนึ่งเดียวของเธอในผับนี้เสียอย่างนั้น
"เฮียว่าเราต้องมาคุยกันจริงจังแล้ว นั่งลง" เขากดไหล่เธอให้นั่งเก้าอี้เช่นเดิมแล้วเดินไปนั่งบนโต๊ะผู้จัดการ เผชิญหน้ากับลลิษาแบบที่เขาต้องก้มมองเธอเล็กน้อยแบบข่มขวัญไว้ก่อน เพราะยายเด็กคนนี้มันร้าย
"เรื่องที่นอนไม่หลับเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ตั้งแต่เด็กค่ะ ถ้าไม่ได้กอดพี่อลิซหรือพี่เลี้ยงนอนกี้นอนไม่ได้" ดวงหน้าหวานหม่นไปนิดหน่อย "แต่พอกี้เข้ามัธยมพี่เลี้ยงก็ลาออกไปเเต่งงาน อยู่กับพี่อลิซอานนท์ก็แย่งพี่ไป กี้ออกมาอยู่ข้างนอกเพื่อนกี้มีแฟนกี้เลยมาทำงานที่ผับจนเจอเฮีย ปัญหาก็แก้ได้ช่วงหนึ่งแต่สุดท้ายกี้ก็รู้ว่าไม่ควรพึ่งคนอื่นเพราะมันไม่ยั่งยืนกี้เลยกลับมาทำงานให้เหนื่อย กลับบ้านไปช่วงก่อนเข้าเรียนก็จะได้นอนหลับได้ไงคะ เฮียห้ามด่านะ กี้สำนึกแล้วว่าเฮียช่วยสุดๆ แล้วเรื่องแต่งงานให้กี้มีอิสระ กี้จะไม่รบกวนเฮียอีก แต่ให้กี้ทำงานนะคะ กี้ไม่อยากนั่งว่างจนฟุ้งซ่านตอนกลางคืน"
"แล้วทำไมไม่อยู่ห้องเเล้วอ่านหนังสือเรียน"
"กี้อ่านจนไม่รู้จะอ่านอะไรแล้วค่ะ หนังสือพี่อลิซกี้ยังอ่านหมดแล้วให้ไปสอบแทนยังได้เลย" หญิงสาวบอกเซ็งๆ "อีกอย่างถ้าไม่ทำอะไรเหนื่อยๆ นอนไม่หลับหรอกค่ะ"
ในขณะที่ยายตัวร้ายพูดก็เหมือนจังหวะซิทคอมเมื่อเธอมองหน้าเขาแล้วหาวนอนขึ้นมาหน้าตาเฉย หน้าเขาเหมือนเตียงหรือไง เห็นแล้วถึงได้ง่วงขึ้นมาได้
"เฮียรู้ปัญหาของเราแล้ว แต่เฮียไม่อนุญาตให้ทำงานที่นี่เพราะจะเสียการปกครอง" เขาไม่คิดจะประกาศว่าเธอเป็นเด็กเขาอีกต่อไปเพราะอย่างไรเธอก็ไม่อยู่ในลิสต์คนที่เขาจะลากขึ้นเตียงในยามที่ต้องการ แต่การจะตัดขาดบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันก็ยังมีทะเบียนสมรสค้ำคออยู่
"เฮีย" หญิงสาวประท้วงเสียงดัง
"คืนนี้เฮียจะอนุญาตให้นอนห้องกับเฮียได้"
หญิงสาวยิ้มกว้าง พยักหน้าเหมือนได้ทางแก้ปัญหาที่ชอบใจ
"แต่ว่าพรุ่งนี้เฮียจะนัดจิตเเพทย์ให้"
รอยยิ้มบนหน้าของลลิษาเลือนหายไป...
"กี้ไม่อยากหาหมอหรอก หมอก็เอาแต่บอกให้เลิกยึดติดกับคนหรือของซึ่งกี้ไม่มีวันทำได้ อีกอย่างจะให้กินยานอนหลับกี้ก็ไม่กินหรอก กี้ยังเด็กอยู่ไม่กินยาซี้ซั้ว สงสารตับ"
อาคินฟังแล้วเส้นเอ็นข้างขมับตึงเปรี๊ยะขึ้นมาทุกที ถ้าทะเลาะกับเธออีกอาจเส้นเลือดในสมองแตกได้
ลลิษาไม่ยอมหาหมอปรึกษาเพราะคิดว่าตัวเองยังเด็กไม่ควรกินยานอนหลับ แต่ยอมหลอกเขาว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วนอนกับเขาเพื่อจะได้หลับกลับทนได้ ตรรกะอะไรของยายเด็กนี่วะ
"เฮียให้กี้ทำงานนะคะ นะ"
เสียงออดอ้อนของลลิษาดังขึ้น ในขณะที่หูของอาคินกลับได้ยินเหมือนเป็นเสียงที่ห่างออกไป ไม่ใช่เสียงอ้อนวอนเร่งเร้าใกล้หูอย่างที่ควรจะเป็น
หรือว่าเขาจะเส้นเลือดในสมองแตกตายไปแล้วจริงๆ
“กลับบ้านพร้อมเฮียก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน”
เขาสั่งเธอแล้วเดินนำออกไป ลลิษาเดินหน้างอตามไปอย่างเสียไม่ได้
หวังว่าเขาจะไม่บังคับให้เธอไปหาหมอหรอกนะ เพราะมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำ ลลิษาพยายามหาทางแก้ด้วยวิธีอื่นก่อนเพราะอยากหายด้วยตัวเองไม่ใช่ด้วยคนอื่น...