“โอ๊ย!!! ไอ้บ้า ทุ่มลงมาได้ ฉันเจ็บนะ”
“อ้าว! จะเอายังไงกันแน่แม่คุณ เมื่อสักครู่ตะโกนร้องป่าวๆ ให้ผมปล่อย พอผมปล่อยลงพื้น ก็ยังตะโกนร้องโวยวายอยู่อีก”
ราเอลย้อนถาม พร้อมกับยืนกอดอกมองคนที่ร้องโอดครวญอยู่กับพื้นห้อง ขณะเดียวกันพยายามทำหน้าบึ้งตึง ถลึงตาใส่ทิมนิดา ทั้งๆ ที่อยากปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเต็มกำลัง
“แบบนี้เขาไม่เรียกว่าปล่อยลงพื้นหรอกค่ะ เขาเรียกว่าจับทุ่มลงพื้นซะมากกว่า”
ทิมนิดาร้องครวญ ยกมือคลำตรงบริเวณสะโพก เพราะเป็นบริเวณที่ถูกกระแทกกับพื้นแข็งๆ อย่างเต็มที่ และขณะเค้นเสียงเหน็บแนม ก็ไม่ลืมถลึงตาเขียวปั้ดใส่ตัวต้นเหตุด้วย
“เจ็บมากไหมนกยูง”
“ยังจะถามอีก” ทิมนิดาตวาดเสียงแหลมเล็ก เงยหน้ามองคนตรงหน้า ก่อนจะเค้นเสียงตอบอย่างโกรธๆ “เจ็บสิค่ะ ถูกยักษ์ปักหลั่นจับโยนลงมาเต็มแรงแบบนี้ ไม่เจ็บก็แปลกแล้วค่ะ”
คราวนี้ราเอลไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะไว้ได้อีกต่อไป เจ้าพ่อหนุ่มเงยหน้าปลดปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น ขบขันไปกลับคำประชดประชัน รวมทั้งดวงตากลมโตที่จ้องมองอย่างเอาเรื่อง
ฟรานส์กับลูกน้องอีกคน ต่างก็หันมามองหน้ากันด้วยความงุนงง เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้านายหนุ่ม โดย
เฉพาะฟรานส์ ซึ่งทำงานและอยู่ใกล้ชิดกับราเอลเกือบตลอด 24 ชั่วโมง และเขาสาบานได้ว่าไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะจากเจ้าพ่อหนุ่ม ซึ่งหัวเราะด้วยความขบขำ ปลดปล่อยอารมณ์ของความสุขออกมาขณะหัวเราะเหมือนในครั้งนี้ แม้แต่ครั้งเดียว
ทางด้านของราเอลเอง ก็นึกไม่ถึงว่าจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็เป็นไปแล้ว เมื่อสาวสวยจอมดื้อรั้นอย่างทิมนิดาสามารถทำให้เขาหัวเราะได้
“เจ็บชะมัด”
ทิมนิดาบ่นอุบ ยังคงนวดคลึงตรงบริเวณสะโพกของตนเองอยู่เหมือนเดิม โดยไม่รู้ว่าดวงตาคมกริบของเจ้าพ่อหนุ่ม จ้องเป็นมันเต้นระริก ขณะเธอเลื่อนมือเล็กยื่นไปลูบเป็นวงตรงบริเวณสะโพก
“อยากได้คนช่วยนวดให้คลายจากอาการเจ็บปวดไหม นกยูง...”
ไม่ได้ถามด้วยน้ำเสียงสั่นกระเส่าเท่านั้น แต่ราเอลได้ทรุดกายลงนั่งยองๆ ใกล้กับร่างบางระหง ยื่นใบหน้าคมเข้มเข้าไปใกล้ จนกระทั่งลมหายใจอุ่นๆ เป่ารินรดกับพวงแก้มเนียนแดงปลั่ง
“ขอบคุณ ตบหัวแล้วอย่าลูบหลัง ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
ทิมนิดาตวาดกลับ พร้อมกันนั้นก็ยกมือเล็กผลักร่างใหญ่เต็มแรง จนราเอลผงะถอยหลังนั่งแหมะอยู่กับพื้นแข็งๆ บ้าง
เมื่อคลายความเจ็บปวดได้บ้างแล้ว ทิมนิดาพยายามยันกายลุกขึ้นยืน และยังคงยืนกรานความตั้งใจของตนเองตั้งแต่ต้น
“ฟังให้ชัดๆ นะคะคุณราเอล ยังไงๆ ฉันก็ไม่ยอมให้คุณเข้าไปเปิดเซฟในห้องพักของคุณริวาแน่ คุณจะเปิดเซฟได้ก็ต่อเมื่อมีคุณริวาอยู่ด้วย”
ใช่ว่าจะมีแค่เพียงทิมนิดาที่ยืนกรานความต้องการของตนเอง เจ้าพ่อหนุ่มแห่งอัซซูรีลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เต็มความสูง เค้นเสียงตอบถึงความต้องการของตนเองเช่นเดียวกัน
“ผมก็จะเปิดเซฟของริวาให้ได้เช่นเดียวกัน ถึงจะเปิดในวันนี้ไม่ได้ แต่สาบานได้ว่าผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าริวาเก็บอะไรไว้ในเซฟ และที่สำคัญผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของริวาหรือเปล่า”
ทิมนิดาตีหน้าบึ้งแสดงอาการไม่พอใจให้เห็นกับคำปรักปรำของราเอล “จะบ้าหรือยังไง ฉันจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน”
“เงิน...”
ราเอลเค้นเสียงเยาะ สร้างความโกรธจัดให้กับทิมนิดาซึ่งเค้นเสียงตอกกลับในทันที ก่อนเจ้าพ่อหนุ่มจะทันได้พูดจบประโยคด้วยซ้ำไป
“หยุดปรักปรำฉันได้แล้ว ฉันไม่เคยต้องการเงินของลูกชายคุณ และฉันไม่เคยคิดเอาเท้าไปแหย่ในคุกเหมือนที่คุณกำลังใส่ร้ายอยู่ในขณะนี้”
“ถ้าคุณบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของริวา คุณต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ผมเห็น”
“ยังไง? ฉันต้องทำยังไงไม่ทราบ”
นอกจากจะแสดงให้เห็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของทายาทมหาเศรษฐีรายนี้แล้ว ทิมนิดาเองก็อยากให้ทุกคนตามหาริวาพบโดยเร็วที่สุด ก่อนหนุ่มน้อยคนนี้จะได้รับอันตรายที่อยู่รอบตัวเขา
ราเอลขยับกายเข้าไปใกล้ทิมนิดามากกว่าเดิม ก่อนจะเอ่ยบอกในสิ่งที่ตนเองต้องการ “ให้ความร่วมมือกับผม ในการตามหาริวาจนกว่าจะพบเขา”
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะให้ความร่วมมือกับคุณ จะให้ฉันทำอะไรบ้าง ก็บอกมาสิค่ะ”
“อันดับแรก ผมต้องการเปิดห้องพักในรีสอร์ทของคุณ”
“ได้ค่ะ ตามบัญชาเลยค่ะ เอาห้องดีลักซ์ ที่แพงและหรูที่สุดเลยไหมคะ จะได้สมกับฐานะของคุณ”
ราเอลยักไหล่ใส่ ไม่สนใจราคาค่าห้องที่ทิมนิดากำลังเอ่ยประชดประชัน
“ผมไม่เกี่ยงเรื่องราคา แต่ถ้าให้ดี ขอเป็นห้องพักที่อยู่ติดกับห้องของคุณก็แล้วกัน”
“ฝันไปเถอะ”
ทิมนิดาเค้นเสียงตอบ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของตนเอง แล้วเรียกให้พนักงานในรีสอร์ทไปเปิดห้องพักให้กับราเอลและลูกน้องของเขา
ราเอลมองตามร่างบางระหงของทิมนิดาอย่างไม่ละสายตา บอกเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมจู่ๆ ถึงเกิดความรู้สึกอยากได้หญิงสาวคนนี้มาไว้ในครอบครอง จนกระทั่งยอมอ่อนข้อให้กับเธอ ทั้งๆ ที่คนอย่างเจ้าพ่อราเอลไม่เคยยอมใครมาก่อนในชีวิต
การมาเยือนแผ่นดินไทยในคืนวันแรก ราเอลไม่ได้ออกไปท่องราตรี เที่ยวผับ เที่ยวบาร์เฉกเช่นนักท่องเที่ยวรายอื่นๆ ที่มักจะออกไปเที่ยวชมแสง สี เสียงของเมืองภูเก็ตในยามค่ำคืน คงมีแค่เพียงฟรานส์และลูกน้องอีกหนึ่งคนเท่านั้น ที่ ออกไปจากรีสอร์ทในทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน
ทว่าพวกเขาไม่ได้ไปเที่ยวอย่างที่ควรเป็น แต่ฟรานส์ได้ออกไปหาข้อมูลของริวาตามสถานบันเทิงต่างๆ ที่คิดว่าอาจจะมีเบาะแสของริวาบ้าง
ส่วนเจ้าพ่อราเอลนั้น ได้นั่งเงียบอยู่ในห้องพัก รอเวลาสำหรับการปฏิบัติการที่เขาตั้งใจจะทำตั้งแต่วินาทีแรกที่ทิมนิดาปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าไปในห้องพักของริวา