7 วัวสันหลังหวะ

2511 คำ
ออกจากคอนโดมาแล้วฉันเดินตามทางถนน เดินร้องไห้ไม่สนใจว่าใครจะมอง ไม่แคร์สายตาชาวบ้าน ทั้งที่ใจหนึ่งก็เตรียมไว้แล้วว่าสักวันพี่กองทัพคงเบื่อแต่พอเกิดขึ้นจริง ๆ กลับรับไม่ได้ ไหนจะเสียใจกับเรื่องที่เขาให้ไปเอาเด็กออก เสียใจที่รักคนผิด เสียใจที่เกิดมาโง่ มันรู้สึกจุกแน่นอกไปหมด ไม่เข้าใจหัวใจผู้ชายคนนี้ทำด้วยอะไรถึงคิดฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไขได้ลง ทำไมตัดสินใจได้เร็วขนาดนั้น หรือว่าเขาไม่มีหัวใจ ชีวิตของฉันในตอนนี้มีเพียงเช็คเงินสดห้าแสนบาทเท่านั้นที่ติดตัวมา เหลือญาติคนเดียวที่มีมาตั้งแต่เด็กและลูกในท้องที่กำลังจะเกิด ฉันคงต้องเอาเช็คไปขึ้นเงินแม้จะไม่อยากใช้แต่ก็ต้องใช้เพราะไม่มีทางเลือก จากนั้นก็ซมซานกลับไปหาน้าวันที่พึ่งทางใจสุดท้ายของฉัน มารหัวขนที่เขาเรียกเป็นเด็กเกิดจากความผิดพลาดก็จริง แต่ฉันไม่คิดจะฆ่าเด็กในท้องอย่างที่เขาบอกไว้ ฉันจะเก็บลูกไว้ ใจฉันไม่ดำขนาดฆ่าลูกในไส้ตัวเองได้ลงคอ ฉันทำไม่ได้ ยังไงก็ทำไม่ได้ เด็กไม่รู้เรื่อง เมื่อเขามาเกิดเขาควรได้เกิด ฉันจะดูแลเองและพี่กองทัพกับฉันไม่มีวันเจอกันอีก หลังจากที่จัดการเรื่องเช็คเรียบร้อย ฉันกลับมายืนที่ห้องเช่าเก่า ๆ ยืนทำใจก่อนจะเข้าไปเผชิญหน้ากับน้าวัน น้ารู้ความจริงน้าคงจะเสียใจมาก แต่จะทำยังไงได้เรื่องมันเกิดไปแล้ว ฉันเชื่อว่าน้าวันต้องให้ฉันเก็บเด็กไว้ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินเข้าบ้าน อะไรจะเกิด คงต้องเกิดในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว “อ้าว เบลล์มายังไงลูกไม่เห็นโทรบอกน้าก่อน” เมื่อฉันเดินเข้ามาในห้องเช่าเล็ก ๆ น้าวันที่กำลังทำกับข้าวยิ้มรับและเอ่ยถาม “...” ฉันไม่พูดอะไรเอาแต่จ้องหน้าน้าวันด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นนั่งลงที่พื้นกราบที่เท้าของน้าวันที่เลี้ยงดูฉันเปรียบเสมือนฉันคือลูก วันนี้ฉันทำเรื่องผิดพลาด เป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ฉันทำให้น้าวันต้องอับอาย อุ้มท้องกลับมาหาน้าโดยที่พ่อของลูกไม่สนใจไยดี “เบลล์เป็นอะไรลูก ค่อย ๆ คุยกัน น้าอยู่ตรงนี้มีอะไรระบายไหม” น้าวันปิดแก็สแล้วนั่งลงข้างฉัน โอบกอดฉันไว้ อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของคนที่เลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ชีวิตนี้จะลำบากไปบ้าง แต่ฉันก็มีความสุข “เบลล์ขอโทษนะคะน้า ฮือ ฮือ ฮือ เบลล์ขอโทษ” ฉันกอดน้าวันแนบแน่น รู้สึกผิดเกินจะบรรยาย น้ำตาที่เพิ่งแห้งเหือดเมื่อได้เห็นความรักความเป็นห่วงจากญาติเพียงคนเดียวที่มีมันก็พรั่งพรูไหลออกมาไม่จบสิ้น ร้องไห้ปานจะขาดใจตาย “เล่าให้น้าฟังได้ไหม เสียใจเรื่องอะไร ขอโทษเรื่องอะไร” เสียงของน้าวันกำลังสั่นเพราะเห็นว่าฉันร้องไห้ ฉันกำลังทำให้ผู้มีพระคุณทุกข์ใจ ทำไมฉันมันบาปได้ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวบรวมความกล้า พยายามหยุดสะอื้นและบอกกับน้าวัน “เบลล์ท้องค่ะน้า ฮือ ฮึก ฮือ พ่อของเด็กมันโยนเงินให้เบลล์ห้าแสนให้เอาเด็กออก ฮึก ฮึก แต่เบลล์ทำไม่ได้ เบลล์ฆ่าเขาไม่ได้ ฮือ เขาเป็นลูกเบลล์ เบลล์ไม่อยากทำร้ายเขา” “...” เมื่อน้าวันได้ฟังก็ปล่อยโฮออกมา น้าร้องไห้อย่างหนัก ฉันกราบที่หน้าอกของน้าวัน ฉันชั่วเหลือเกินทำญาติคนเดียวที่ฉันมีร้องไห้เสียน้ำตา “เบลล์ขอโทษ ขอโทษที่เบลล์ทำตัวไม่ดี เบลล์เลว เบลล์...” น้าวันเช็ดน้ำตาและส่งรอยยิ้มให้พร้อมกับปลายนิ้วที่ยื่นมาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าให้ฉัน “ไม่ร้องแล้วเนอะ กินข้าวกันดีกว่า ป่านนี้ตัวเล็กในท้องคงหิวแล้ว” “น้าวัน เบลล์ขอโทษ น้าตีเบลล์ด่าเบลล์เลยค่ะ” ฉันละอายใจเหลือเกินทำไมน้าไม่โกรธ ทำไมน้าไม่ต่อว่าอะไรฉันเลย “ไม่ต้องคิดมากนะเบลล์ ผิดแล้วก็ให้มันผิดไป ไม่มีใครไม่เคยทำผิด น้าดีใจนะที่เบลล์ไม่ทำแบบที่ผู้ชายคนนั้นมันบอก น้าดีใจที่หนูคิดถึงน้า กลับมาอยู่ด้วยกัน เริ่มต้นใหม่ลูก ใครไม่รักก็ช่างหัวมันสิ น้ารักเบลล์นะ” น้าวันลูบที่ศีรษะของฉันมืออีกข้างกอดฉันไว้ จริงด้วย ฉันยังมีน้าวันและยังมีอีกชีวิตที่กำลังจะเกิด ฉันต้องเริ่มต้นใหม่ ชีวิตคนเราได้ผิดพลาดย่อมแก้ไขและเริ่มใหม่ได้ ขอเพียงแค่อย่าทำผิดซ้ำซาก สามเดือนต่อมา... “นี่ ๆ หลานอีวันมันท้องไม่มีพ่อรู้หรือยัง” เสียงของป้าที่เช่าห้องข้าง ๆ ป้าแกทำอาชีพขายของตามตลาดนัด แกกำลังกระซิบกระซาบกับเพื่อนข้างห้องอีกคน “เออ คนเขาลือกันทั่วว่าผัวมันไม่เอาลูกมันถึงซมซานกลับมาหาน้ามัน” เสียงผู้หญิงอีกคน “น่าสงสารอีวันมันนะ ต้องได้เลี้ยงหลานอีก อีแอ้น! มึงดูไว้เป็นบทเรียนนะแล้วอย่าแรดไปให้ใครเขาเอาแบบหลานอีวัน” “แหม แม่ หนูไม่โง่พลาดท้องแบบพี่เบลล์มันหรอก” เสียงเด็กผู้หญิงที่ฉันเคยเห็นหน้าคร่าตาเป็นประจำพูดขึ้น ไม่เถียงนะ ก็ฉันมันโง่จริง ๆ “เอ๊ะ! อีนี่มึงพูดเหมือนจะไปแบให้ใครเอา” “พวกมึงนี่ปากส้นตีนจริง ๆ ครอบครัวกูจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของกู เก็บปากพวกมึงไว้แดกข้าวดีกว่ามาเสือกเรื่องของหลานกู อีพวกปากเน่า” เสียงด่าทอของน้าวันดังขึ้นทำให้ฉันรีบเปิดประตูห้องเช่าออกไปเพื่อหยุดอารมณ์โมโหของน้า “ช่างเขาเถอะค่ะน้า เขาอยากจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาไป เบลล์ก็ท้องไม่มีพ่ออย่างที่เขาพูดจริงๆ ในเมื่อเขาพูดเรื่องจริงเราจะไปห้ามได้ไงคะน้า” ฉันรีบจับมือข้างที่ถือแผงไข่ไก่ของน้าวันไว้ด้วยเดาว่ามันกำลังจะถูกโยนลงวงของเพื่อนข้างห้อง “เออ อีเบลล์มันยังไม่ว่าเลยมึงจะมาเดือดร้อนอะไรอีวัน ในเมื่อมึงเลี้ยงมันไม่ดี มันเลยมีผัวแล้วท้องโย้กลับมา ให้เขาเอาฟรี ๆ ทำตัวไม่มีราคาใครมันจะรับผิดชอบหรือมึงจะบอกว่าไม่จริง” ป้าที่มีอาชีพขายของตามตลาดนัดพูดขึ้นพร้อมมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่หยามเหยียดและเดียดฉันท์ ตุบ! ป้าคนนั้นตกเก้าอี้ไปแล้วด้วยฝีเท้าของน้าวัน หลังจากนั้นก็เกิดการตะลุมบอล และจบลงที่โรงพักเสียค่าปรับไปโดยปริยาย “เจ็บมากไหมคะ น้าไม่น่าจะไปสนใจคำพูดคนพวกนั้นเลย” ฉันกำลังนั่งทำแผลให้น้าวันหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน สภาพของน้าวันเละตุ้มเป๊ะ “ก็พวกมันอยากปากหมา มาด่าหลานสาวน้าทำไมล่ะ ลูกตัวเองยังเลี้ยงไม่ดี มีหน้ามาว่าคนอื่น” น้าวันยังคงมีอารมณ์ฉุนเฉียวพร้อมจะปะทะเสมอ แบบนี้คงลำบากเพราะอยู่ห้องข้างกัน “ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ ใครอยากพูดก็ให้เขาพูด ในเมื่อมันคือความจริงแก้ตัวอะไรคงจะไม่ขึ้น เราย้ายไปอยู่ที่ใหม่กันไหมคะจะได้ไม่เกิดปัญหากันอีก” “น้าไม่กลัวอะไรหรอก น้าพร้อมรบตลอด แต่ถ้ามันทำให้เบลล์ไม่สบายใจย้ายก็ดีเหมือนกัน” น้าวันที่อยู่ในสภาพยับเยินจากการตบตีส่งยิ้มมาให้ฉัน แสนดีกับฉันเหลือเกิน ย้ายก็ดี น้าของฉันจะได้ไม่ต้องอายคนแถวนี้ สามเดือนผ่านไป... ตอนนี้ฉันใกล้คลอดเต็มที เหลืออีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ฉันย้ายจากห้องเช่าที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็ก เปลี่ยนมาเป็นบ้านเช่าในอีกอำเภอหนึ่งซึ่งใกล้ที่ทำงานของน้าวันมากกว่าเดิม เพื่อนบ้านต่างคนต่างอยู่ไม่วุ่นวายเหมือนห้องแถวห้องเช่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันต้องไปฝากท้องคนเดียวเพราะน้าวันทำงาน น้าวันไม่ให้ฉันทำงาน น้าบอกว่าท้องอยู่ต้องดูแลตัวเองให้ดีเพื่อเด็กในท้อง ฉันจึงแบ่งเลาด้วยการทำงานบ้าน ทำกับข้าวไว้รอน้า เงินที่ใช้ดูแลลูกตั้งแต่อยู่ในท้องเป็นเงินที่ได้มาพี่กองทัพ เงินที่เขาบอกให้ฉันเอามาจัดการมารหัวขนสำหรับเขาไง ฉันไม่ได้ขัดคำสั่งเขานะ เขาบอกให้จัดการฉันก็กำลังทำ แค่วิธีการจัดการของเราต่างกัน ความจริงไม่อยากจะใช้เงินของเขา ทว่าความจนทำให้ไม่มีทางเลือกฉันจึงใช้เงินก้อนนี้ระหว่างที่ยังท้อง เนื่องจากไม่อยากรบกวนน้าวันจนเกินไป อะไรที่ช่วยแบ่งเบาได้ฉันก็พร้อมที่จะแบกรับ ต่อมาไม่นาน ฉันคลอดลูกสาวตัวอ้วนกลม หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารัก น่าเอ็นดู หมูน้อยคือชื่อของเธอ หมูน้อยมีใบหน้าที่เหมือนฉันทุกอย่าง ไม่มีส่วนไหนที่คล้ายคนใจร้ายคนนั้นสักนิด ฉันเลี้ยงหมูน้อยให้เวลากับลูกจนถึงเธออายุสี่เดือน ฉันก็เริ่มออกหาสมัครงานทั้งทางออนไลน์และเดินทางไปสมัครถึงที่บริษัท มันคือความโชคดีที่มีคนรับฉันเข้าทำงานพอดี ฉันได้งานในตำแหน่งเลขานุการ เหตุผลเพราะเลขานุการคนเก่าเสียชีวิต และมันคงเป็นความบังเอิญหรืออะไรหลาย ๆ อย่าง จึงทำให้ฉันได้งานนี้ เมื่อฉันเริ่มทำงาน ฉันจึงให้น้าวันเลิกทำงาน ให้น้าออกมาดูแลหมูน้อยและฉันจะเป็นคนทำงานเอง ปัจจุบัน หมับ! ตัวฉันถูกดึงเข้าไปกอดขณะที่กำลังหวนคิดถึงอดีตที่แสนโสมม “เบลล์จริง ๆ ด้วย ฉันคิดถึงแกที่สุด” น้ำเสียงไพเราะที่ฉันเคยได้ยินและคุ้นเคยมาเนิ่นนาน เจ้าของเสียงคือคนที่ฉันรู้สึกผิดต่อเธออยู่ทุกวัน มิ้มผละกอด เริ่มสำรวจร่างกายแล้วส่งยิ้มมาให้ “…” ฉันยิ้มรับเพราะไม่รู้ควรพูดอะไร กี่ปีมาแล้ว ก็นึกว่าหนีพ้นแต่มันไม่ใช่เลย เหลือบมองผู้ชายคนนั้นที่กำลังมองฉัน เขายกยิ้มที่มุมปากแบบร้าย ๆ สไตล์เดิมของเขา “แกหายไปไหนมา ฉันไปหาที่ห้องเช่าเจ้าของเขาก็บอกแกย้ายไปนานแล้ว ฉันมีเรื่องพูดกับแกเยอะมากเลยรู้ไหม คิดถึงแกมากที่สุดเลย” มิ้มเพื่อนที่แสนดีของฉันยิ้มอย่างดีใจ แต่ฉันนี่สิทำได้แค่เจื่อนยิ้มให้เธอ “มิ้มรู้จักหนูรัศมี เลขาคนเก่งของพ่อด้วยเหรอลูก” ท่านประธานคนเก่า อดีตบอสที่ฉันเคารพรักเอ่ยถามมิ้ม เขาเป็นพ่อของพี่กองทัพงั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันควรทำยังไง ถ้าอดีตฉันถูกขุดขึ้นมาล่ะ “เพื่อนรักของมิ้มที่มิ้มเคยบอกพี่กองทัพว่าจู่ ๆ ก็หายไปติดต่อไม่ได้ไงคะ ที่ไหนได้มาทำงานเป็นเลขาให้คุณพ่ออยู่ที่นี่เอง อยู่ใกล้แค่นี้เอง” มิ้มหันไปตอบคำถามของบอสคนเก่าแล้วก็หันยิ้มให้ฉัน “เบลล์นี่ไงพ่อสามีของฉัน ฉันแต่งงานกับพี่กองทัพมาสามปีแล้วนะ ฉันติดต่อแกไม่ได้เลยตอนนั้น ทั้งที่อยากจะให้แกไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว แกนะแกฉันโคตรน้อยใจเลย” มิ้มทำหน้าบึ้ง แต่พูดเจื้อยแจ้วเสียงใสมีความสุข เธอคงน้อยใจที่ฉันหายไป แต่ไม่นานเดี๋ยวก็หาย ฉันนี่สิเริ่มเครียดที่จะต้องมาร่วมงานในฐานะเลขานุการของสามีเพื่อน ถ้าเราทั้งคู่ไม่เคยทำเรื่องเลวทรามด้วยกัน ฉันจะไม่กังวลอะไรเลย แต่นี่ไม่ใช่ไง ฉันเริ่มหวาดระแวง เรื่องเก่า ๆ จะแดงไหม เรื่องของเราเขายอมจบจริงหรือเปล่า ที่เกิดความระแวงเพราะสายตาที่เขากำลังมองมามันดูสนุกสะใจท้าทาย ทำให้ฉันรู้สึกขนลุก ใจหวั่นกลัว กลัวว่าเขาจะเปิดโปง ฉันกำลังเป็นวัวสันหลังหวะ “พอก่อนนะลูก เดี๋ยวค่อยคุยกันนอกรอบ ตอนนี้มาแนะนำท่านประธานคนใหม่ก่อน” บอสคนเก่าของฉันเริ่มแนะนำลูกชายให้พนักงานรู้จัก จากนั้นทุกคนแยกย้ายทำงานส่วนของตัวเอง บอสคนเก่าที่ฉันเคารพรักท่านกลับไปพักผ่อนที่บ้านหลังจากที่แนะนำลูกชายของท่านเสร็จ “แกเดี๋ยวฉันต้องกลับก่อนนะ มีธุระสำคัญมากจริง ๆ แล้วฉันจะไลน์หาแกนะ มีเรื่องโม้เพียบเลย” มิ้มเดินเข้ามากอดลาแล้วหันไปพูดกับสามีของเธอด้วยใบหน้าและน้ำเสียงน่ารัก “คุณบอสอย่าใช้งานเพื่อนหนูหนักนักนะคะ” “เดี๋ยวพี่ไปส่งที่รถนะที่รัก” พี่กองทัพคว้ามือบางของภรรยาออกไป ก่อนที่ลิฟต์จะปิดเขามองมาที่ฉันแล้วยกยิ้มมุมปากแบบวายร้าย สายตาของเขา รอยยิ้มของเขามันร้ายกาจ ทำให้ฉันรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย ฉันควรจะอยู่ให้นิ่งหรือดิ้นพล่าน เวลา 10:20 น. ก๊อก ก๊อก ก๊อก! “เข้ามา” เสียงทุ้มเอ่ยจากภายในห้อง ฉันที่เคาะประตูจึงเปิดประตูเดินเข้าไปเมื่อได้รับอนุญาต ฉันต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานให้ออก ห้ามเอามาปะปนมันจะทำให้เสียงาน “บอสคะวันนี้บ่ายสี่โมงมีพบคุณดนัย คุณดนัยเป็นลูกค้าคนสำคัญ บอสน่าจะรู้จักคุณดนัยจากการอ่านรายงานทุกอย่างมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ” ฉันวางเอกสารการนัดเจรจาธุรกิจกับลูกค้าคนสำคัญไว้ที่โต๊ะของท่านประธาน เขากำลังที่นั่งมองจอคอมพิวเตอร์ เมื่อเขาพยักหน้ารับ ฉันจึงหันหลังเพื่อเดินออกจากห้องทำงาน “สบายดีใช่ไหม” เสียงทุ้มดังขึ้นระหว่างที่มือฉันกำลังจะผลักประตู ฉันจึงต้องหันไปตอบคำถาม “คุณดนัยท่านสบายดีค่ะ ไม่จำเป็นต้องซื้อของไปเยี่ยม ท่านไม่ชอบให้มีของติดไม้ติดมือไป” กรีดยิ้มให้บอสหน้าหล่อแต่สันดานเลวทรามและเดินออกมาจากห้องไม่สนใจว่าเขาจะทำหน้ายังไงในคำตอบของฉัน ต้องนิ่งแค่ไหน ถึงจะไม่หวนคิดถึงเรื่องเลว ๆ ที่ผ่านมา!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม