วิศวะขย้ำรัก
(Engineer'nTaboo)
EPISODE2
ณ ร้านบาร์เบอร์ชื่อดัง
"ไอ้ไมล์มึงจะทำสีนี้จริงดิ เดี๋ยวแม่มึงก็บ่นหรอก พรุ่งนี้คณะมีกิจกรรมนะเว้ย" หลังจากที่องศาและบีเบสท์รับพันไมล์มาจากโรงแรมม่านรูดเล็ก ๆ ห้องแคบราวกับรูหนูที่แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเอาผู้หญิงมาค้างคืนที่แบบนั้นได้ยังไง พันไมล์ก็ให้พวกเขาพามาที่ร้านทำผมร้านประจำ
"งั้นกูทำสีน้ำเงิน" พันไมล์ที่นั่งอยู่หน้ากระจกเอ่ย ทำให้บีเบสท์หันไปไหวไหล่ให้องศาที่พยายามห้ามจนปากจะฉีกตั้งแต่ในรถ แต่ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี
"แล้วแต่มึงเลย แดงก็แดง อยากโดนฝ่ายปกครองเขม่นก็ตามใจ" องศาว่าเสียงขุ่นราวงอนเพื่อน ก่อนเดินไปทิ้งตัวที่โซฟา นอนเอาแรงรอ
"แหม…ดูหน้าแต่ละคนเหมือนยังไม่ตื่นดี กินกันหนักเหรอคะเมื่อคืน" พี่เจ้าของร้านเอ่ยแซวขำ ๆ ทำให้พันไมล์มองเธอผ่านบานกระจก
'กินหนัก' ไหมพันไมล์ไม่รู้ ที่รู้ ๆ คือเลือดเต็มเตียง ถุงยางเต็มกล่อง ให้ตาย! เขามีอะไรกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้แบบไม่ได้ป้องกัน แถมไม่รู้ด้วยว่าแตกในไปกี่น้ำ ตอนตื่นมาเห็นว่าเจ้าของร่างจิ๋ว ๆ ราวเด็กมัธยมนั่นกำลังจะย่องออกไป เขาก็อุตส่าห์เรียกเธอไว้จะถามอาการ แต่เจ้าของใบหน้าที่สวมแมสก์ปิดบังไว้กลับทำตาโตใส่เหมือนตกใจสุดขีด แล้ววิ่งหนีออกไปพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตของเขานี่สิ
พันไมล์ไม่เคยเจอใครที่ดูแปลกเท่าผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย นอกจากจะไม่เรียกร้องขอความรับผิดชอบจากเขาแล้ว เธอยังวิ่งหนีไปดื้อ ๆ อีกต่างหาก แต่มันก็ดีหน่อยตรงที่ตอนนี้เขารู้จักใบหน้าค่าตาของเธอผ่านบัตรนักศึกษาที่เธอทำหล่นไว้ แถมไอ้ห้องสับปะรังเคนั่นคนที่ลงชื่อเปิดไว้ก็เป็นเธอ ทำให้พันไมล์รู้ถึงเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเธอไปด้วย
"เปลี่ยนสีเสร็จ ตัดทรงนั้นให้ทีนะครับ แต่เอาปลายข้างหลังยาวเท่าเดิม" น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ย พลางชี้นิ้วไปยังแบบผมที่ติดอยู่บนผนังร้าน
"ได้จ้า ตาแหลมนะเราเนี่ย ทรงนั้นเข้ากับโครงหน้าหล่อ ๆ ของเราพอดีเลย" พี่เจ้าของร้านว่า
ณ หอพักรวมMDL
หลังซักเสื้อแจ็คเก็ตเสร็จเจ้าของร่างเล็ก ๆ ก็พาตัวเองมาอาบน้ำอาบท่าเพื่อจะนอนพักร่างแสนเหนื่อยล้าและปวดระบมราวเนื้อตัวจะฉีก ทว่าเมื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า ซินก็ต้องตกใจเมื่อร่างกายเธอนั้นมันเต็มไปด้วยรอยขบกัด ไม่สิ! รอยที่มันไม่ได้เป็นแผลแต่แดงจ้ำ ๆ แบบนี้เขาเรียกว่า 'รอยดูด' สินะ
ผู้ชายคนนั้นทำรอยไว้บนตัวเธอมากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เธอเป็นคนเมาที่อุตส่าห์ช่วยลากถูลู่ถูกังเขาขึ้นมาจากข้างทางแท้ ๆ แต่ดูเหมือนการทำบุญกับผู้ชายแปลกหน้าที่เมาจนคุยกันไม่รู้เรื่องจะให้โทษมากกว่าที่คิด เธอไม่น่าเมาจนไร้สติแล้วใจดีไปช่วยเขาเลย ถ้าช่วยแล้วเรื่องราวมันจะกลายเป็นแบบนี้
และเรื่องความสัมพันธ์ชั่วคืนกับเขาที่ซินไม่คิดโทษเขาฝ่ายเดียวก็เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีสติยั้งคิด คนพลาดย่อมต้องดูแลตัวเอง นั่นคือสิ่งที่เธอคิดได้เมื่อลืมตาตื่น
แต่ว่า…ไอ้ความเจ็บที่ส่วนหวงแหนก็ทำให้เธอนิ่วหน้าจนต้องเลื่อนมือไปแตะ ๆ มันดูอีกครั้ง ก็พบว่ามันบวมมากจริง ๆ
จำได้ว่าคนที่เธอเผลอไปมีอะไรด้วยนั้นทำผมสีบรอนซ์อ่อนราวชาวต่างชาติ ร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามสวย ผิวพรรณขาวจัดราวผู้ดี และเพราะเขานอนคว่ำอยู่เธอจึงไม่ได้เห็นหน้าตาของเขาชัด ๆ รู้เพียงว่าแผ่นหลังของเขามีรอยสักรูปเสือโคร่งตัวใหญ่ท่าทางน่าเกรงขาม ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองคงเผลอไปเก็บลูกหลานมาเฟียเข้าเสียแล้ว แต่ในเมื่อเขาบอกว่ายังเรียนอยู่ ก็คงจะไม่ใช่คนเถื่อนเทือก ๆ นั้นหรอกมั้ง ไม่อย่างนั้นชีวิตน้อย ๆ ของเธอจะวุ่นวายแค่ไหนล่ะ ถ้าดันไปยุ่งเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลเข้า แค่คิดถึงความยุ่งยากซินก็ขนลุกแล้ว
"เฮ้อ! หวังว่าจะไม่เจอกันอีกนะ มหา'ลัยกว้างใหญ่ถึงขนาดนั้นนี่นา เราคงไม่ซวยเจอเขาหรอกมั้ง พรุ่งนี้รีบฝากเสื้อแล้วส่งข้อความบอกเขา จากนั้นก็บล็อกไอดีไปเลยดีกว่า" สาวน้อยพึมพำกับตัวเอง
วันต่อมา…
ณ มหาวิทยาลัยเอกชน MDL
ติ๊ง!
เสียงเตือนของข้อความในแอปพลิเคชันสีเขียวทำให้พันไมล์ที่เพิ่งเลี้ยวรถเข้ามายังลานจอดฝั่งวิทยาลัยเฉพาะช่าง MDL หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นผู้หญิงคนนั้นที่ส่งข้อความมาแต่เช้า
[SinSin : ฝากเสื้อไว้ป้อมยามแล้วนะ อย่าลืมแวะมาเอาล่ะ ขอบคุณที่ฝากบัตรไว้ให้ค่ะ]
หลังเปิดอ่านแชทชายหนุ่มได้แต่หยิบแมสก์ออกมาสวมปิดบังโฉมหน้าไว้ส่วนหนึ่ง ก่อนจะล้วงเอาป้ายคล้องคอที่ได้มาจากรุ่นน้องปี 2 เสียบใส่กระเป๋าหลังกางเกงไว้ เปิดเทอมแล้ว กิจกรรมรับน้องกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง และครั้งนี้พวกเขาซึ่งเป็นรุ่นพี่ปี 3 ก็ต้องเข้าร่วมกิจกรรมการจับบัดดี้เสียด้วยสิ
"ฉันอยากรู้นักว่าเธอจะทำหน้ายังไง ถ้ารู้ว่าเราเรียนคณะเดียวกัน" พันไมล์พึมพำ ก่อนจะหยิบกล่องบุหรี่และกระเป๋าสะพายคาดอกก้าวลงจากรถไปอย่างคนที่มีเรื่องสนุกรออยู่เบื้องหน้า