น้ำฝนตื่นเช้าตามความเคยชิน แม้วันนี้จะเป็นวันหยุดของกายก็ตามที ร่างบางหมุนไปหมุนมาในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้เจ้าของบ้านที่เธออยู่อาศัยมาร่วมปีกว่า ตั้งแต่หอบเสื้อผ้ามาจากต่างจังหวัด ก็เข้ามาขอพักอาศัยกับพี่สาวที่บ้านหลังนี้ ทำหน้าที่ดูแลบ้านทุกอย่างแทนพี่สาว แม้กระทั่งซักเสื้อผ้าไปถึงชั้นในก็ทำมาแล้ว เพื่อแลกกับที่ซุกหัวนอนและอาหารเลี้ยงปากท้อง
เมื่อเตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อย น้ำฝนก็เดินขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน เพื่อมาปลุกเจ้าของบ้านที่ไม่รู้ป่านนี้ตื่นหรือยัง แม้เธอและกายจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าพี่เขยและน้องเมีย ทว่าเธอก็เป็นได้แค่ที่ระบายความต้องการของเขา เป็นเพียงตัวแทนของพี่สาว เป็นได้แค่นั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ยืนรออยู่หน้าห้องจนแน่ใจว่าเจ้าของห้องไม่ได้กำลังเดินมาเปิดประตูห้องให้ น้ำฝนจึงลองเคาะประตูอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะเปิดประตูให้แต่อย่างใด จึงลองถือวิสาสะหมุนประตูลูกบิดเปิดออกดู ก็พบว่าประตูห้องไม่ได้ล็อก น้ำฝนชะเง้อคอเข้ามาในห้อง ก็พบว่าบนเตียงกว้างไม่มีชายหนุ่มอยู่บนนั้น มีเพียงผ้าห่มที่วางม้วนไว้
“พี่กายคะ” ร่างบางเดินเข้ามายืนกลางห้องนอน เพื่อมองหาเจ้าของห้องที่เธอแน่ใจว่าเขายังไม่ได้ออกไปข้างนอก เพราะรถยังจอดอยู่ที่โรงจอดรถ
เสียงน้ำไหลในห้องน้ำทำให้น้ำฝนเข้าใจดีทุกอย่าง จึงเดินมาจัดการกับผ้าห่มที่วางกองไว้ จัดเก็บที่นอนให้เป็นระเบียบ จากนั้นก็เดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดมาเตรียมให้ชายหนุ่ม
“จะทำอะไร” หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเสียงห้วนดังขึ้นด้านหลัง รีบหันกลับมาเผชิญหน้ากัน และก็ต้องใจสั่นเมื่อเห็นเรือนร่างกำยำยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลาแม้จะบึ้งตึงไม่พอใจ แต่ก็ดูดีมีเสน่ห์ แผ่นอกขาวน่าลูบไล้ กล้ามท้องแน่นเห็นลอนกล้าม มีขนอ่อนขึ้นมารำไรจนถึงสะดือ ตามร่างกายยังมีหยดน้ำเกาะประปรายดูเซ็กซี่ชวนละลาย จนน้ำฝนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ
กายที่เห็นท่าทางของน้องเมียก็แสยะยิ้มเยาะเย้ย เดินเข้ามายืนตรงหน้าหญิงสาว เชยคางมนขึ้นให้สบสายตาดูแคลนของตน
“อยากเหรอ เข้ามาอ่อยถึงในห้องนอนฉันขนาดนี้” คนถูกถามหน้าชา กะพริบตาปริบๆ เพื่อขับไล่ความรู้สึกก่อนหน้าออกไป รีบปฏิเสธรัวเร็ว
“มะ ไม่ใช่ค่ะ ฝนแค่จะมาตามพี่กายไปกินข้าวเช้า แต่ฝนเคาะประตูห้องแล้วพี่กายไม่เปิดก็เลยเปิดประตูเข้ามา แล้วก็กำลังจะหาเสื้อผ้าให้พี่ใส่”
“ดูแลฉันดีขนาดนี้ คิดว่าฉันจะยกเธอขึ้นมาเป็นเมียหรือไง อย่างเธอก็เป็นได้แค่ตัวแทนของพี่สาวเธอเท่านั้น เป็นที่รองรับความโกรธ เป็นที่ระบายความแค้นแทนพี่สาวของเธอไง” สะบัดมือออกจากคางจนหน้าของน้ำฝนหันไปตามแรง
ความเจ็บไหลทะลักเข้ามาสู่หัวใจ หันกลับมาจ้องหน้ากายด้วยความเสียใจ ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรของเธอกัน ถึงได้มีแต่คนทำร้ายหัวใจ มีแต่คนจ้องแต่จะเหยียบย่ำซ้ำเติมให้เจ็บปวดอยู่ร่ำไป
“ฉันไม่ชอบให้ใครมายืนจ้องหน้า ไปหาเสื้อผ้าในตู้มาให้ฉันใส่ วันนี้ฉันไม่ไปไหนจะอยู่บ้าน” น้ำฝนหมุนกลับไปหาเสื้อผ้าให้กายโดยไม่เอ่ยอะไรกลับมา เพราะไม่อยากทะเลาะมีปากเสียง ด้วยรู้ว่าพูดไปก็ไม่ชนะ กายก็คงสาดคำพูดเจ็บแสบใส่เธออยู่ดี สู้ดีสงบปากสงบคำดีเสียกว่า ส่วนกายก็เดินมานั่งรอที่ปลายเตียง เพื่อรอน้ำฝนนำเสื้อผ้ามาให้
“นี่ค่ะ” ยื่นเสื้อผ้าพร้อมด้วยชั้นในส่งให้ชายหนุ่ม กายเงยหน้าขึ้นมองพลางเลิกคิ้วขึ้น
“ใส่ให้ฉันด้วยสิ” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน ปลดผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวสอบทิ้งไป เผยเรือนร่างเปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตาน้ำฝน
ตากลมโตเบิกกว้าง ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาด้วยความอาย แม้จะเคยเห็นและสัมผัสมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะชินเสียเมื่อไหร่
กายที่เห็นอาการตะลึงค้างใบหน้าขึ้นสีเรื่อของอีกคนก็นึกขบขัน และยังอยากแกล้งมากกว่านี้ด้วยซ้ำ จึงคว้ามือบางมาวางลงบนแท่งเนื้อที่ยังไม่แข็งตัว
“พะ พี่กาย” คนถูกแกล้งเสียงสั่น ใจเต้นระส่ำ แต่กลับไม่ได้ขยับมือหนีไปไหน วางค้างไว้อยู่ตรงนั้น
“ฉันลืมไปว่าเมื่อกี้ไม่ได้ถูสบู่ เธอเข้าไปถูสบู่ให้ฉันทีสิ” พูดจบร่างบางก็ลอยละลิ่วขึ้นจากพื้นเข้าสู่อ้อมแขนของกาย เดินอุ้มหญิงสาวเข้าไปในห้องน้ำ