ตอนที่ 5 แน่ใจหรือว่านี่คือบ้าน
หลังจากเดินทางมานานนับเดือนในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงที่หมายเสียที เสี่ยวไป๋ก้าวเท้าไปหยุดในที่รกร้างแห่งหนึ่ง ต้นเถาจื่อ[1] ยังพอมีร่มเงาให้ได้หลบแดดอยู่บ้าง นับว่าเจ้าม้าดำนั่นรู้ความยิ่งนักมันหยุดลงที่ใต้ต้นไม้ พลางก้มหน้าเล็มกินหญ้าที่ขึ้นเกือบถึงหัวเข่า หลังต้นเถาจื่อเป็นบ้านพัง ๆ หลังหนึ่ง นางกระโดดลงจากเกวียนแต่แล้วก็รีบกรีดร้องกระโดดโหยงขึ้นมาบนเกวียนเช่นเดิม กริชเล่มหนึ่งปักลงไปบนพื้น งูลายตัวยาวบิดม้วนหัวมันถูกเสียบจมลงไปในดิน นางลูบแขนตนเองพลางเบ้ปากมอง
"นี่คือบ้านบรรพชนของสกุลลู่จริงหรือ" นางหันไปมองระหว่างบ้านพัง ๆ และสามีหนุ่มที่กำลังก้มเก็บซากงูขึ้นมา
"คงใช่" คงใช่!!..หมายความว่าอย่างไร อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้อย่างนี้น่ะหรือ เขาพานางมาผิดที่หรือไม่ ถึงอย่างไรสกุลลู่ก็มีลำดับขั้นป๋อ เหตุใดจึงมีบ้านบรรพชนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้
"มะ..หมายความว่าอย่างไรกัน หรือว่าท่านมาผิดที่" ลู่ชุนเดินเข้าไปในบ้าน อย่าเรียกว่าบ้านเลยเถอะ เรียกว่าไม้พัง ๆ ตั้งตระหง่านกองหนึ่งดีกว่า
"หลังจากที่ท่านทวดของข้าสร้างชื่อเสียงในสนามรบ ฝ่าบาทก็มอบที่ดินบรรพชนในอำเภอฮุ่ยหลัว คนสกุลลู่ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นั่น"
"เช่นนั้นเหตุใดพวกเราจึงไม่ไปอำเภอฮุ่ยหลัวเล่า พวกเรามาเหลียงโจวทำไมกัน"
"ก็เพราะที่อำเภอฮุ่ยหลัวเป็นที่ดินสกุลลู่"
"ก็ใช่อย่างไรเล่า พวกเราต้องไปที่ดินบรรพชนสกุลลู่สิ ไปเถอะออกเดินทางยามนี้ยังทัน"
"เจ้าอยากตายอย่างนั้นหรือ..หากไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ก็ไปอำเภอฮุ่ยหลัวเถอะ ข้าจะไม่รั้งเจ้า ส่วนข้าจะอยู่ที่นี่ บ้านเดิมของสกุลถางของมารดาข้า" จ้าวลี่หลินมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม เขาไม่ได้มองมาที่นาง แต่มองไปยังบ้านทรุดโทรมตรงหน้า แววตาที่เอ่ยถึงมารดาสั่นไหวนางจึงทันได้เห็น หญิงสาวถอนหายใจออกมา
"เช่นนั้นพวกเราก็เข้าไปดูข้างในเถอะ ยังพอจะอยู่อาศัยได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็ขึ้นไปตัดไม้บนเขา สร้างบ้านขึ้นมาใหม่เสีย ในป่ามีต้นไม้ ในน้ำมีปลา ดูสิว่าพวกเราจะอยู่กันไม่ได้ เราสองคนสี่มือสี่เท้ายังต้องกลัวความลำบากอีกหรือ" ลู่ชุนขมวดคิ้วขึ้น เขาเกือบจะยกมือขึ้นเคาะหูตนเองเสียแล้ว นั่นเป็นคำพูดของนางจริงหรือ สตรีที่เห็นเขาก็คอยแต่จะรังเกียจ และส่งสายตายั่วยวนให้พี่ใหญ่เขาเสมอ ยังเป็นนางผู้นั้นจริงหรือ
จ้าวลี่หลินเดินเข้าไปในบ้าน เพียงแค่ผลักเบา ๆ ประตูไม้ก็พังลงไป ทั้งหนูทั้งสัตว์ป่าวิ่งหนีไปคนละทาง นั่นยังไม่รวมงูที่นางกลัวนักหนานั่นอีก ร่างอรชรแทบจะทรุดตัวลงกับพื้น ทว่าพื้นก็ไม่มีที่ให้ทรุดตัวลงได้เช่นกัน
"ท่าน..คืนนี้พวกเราจะนอนกันอย่างไร เกรงว่าคงต้องสร้างบ้านใหม่แล้ว"
"ทำไมกลัวแล้วหรือ ไม่ใช่เจ้าพูดเองหรือว่าไม่กลัว ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วกระมัง" ลู่ชุนแค่นเสียงเย้ยหยัน เขาเดินผ่านนางเข้าไปข้างใน หน้าต่างบ้านที่เคยมีถูกถอดออกไปแล้ว เครื่องเรือนก็หายไปหมด พื้นบ้านโล่ง ๆ เต็มไปด้วยต้นหญ้าและเห็ดพิษ เดินเข้าไปข้างในยังเหลือเตียงไม้เนื้อแข็งที่ยังพอนอนได้อยู่
จ้าวลี่หลินเบ้ปากขึ้นเดินตามชายหนุ่มเข้าไปสำรวจข้างในเช่นกัน ความทรงจำเกี่ยวกับถางอี๋เหนียงมารดาของลู่ชุนก็ไม่มีในความทรงจำเลยสักนิด จำได้แค่เพียงว่านางขายตัวเข้ามาเป็นบ่าวรับใช้ในสกุลลู่ ต่อมาลู่จือเห็นเข้าก็ถูกใจรับนางเป็นสาวใช้ข้างห้อง หลังให้กำเนิดลู่ชุนก็ถูกยกเป็นอี๋เหนียง แต่บ้านเดิมของถางอี๋เหนียงอยู่ที่ใดนั้น จ้าวลี่หลินไม่รู้เลยสักนิด
ฮี่ ๆ เสียงเสี่ยวไป๋ร้องขึ้นมา พร้อมกับเสียงฟึดฟัดของลมหายใจมัน จ้าวลี่หลินแทบจะนึกภาพตลก ๆ ของเจ้าม้าบ้านั่นได้ทันที ทว่านอกจากเสียงร้องของม้าแล้ว ก็มีเสียงเรียกของบุรุษผู้หนึ่ง นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าเสี่ยวไป๋นั่นนอกจากจะเป็นม้าแล้ว ยังเป็นสุนัขเฝ้าบ้านได้อีกด้วย
"พวกท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ" ลู่ชุนเดินออกมาข้างนอก จ้าวลี่หลินก็เดินตามออกมาด้วย ผู้ที่มาเรียกเป็นบุรุษมีหนวดเคราและเส้นผมสีดำแซมด้วยสีขาว ดูแล้วมีอายุมากสักหน่อย ลู่ชุนประสานมือด้านหน้าโค้งตัวลงเล็กน้อย
"ข้ากับภรรยาพวกเรากลับมาอยู่ที่ดินของท่านตาขอรับ ท่านคือ.."
"ข้าหยางมั่วเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่นี่ และนี่คือหยางไห่บุตรชายของข้า เช่นนั้นพวกเจ้าก็คือญาติของตาเฒ่าถางอี้หรือ"
"เป็นเช่นนั้นขอรับ ท่านตาของข้ามีนามว่าถางอี้ ท่านยายมีนามว่าหลี่เหม่ย ส่วนมารดาของข้านามว่าถางหลิงอี" ลู่ชุนบอกรายชื่อญาติทางฝั่งมารดาออกมาจนหมด ครั้นได้ยินว่าเขาเป็นบุตรชายของถางหลิงอี หยางไห่ที่ยืนนิ่งมานานก็เงยหน้าขึ้นจ้องหน้าลู่ชุนอย่างโจ่งแจ้ง เหมือนจะมองหาเงาของใครบางคนผ่านทางบุรุษผู้นั้น ลู่ชุนยืนนิ่งให้สองพ่อลูกจ้องตามสบาย
"อ่า..เจ้าเป็นบุตรชายของอาหลิงอีเองหรอกหรือ นางเป็นเช่นไรบ้างสบายดีหรือไม่ แล้วเหตุใดจึงไม่กลับมาด้วยกัน"
"นางจากไปแล้วขอรับ ข้าตั้งใจนำกระดูกของนางกลับมาบ้านเกิดด้วย ท่านแม่คิดถึงที่นี่อยู่เสมอ" หยางไห่เหม่อมองไปยังใต้ต้นเถาจื่อ ดวงตาสั่นไหว
"เหตุใดนางถึงจากไป นางเจ็บป่วยหรือ"
"หลังจากที่ท่านแม่ให้กำเนิดข้า นางก็ไม่แข็งแรงมาตลอด ปีชุนเต๋อที่สิบห้านางก็จากไปแล้ว" หยางไห่เซถอยหลังจนเกือบล้ม หยางมั่วผู้เป็นบิดาต้องจับเอาไว้พร้อมทั้งไอเรียกสติ
"ตั้งแต่ตาเฒ่าถางจากไป บ้านหลังนี้ก็ปล่อยร้างมาตลอด พวกข้าก็มิได้สนใจมาดูแล เพราะคิดว่าคงจะไม่มีคนกลับมาอยู่ แต่อาไห่กับมารดาของเจ้าเป็นสหายกันตั้งแต่เด็ก ๆ วันที่นางออกจากหมู่บ้านไป นางเคยบอกกับลูกชายข้าว่าจะกลับมา อาไห่จึงไม่ยอมให้ใครเข้ามารุกล้ำที่นี่ ในเมื่อพวกเจ้าตั้งใจมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็อยู่ไปเถอะ เครื่องไม้เครื่องมือถางหญ้าก็ไปยืมข้าได้ พรุ่งนี้ข้าจะเกณฑ์คนในหมู่บ้านมาช่วยสร้างบ้าน ระหว่างนี้พวกเจ้าก็พักบ้านข้าก่อนก็แล้วกัน" ผู้เฒ่าหยางมั่วเห็นว่าสองผัวเมียตั้งใจมาอยู่ที่นี่ ประเดี๋ยวเขาก็จะประทับรายชื่อตีทะเบียนราษฎร์เป็นคนในหมู่บ้านอู่ยวน
"อย่าให้ข้ากับภรรยาต้องรบกวนเลยขอรับ ในบ้านยังเหลือเตียงไม้พอจะนอนได้อยู่ พวกเราอาศัยกันที่นี่ได้ แต่เรื่องสร้างบ้านยังต้องรบกวนท่านหัวหน้าอยู่ดี"
หยางมั่วเห็นว่าเกลี้ยกล่อมแล้วลู่ชุนก็ยังคงยืนยันจะอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้บังคับให้ลำบากใจ เขากลับไปที่บ้านพร้อมกับหยางไห่ เพียงไม่นานก็พาคนหนุ่มในหมู่บ้านมาช่วยกันถางหญ้าในบ้าน และรอบ ๆ บ้านให้พออยู่ได้ไปก่อน และยังบอกอีกว่าหากขาดเหลือสิ่งใดอย่าได้เกรงใจรีบไปแจ้งให้เขาทราบที่บ้านโดยด่วน ลู่ชุนและจ้าวลี่หลินโค้งคำนับเป็นการขอบคุณ เอาไว้ให้เสร็จเรื่องที่อยู่เขาค่อยขึ้นเขาไปหากวางป่ามาย่างเลี้ยงคนในหมู่บ้านสักวัน
เชิงอรรถ
^ ***[táozi เถาจื่อ] ลูกท้อ