แต่ดูเหมือทุกอย่างจะเข้าทางเขาไปเสียหมด เพราะเขาอยากรู้จักหญิงสาวคนนี้ให้มากขึ้น ถึงแม้จะจ่ายเงินค่าภาพไปแล้ว แต่การที่ลุงทองถมให้ที่อยู่ของเธอแก่เขา ก็เป็นการดี เขาเดาเอาว่าเนื้อความในจดหมายคงหมายถึงการที่ลุงทองถมบอกเล่าว่าขายภาพนี้กับเขาไปแล้วนั่นเอง
“เอ่อ... ก็ได้ค่ะ แต่คุณสัญญาได้ไหมคะ ว่าจะไม่ขายภาพนี้ให้ใคร” พงศ์อินทร์เป็นอย่างที่ลุงทองถมว่าจริงๆ เขายังพอต่อรองและพูดกันให้เข้าใจได้ไม่ยาก เขาไม่ได้มีท่าทีที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดหรือกดดันแต่อย่างใด
“ผมสัญญาครับ” เขารับคำโดยไม่ลังเล การที่เขายังไม่ขายภาพนี้คืนให้เธอ สาเหตุอันดับแรกคือเธอยังไม่มีเงินซื้อคืน สาเหตุถัดมาเขาก็ไม่อยากให้เธอซื้อคืนเร็วนัก เพราะมันอาจจะยืดระยะเวลาในการทำความรู้จักกันมากขึ้นสำหรับผู้หญิงในภาพวาดแต่เขากลับไปเห็นในความฝันแบบนี้
“ฉันต้องขอบคุณคุณมากๆ เลยนะคะ” เธอดีใจอย่างปิดไม่มิด รอยยิ้มของเธอทำให้เขาตาพร่าไปเลยทีเดียว รอยยิ้มสดใส อ่อนหวานและเต็มไปด้วยความจริงใจ
“คุณอยู่คนเดียวเหรอครับ” เขากระแอมก่อนเอ่ยถาม หลังจากเผลอมองเธอเสียนาน
“ไม่เชิงหรอกค่ะ มีคนเฒ่าคนแก่ เป็นคนของคุณพ่อคุณแม่อีกสองคนและพี่ชายของฉันน่ะ แต่เขาไม่อยู่ และก็เจ้าหลงอีกตัวหนึ่งค่ะ”
เธอชี้ไปที่เจ้าหลง มันนั่งเรียบร้อยอยู่อีกด้าน เหมือนจะคอยคุ้มภัยให้เธอ บัวบุษบารู้สึกว่ามันคือเพื่อนแท้และเพื่อนที่หายากในยามนี้ เธอจึงรักมันมากเหลือเกิน ถึงแม้จะรู้สึกว่าห่อเหี่ยวแห้งแล้งเพียงใด เพราะไม่มีแขกมาพักที่รีสอร์ทเลย แต่บัวบุษบาก็ไม่เคยร้องไห้ฟูมฟาย หรือแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น เธอยังวางตัวสงบเสงี่ยม และเก็บปัญหาทุกอย่างเอาไว้ พร้อมกับค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับ จริงๆ แล้วเมื่อก่อนนั้นมีพนักงานคอยดูแลแขกที่มาพัก แต่ตอนนี้เธอไม่มีเงินจ้าง จึงต้องเลิกจ้างเพื่อปลดภาระไม่จำเป็นทิ้งไปบ้านเรือนไทยหลายหลังในอาณาเขตบริเวณนี้เป็นทรัพย์สมบัติตกทอดของครอบครัวที่แบ่งให้แขกมาพักค้างคืนเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อก่อนไม่ได้ซบเซาเช่นตอนนี้
“อย่างนั้นเหรอครับ งั้นผมขอพักที่นี่ได้ไหมครับ” เมื่อได้โอกาสพงศ์อินทร์ก็เสนอทันที เพราะคิดว่านอกจากจะเพิ่มรายได้ให้เธอแล้ว เขาก็ยังจะได้ใกล้ชิดกับเธอ ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นและเป็นการพักผ่อนไปในตัว บางทีโชคชะตาอาจจะชักนำให้เขามาพบเจอกับเธอก็เป็นได้...
“คุณจะพักที่นี่เหรอคะ” บัวบุษบามีแววของความดีใจจนพงศ์อินทร์สังเกตเห็น
“ใช่ครับ ผมมาเที่ยวพักผ่อน อยากได้ที่พักอากาศบริสุทธิ์ และบรรยากาศดีๆ แบบนี้ไว้วาดภาพน่ะครับ” ช่วงเวลานี้เขาจะได้เก็บข้อมูลอะไรหลายอย่าง เขารู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่อย่างแปลกประหลาด
“คุณเป็นจิตกรเหรอคะ” เธอถามอย่างสนใจ นึกไปถึงว่าเขาซื้อภาพวาดของเธอ คงชอบภาพวาดเหมือนกัน เพราะคงไม่เสียเงินซื้อภาพเป็นจำนวนเงินถึงสองแสนบาท
“ผมวาดเป็นงานอดิเรกน่ะครับ” เขาพูดอย่างถ่อมตัว ในขณะศึกษาอยู่ต่างประเทศ ในสาขาที่ต้องกลับมาดูแลธุรกิจของครอบครัวเขาก็เรียนด้านที่เขาถนัดและสนใจไปด้วย ถือว่าเป็นงานอดิเรก ทำให้เขาได้ฝึกสมาธิ และผ่อนคลายความเครียด
“นั่นน่ะสิคะ คุณถึงได้ซื้อภาพวาดภาพนี้มา” เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ผมพักที่นี่สักเดือนสองเดือนได้ไหมครับ” เขาพูดทีเล่นทีจริง แต่สายตานั้นบ่งบอกว่าไม่ได้พูดโกหกเลยสักนิด
“ได้สิคะ จะพักเป็นปียังได้เลยค่ะ” บัวบุษบารู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด เขาจะพักนานขนาดไหนเธอก็ไม่ว่า เพราะดีเสียอีกจะได้มีรายได้เขาเป็นแขกคนสำคัญที่หายากเหลือเกินในช่วงนี้ เขาอาจจะเป็นคนที่ทำให้เธอมีข้าวกินไปอีกหลายมื้อ หรือพี่ชายอาจจะมีปัญหาให้เธอต้องช่วยเหลือ เธอจะได้เจียดเงินให้บรรณได้ในยามคับขัน
“คุณทวดของคุณหน้าตาเหมือนคุณมากนะครับ”
“ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ก็พูดแบบนี้” คุณยายทวดของเธอเป็นน้องสาวของคุณตาทวด คุณตาทวดมีคุณยายของเธอเป็นลูกสาวแค่คนเดียว ก่อนจะมีคุณแม่ของเธอ และมีเธอ บ้านหลังนี้จึงเป็นมรดกตกทอด มารดาเคยเล่าให้ฟังว่า ภาพวาดภาพนี้ถูกขายไปเมื่อครั้งอดีต คุณตาทวดไปซื้อคืนมาและเก็บไว้เป็นอย่างดี
“ผมเคย...” เขานิ่งไป ชั่งใจว่าจะพูดออกไปดีไหม
“เคยอะไรคะ”
“เปล่าครับ” พงศ์อินทร์คิดว่ายังไม่ถึงเวลา
“งั้นฉันจะพาคุณไปดูบ้านพักนะคะ” บัวบุษบาผายมือให้เขาเดินตามเธอเข้าไปในบ้านพักอีกหลัง บ้านพักที่เธอพาเขาไปพักเป็นบ้านเรือนไทยหลังขนาดเล็กที่สะอาดสะอ้าน สะดวกสบาย เครื่องเรือนเป็นไม้ทั้งหมด อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย และเห็นวิวของแนวป่าไปจนถึงแม่น้ำที่ไหลผ่าน พงศ์อินทร์ทอดสายตาดูบ้านไม้เรือนไทยหลังเล็กๆ ของที่นี่หลายหลัง บ่งบอกว่าเจ้าของในอดีตคงจะมีเงินทองมากมาย พร้อมด้วยเหล่าข้าทาสบริวารห้อมล้อมหน้าหลัง เอาใจปรนนิบัติอย่างสุขสบาย ความรู้สึกคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ เหมือนบ้านของตัวเองที่คุณทวดเล็กยกให้เขาไม่มีผิด
“คุณชอบไหมคะ”
“ชอบมากครับ”
“คุณอยากทานอะไรคะ ฉันจะได้ทำให้ทาน”
“คุณทำอาหารเองเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ที่นี่ไม่มีพนักงานเลยค่ะ มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น” ประโยคของหญิงสาวทำให้เขานึกห่วงใยอยู่ลึกๆ ผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่คนเดียวในบ้านที่ห่างไกลผู้คนแบบนี้มันอันตราย แถมยังเปิดบ้านให้คนมาพักอีก ถ้ามีพวกโจรแฝงตัวเข้ามาพักและทำร้ายเอาจะทำเช่นไรกันเล่า
“ฉันพูดผิดไปน่ะค่ะ ที่นี่ยังมีคุณลุงกับคุณป้าอีกสองคนค่ะ ที่บอกไปตอนแรกพวกท่านช่วยทำสวนกับทำความสะอาดบ้านค่ะ”
จริงๆ คนสวนและคนทำความสะอาดบ้านนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่เธอนับถือ เมื่อก่อนเป็นลูกจ้าง แต่เพราะเธอไม่มีเงินจ้างและไม่มีใคร สุดท้ายเธอก็ให้พนักงานออกไปหมด เหลือป้าพิณกับลุงขันที่ไม่อยากทิ้งเธอไปไหน และไม่เอาค่าจ้างด้วย แต่พอเธอมีเงินจากแขกที่มาพัก เธอก็แบ่งให้ทั้งสองเสมอ เพราะจะได้มีเงินใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งสองจึงอยู่ร่วมกับเธอเหมือนญาติมากกว่าคนรับใช้
“เหรอครับ”
“เดี๋ยวฉันจะแนะนำคุณให้ทั้งสองคนรู้จักนะคะ ท่านทั้งสองอยู่กับฉันมาตั้งแต่เด็กๆ เลี้ยงฉันกับพี่ชายตั้งแต่จำความได้”
“ครับ แล้วที่นี่มีเมนูอะไรแนะนำบ้างครับ” เขาเอ่ยถามขณะวางกระเป๋าเป้เดินทางไว้บนเตียง
“เป็นอาหารไทยน่ะค่ะ คุณทานได้ไหมคะ”เธอถามเหมือนไม่แน่ใจ
“ได้ครับ ผมเป็นคนทานง่ายๆ แล้วแต่คุณ...” เขามองหน้าเธอ
“ฉันชื่อบัวบุษบาค่ะ เรียกว่าบัวเฉยๆ ก็ได้” คำตอบของเธอเขารู้อยู่ก่อนแล้ว เพราะลุงทองถมได้บอกชื่อเสียงเรียงนามของเธอแล้ว แต่เขาก็อยากให้เธอได้แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
“ผมชื่อพงศ์อินทร์ครับ เรียกผมว่าพงศ์ก็ได้ครับ”
“ค่ะคุณพงศ์ เชิญพักผ่อนตามสบายนะคะ อาหารเย็นทุ่มนึงนะคะ หรือถ้าคุณอยากจะทานก่อนก็ได้นะคะ จะได้เลื่อนเวลาอาหารมาให้เร็วหน่อย” เธอพูดอย่างเอาใจ อย่างน้อยเขาก็คือเจ้าหนี้รายใหญ่ของเธอในตอนนี้
“ไม่ต้องหรอกครับ แล้วแต่คุณสะดวกจะดีกว่า ผมไม่รีบร้อนอะไร” เขาพูดเสียงอ่อนโยน มองร่างอรชรที่เดินออกไปจากบ้านพักด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก พงศ์อินทร์จัดข้าวของเข้าที่ก่อนจะเอนหลังนอนพัก เพราะรู้สึกง่วงงุน ชายหนุ่มเผลอหลับไปเพราะสายลมที่พัดเอื่อยเข้ามาปะทะร่าง ทำให้รู้สึกสบายเหลือเกิน
เสียงขิมไพเราะจับจิต ได้พิศน้องนางอ่อนหวาน ฟังแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ แถมยังเพลิดเพลินอย่างประหลาด พงศ์เดินไปแอบมองหญิงสาวแสนสวยอ่อนหวานที่กำลังตีขิมอยู่ตรงศาลาริมน้ำด้วยความเผลอไผล เขาเผลอเหยียบกิ่งไม้จนเกิดเสียงดัง นั่นทำให้บัวหันมามองอย่างตกใจ