“นายไปทำอะไรแถวบางหว้าหรือราฟ”
คริสเตียโนที่นั่งไขว่ห้างรอน้องชายอยู่ในห้องรับแขกหรูเอ่ยถามขึ้นทันที เมื่อเห็นน้องชายเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในบ้าน
“พี่คริสรู้ได้ยังไงครับ”
คนเป็นน้องชายทรุดตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มตัวตรงกันข้ามกับพี่ชาย
“พี่ขับรถผ่านน่ะ แล้วก็จำรถของนายได้ ว่าแต่ยังไม่ตอบพี่เลยว่าไปแถวนั้นทำไม”
“ผมไปตามหาความรักน่ะครับ”
“ห๊ะ?”
คริสเตียโนหรี่ตาแคบมองน้องชายของตัวเองที่เพิ่งบินกลับมาจากอังกฤษเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วยความแปลกใจเป็นที่สุด
“ไปตามหาความรักแถวบางหว้าเนี่ยนะ?”
“ใช่ครับ”
คนเป็นพี่ชายหัวเราะร่วน เพราะคิดว่าน้องชายล้อเล่น
“นายนี่มีอารมณ์ขันไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“นี่ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมพูดจริงๆ ผมไปดักเจอคนที่ผมชอบน่ะ”
“เฮ้ย... จริงอ่ะ”
“จริงครับ”
เมื่อน้องชายที่อายุอ่อนกว่ากันแค่สองปียืนยันออกมาชัดๆ อีกครั้ง คริสเตียโนก็จำต้องยอมเชื่อ
“พามาให้พี่รู้จักบ้างสิ พี่จะได้สกรีนให้ไง”
“คนนี้พี่คริสให้ผ่านอยู่แล้วล่ะครับ”
“ทำไมนายมั่นใจนักล่ะ”
ราฟาเอลอมยิ้มน้อยๆ
“ก็เพราะว่าพี่คริสรู้จักเธอดียังไงล่ะครับ”
คราวนี้คริสเตียโนยิ่งสงสัยใหญ่
“นายหมายถึงใครหรือ ราฟ”
“ไม่บอกครับ เอาไว้สักวันพี่คริสจะรู้เอง”
แล้วคนเป็นน้องก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และพูดออกมา
“ผมขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ ค่อนข้างเหนียวตัว”
“แล้วไหนว่าจะคุยเรื่องงานที่บริษัทกับพี่ยังไงล่ะ”
“เอาเป็นว่าผมตกลงที่จะไปช่วยงานพี่คริสที่บริษัทก็แล้วกันครับ”
คริสเตียโนระบายยิ้มกว้างอย่างดีใจ ที่น้องชายยอมตกปากรับคำง่ายดายแบบนี้
“นายไม่ได้ล้อเล่นกับพี่ใช่ไหมเนี่ย ราฟ”
“ผมไม่ได้ล้อเล่นครับ ผมจะไปทำงานกับพี่คริส พรุ่งนี้เลย”
“ดีมากเจ้าน้องชาย งั้นพรุ่งนี้เจอกัน”
ราฟาเอลยิ้มให้พี่ชายอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องรับแขก พร้อมกับฮัมเพลงในลำคอไปตลอดทาง
“หมอนี่อารมณ์ดีแปลกๆ”
คริสเตียโนเทบรั่นดีในแก้วใบสวยลงคอจนหมดแก้ว ก็ลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะกลับไปห้องพัก แต่สาวใช้ก็นำโทรศัพท์ไร้สายมายื่นให้ตรงหน้าเสียก่อน
“ใคร”
“คุณผู้หญิงค่ะ”
เขาถอนใจออกมาทันที เพราะรู้ดีว่าถ้าแม่อุตส่าห์โทรข้ามทวีปมาหาแบบนี้ มันจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้ นอกจากเรื่องแต่งงานของเขากับยายเด็กบ้าคนนั้น แต่เขาก็ไม่อาจจะปฎิเสธสายของมารดาได้ จำต้องตอบออกไป
“ครับคุณแม่”
“นอนหรือยังล่ะ คริส”
“กำลังจะนอนเลยครับ”
“งั้นแม่จะพูดสั้นๆ นะ”
“ครับ”
“อีกสามอาทิตย์คริสจะต้องบินกลับมาที่อังกฤษนะ แม่เตรียมพิธีแต่งงานรอเอาไว้แล้ว”
“คุณแม่ครับ ผมเคยบอกแล้วว่า...”
“แม่ก็เคยบอกแล้วเหมือนกันว่าคริสปฏิเสธไม่ได้ ยังไงคริสก็ต้องแต่งงานกับหนูลิลลี่”
“แต่ผมไม่ได้รักเด็กบ้านั่นนี่ครับ”
เขาเริ่มหงุดหงิด เอาจริงๆ นะหงุดหงิดตั้งแต่ได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้นแล้วล่ะ
“อย่าไปเรียกหนูลิลลี่ด้วยถ้อยคำไม่สุภาพแบบนั้นสิ คริสเตียโน”
“ก็ผม...”
“คริสจำที่คุณหมอสั่งเอาไว้ได้ไหม ว่าห้ามขัดใจแม่ เพราะไม่งั้นโรคหัวใจของแม่จะกำเริบ”
ก็เพราะเหตุผลนี่แหละ ถึงทำให้เขากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอยู่แบบนี้
“ครับ”
“งั้นก็แสดงว่าคริสตกลงแล้วนะ”
แล้วเขามีทางเลือกหรือไง
“ครับ”
เสียงยินดีปรีดาของมารดาดังมาตามสาย ในขณะที่เขาแสนจะหดหู่
“ทำไม่เธอจะต้องเข้ามาทำให้ชีวิตของฉันปั่นป่วนแบบนี้ด้วยวะ ลิลลี่!”
ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน และก็ภาวนาให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น มันเป็นแค่เพียงความฝันน่าสะอิดสะเอียนเท่านั้น
แต่ให้ตายเถอะ มันกลับเป็นความจริงเสียนี่ แล้วมันก็จริงจนเขาแทบอาเจียนออกมาเลยทีเดียว
เช้าวันต่อมา พราวฟ้าเดินทางมาทำงานด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว หล่อนเบื่อมากที่จะต้องพบเจอกับเหตุการณ์เดิมๆ ของคริสเตียโนกับผู้หญิงพวกนั้น
“อ้าว พี่พราว ไหนว่าลาออกแล้วไงคะพี่”
พนักงานรุ่นน้องคนหนึ่งเอ่ยทักทาย ก่อนที่หล่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์
“บอสยังไม่เซ็นต์น่ะ”
“บอสคงไม่อยากให้เลขาทรงประสิทธิภาพอย่างพี่พราวลาออกมามั้งคะ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ขอตัวก่อนนะ มีงานต้องรีบไปทำน่ะ”
“อ้อ ค่ะ”
“แล้วนกก็ควรรีบไปทำงานเหมือนกันนะจ๊ะ เพราะเอกสารที่ต้องส่งให้พี่ทำต่อน่ะ มันค้างอยู่อีกบานเลย”
“เอ่อ...”
หล่อนเหน็บคู่สนทนาเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ และก็ภาวนาไปตลอดทาง ขอให้วันนี้คริสเตียโนยอมอนุมัติให้หล่อนลาออกด้วยเถอะ
ติ้ง...
ประตูลิฟต์เปิดกว้างออก พราวฟ้าก้าวออกไปอย่างใจลอย และก็แทบชนกับร่างของคริสเตียโนที่เดินสวนมา
“อุ๊ย... ขอโทษค่ะบอส”
“เดินใจลอยแต่เช้าเลยนะ พราวฟ้า”
“เอ่อ...”
หล่อนอึกอักและรีบปลีกตัวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
คริสเตียโนเดินตามมา
“บอสมีอะไรให้พราวรับใช้คะ”
“ยังคิดจะลาออกอยู่อีกหรือเปล่า”
“ก็... คิดค่ะ”
“อย่าเพิ่งเลย อยู่ช่วยงานผมอีกสักพักก่อนเถอะ ถ้าขาดคุณสักคน งานผมคงวุ่นวายมาก”
หล่อนก็มีค่าแค่นี้แหละในสายตาของผู้ชายอย่าง คริสเตียโน
“พราวจะลองคิดดูค่ะ”