มัธยมศึกษาปีที่ 1

2550 คำ
ขึ้น ม.1 ฉันเลือกเรียนโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอใกล้บ้าน ที่พี่สาวของฉันก็เรียนอยู่ที่นั่นด้วย                 ตอนสอบเข้ามาเรียนที่นี่ ฉันสอบได้ที่สองของระดับชั้นด้วยนะ แพ้คนได้ที่หนึ่งแค่คะแนนเดียวเอง                 เจ๋งใช่มั้ยล่ะ                 คงเจ๋งแหละ เพราะแม่คุยใหญ่เลยว่าฉันสอบได้ที่สอง คงภูมิใจน่าดู                 ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอะไรใหม่ ๆ หรือที่ใหม่ ๆ เพราะยังไม่คุ้นชินกับสถานที่ ฉันจะไม่ค่อยไว้ใจอะไรสักเท่าไหร่ในช่วงแรก ๆ ที่เข้ามาเรียนที่นี่                 ทั้งสถานที่ ห้องเรียน                 โรงอาหาร                 ห้องน้ำ                 หรือแม้แต่เพื่อนร่วมชั้นเรียนเองก็เถอะ                 บางวันฉันไม่เข้าห้องน้ำด้วยซ้ำไป เก็บกลับมาปล่อยที่บ้านดีกว่า                 ตอนเข้ามาเรียนในช่วงแรก ฉันรู้สึกว่าอยากกลับบ้านตลอดเลย ไม่อยากอยู่ที่โรงเรียน ไม่อยากคุยกับใครสักเท่าไหร่ เพราะยังไม่สนิท เอาจริง ๆ ข้าวเที่ยงฉันยังไม่ยอมลงไปกินที่โรงอาหารเลย ห่อจากบ้านไปกินในห้องเรียนแทน น้ำก็ต้องห่อด้วยนะเพราะที่โรงเรียนไม่มีให้ดื่มแบบฟรี ๆ ต้องซื้อเองเท่านั้นขวดละตั้ง 5 บาทแน่ะ ทั้งที่ครูมีน้ำให้ดื่มไม่อั้นและตอนจะดื่มเสือกมาใช้ให้นักเรียนไปยกมาให้ ไม่อยากบ่นหรอกนะ แต่โคตรนิสัยไม่ดีและสุดแสนจะเอาเปรียบนักเรียนเลย                 บ้านของฉันปลอดภัยกว่าที่นี่ตั้งเยอะ แต่ฉันก็ไม่ได้โดดเรียนหรือหนีเรียนนะ                 ยังไปทุกวัน และเข้าเรียนทุกคาบ เพียงแค่รู้สึกระแวง และไม่คุ้นชินกับสถานที่เท่านั้นเอง                 เข้ามาได้แค่เทอมแรก ฉันก็เป็นที่จับตามองของใครหลายคนเลยทีเดียว                 เพราะค่อนข้างหน้าตาดี เรียนดี กีฬาก็เก่ง ฉันจึงเป็นที่จับตามองของทั้งครู และนักเรียนด้วยกันเองถึงความสามารถของฉัน ไม่ได้อยากจะอวยตัวเองหรอกนะ แต่มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ                 คนมาจีบก็เยอะ                 แต่แปลก ฉันไม่เห็นจะสนใจใครเลย                 เคยมีคนเอาจดหมายรักมาให้ฉันด้วยแหละ เป็นผู้หญิง เรียนอยู่ชั้นเดียวกัน                 พับเป็นรูปหัวใจ แล้วระบายสีชมพู จดหมายสวยนะเป็นศิลปะดี                 ข้อความในจดหมายไม่มีอะไรมาก แค่เขียนคำว่า ชอบนะ ชอบนะ และชอบนะ เต็มกระดาษไปหมด                 เห็นถึงความตั้งใจที่เขียนมาฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ถ้าเกิดว่าฉันรู้สึกแบบเดียวกับเขาคงโรแมนติกน่าดู                 แต่เปล่าเลย ฉันเฉย เฉยมาก                 แค่อมยิ้ม ให้กับความตั้งใจ และลายมือน่ารัก ๆ นั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย                   ที่ไม่รู้สึกชอบใครคงเพราะในแต่ละวัน ฉันจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของพี่สาวมากกว่า ว่าจะมีใครมาจีบมั้ย                 เรื่องกันท่าไว้ใจมาศเถอะ                 อีกอย่างที่คนสนใจฉัน เพราะบุคลิกห้าว ๆ ลุย ๆ ด้วยมั้ง ถึงชอบมาถามกันจังว่าฉันเป็นทอมรึเปล่า                 เหอะ...ไม่ใช่เว่ย                 ฉันตอบทุกคนแบบนั้น                 แล้วถ้าฉันเป็น มันไปหนักหัวใครบ้างวะ ถ้าหนักหัวพวกเขาก็จัดการตัวเองนะ เพราะฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ                   และแล้วก็มีพี่คนหนึ่งอยู่ ม.2 น่ารักนะ ตัวเล็ก ๆ สูงแค่เท่าไหล่ฉันเอง ขนาดตอนนั้นฉันสูงแค่ร้อยหกสิบ                 ชื่อแนน พี่แนนเป็นคนตัวขาว แน่นอนว่าชอบฉัน และพี่แนนมีแฟนอยู่แล้วด้วย ชื่อแนนเหมือนกันเลยแต่เป็นรุ่นพี่ ม.3 และพี่แนน ม. 3 นั้นเป็นทอม                 น่ารักดีนะเป็นแฟนกันแล้วก็ยังชื่อเหมือนกันอีก เวลาเรียกคงมีคนสะดุ้งและสับสนกันบ้างแหละ                 พี่แนน ม.2 เดินมาแซวฉันที่ห้องบ่อย ๆ เพราะห้องเรียนเราอยู่ติดกัน                 ฉัน 1/1 พี่แนน 2/2 ห้องครูที่ปรึกษาของเราอยู่ติดกัน                 ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่แนนเลยนะ ไม่มีเลยสักนิดเดียวเอาฉันไปสาบานที่ไหนก็ได้                 เหตุผลแรก พี่แนนมีแฟนแล้ว ฉันรู้ดี                 เหตุผลที่สอง พี่แนนน่ารัก สวย แต่...ไม่ใช่สเปค ปัดพี่แนนทิ้งไปได้เลย                 ฉันน่ะนะ ชอบเพื่อนของแฟนพี่แนนต่างหาก พี่เขาชื่อว่านุ๊กเกอร์                 เหตุผลที่ชอบ เพราะ...สเปคเลย แค่นี้แหละ สูง สวย เป็นลูกครึ่งแต่ไม่รู้ว่าลูกครึ่งอะไร น่าจะครึ่งคนครึ่งนางฟ้าแหละมั้ง ความขาวเลยสว่างจ้าไปนิดนึง และฉันชอบมาก เก็บมาเพ้อตลอด                 การบ้านคือยาพิษ                 เสาร์อาทิตย์คือสวรรค์                 จันทร์ถึงศุกร์ไม่สำคัญ                 มาโรงเรียนทุกวันเพื่อพบเธอ...                 กลอนชวนเลี่ยนแบบนี้แหละที่เข้ากับชีวิตของฉันช่วงนี้มากที่สุด                 พี่นุ๊กเกอร์ทำให้คนที่ไม่ชอบออกจากบ้าน และไม่ชอบที่แปลกใหม่ อยากมาโรงเรียนทุกวัน ซึ่งตอนแรกโรงเรียนแห่งนี้เป็นที่แปลกใหม่สำหรับฉันมาก                 แต่โชคมักไม่เข้าข้าง ทฤษฎีที่ว่าเรามักจะรู้สึกชอบคนที่รู้สึกเฉย ๆ กับเรา ใช้ได้ดีเสมอ และใช้ได้ทุกสถานการณ์ด้วย                 ฉันเป็นแค่เด็ก ม.1 อะนะ ถึงจะฮอตแค่ไหนก็ไม่กล้าคุยกับพี่เขาหรอก                 ไม่รู้เหมือนกัน ฉันชอบเจียมตัวและคิดไปเองเสมอว่าพี่นุ๊กเกอร์ไม่สนใจ คิดเองเออเอง นอยด์เองประจำเลย                 ลืมบอกไป ว่าถึงฉันจะขึ้น ม.1 แล้ว แต่ทุกเย็น หลังจากเลิกเรียน ฉันกับเพื่อนจะมาซ้อมกีฬาวอลเลย์บอลให้รุ่นน้องอยู่เสมอ                 บอกแล้วไงว่าฉันน่ะ ศิษย์รักครูพละแหละ                 แน่นอนว่าทุกเย็นต้องเจอเบียร์ ความรู้สึกน่ะหรอ เฉย ๆ มาก                 แปลกที่ในใจไม่มีอะไรติดค้างเลย เราเป็นพี่น้องได้อย่างสนิทใจ                 พูดคุยกันได้แบบธรรมดา เหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไปเขาคุยกัน ในใจว่างเปล่า อาจเพราะเรารู้สึกสนิทกันมากไปตั้งแต่ทีแรก พอคบกันความรู้สึกและการกระทำยังเหมือนเดิม พอเลิกกันความรู้สึกก็เลยยังเหมือนเดิม                   "ถ้าพี่เลิกกับแฟน คบกับพี่มั้ย" ห๊ะ เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ชัดเจนแล้วนะว่าฉันไม่ได้ชอบพี่แนน เคยบอกไปแล้วด้วย                 แต่วันนี้ ตอนนี้ ในห้องน้ำหญิงแห่งนี้ พี่แนนคงสังเกตแหละ ว่าฉันมาเข้าห้องน้ำ เลยตามมา                 ฉันทำธุระเสร็จ เดินออกมาล้างมือก็เจอพี่แนนยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว                 ทุกคนเป็นมั้ย เวลาเข้าห้องน้ำ ต่อให้ห้องแรกสะอาดแค่ไหนก็ไม่เข้า ต้องเดินส่องมาเรื่อย ๆ จนถึงห้องสุดท้าย ถึงแม้ว่ามันจะไม่สะอาดเท่าห้องแรกก็เถอะ ยังไงก็เลือกเข้าห้องสุดท้ายอยู่ดี หรือมีแค่ฉันหรือเปล่าที่เป็นแบบนี้                 พี่แนนดันไหล่ฉันให้ชิดติดกับผนัง สบตาฉัน แล้วถามคำถามที่ทำให้ฉันโมโหที่สุดออกมา                 "พี่คิดดีแล้วหรอ"                 "อืม"                 "คบกันมานานยัง"                 "สองสามเดือนได้แล้วมั้ง"                 เหอะ คงเป็นพวกเบื่อง่ายสินะ ขนาดคบกับแฟนอยู่ยังจะทิ้งแฟนมาหาฉัน แล้วถ้าเกิดคบกับฉันล่ะ จะไม่นอกใจฉันไปหาคนอื่นเหมือนกันหรอ คนนอกใจไม่สมควรได้รับการให้อภัยหรอกนะ เพราะมีครั้งแรกแล้วก็ต้องมีครั้งต่อไปเสมอยังไงล่ะ                 "กลับไปเถอะ"                 "จะเอาไงมาศ ตอบพี่ก่อน ถ้าพี่เลิกกับแฟน มาศจะคบกับพี่มั้ย"                 ฉันก้มหน้าลงเรื่อย ๆ คล้ายจะจูบ และพี่แนนคงคิดแบบนั้น แหม เคลิ้มเชียวแม่คุณ                 "ไม่!!"                 ฉันตอบพี่แนนเน้น ๆ เสียงดังก้องจนคนที่เคลิ้มตั้งแต่ทีแรกสะดุ้งสุดตัว                 เดินออกมาหน้าห้องน้ำถึงได้รู้ ว่าที่ไม่มีคนเข้าออกห้องน้ำเลยก็เพราะเพื่อนพี่แนนเฝ้าอยู่ และเพื่อนฉันก็ยืนหน้าเจื่อนอยู่ด้านหลัง สงสัยโดนขู่แน่เลย                 "พวกนี้นิสัยไม่ดีว่ะแม่ง"                 "พี่เขาคุยไรกับมึง"                 "ขอคบกู"                 "เฮ้ย! แล้วมึงว่าไง"                 ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วขมวดคิ้ว มันเองก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว จะถามเพื่ออะไร                 "ดีมากเพื่อน ยกนิ้วให้"                 ฉันกับเพื่อนเดินกอดคอกันขึ้นบนห้องด้วยความรู้สึกโล่ง ฉันตอบชัดขนาดนั้น คงไม่มาตอแยอีกหรอกนะ ช่างไม่รู้จักพอเอาซะเลย                   ฉันเดินหน้าแอบชอบพี่นุ๊กเกอร์อยู่ห่าง ๆ อย่างเจียมตัว                 จนวันหนึ่ง อยู่ ๆ พี่นุ๊กเกอร์ก็ไม่มาโรงเรียน                 วันแรกเฉย ๆ                 วันที่สองเริ่มซึม                 วันที่สามนั่งเหม่อ จนเพื่อนถามว่าอกหักหรอ                 ถึงอกไม่หักแต่มันก็คล้าย ๆ แหละ เพราะกำลังใจไม่มาโรงเรียนหลายวันแล้ว                 วันที่สี่                 "ครูคะ พี่นุ๊กเกอร์ไปไหนหรอคะ"                 ฉันยกมือขึ้นถามครูที่ปรึกษาห้องของพี่นุ๊กเกอร์ เพราะคาบนี้เป็นคาบวิทยาศาตร์ครูผู้สอนเป็นครูประจำชั้นของ ม.3 ห้องพี่นุ๊กเกอร์พอดี                 "ย้ายแล้วล่ะ"                 วันนั้น...ฉันไม่กินข้าวเที่ยง                 นี่คืออาการอกหักหรอ หรือเสียใจ ที่ไม่ได้บอกชอบพี่เขากันแน่                 เฮ้อ เสียดายเหมือนกันนะ ต่อไปนี้ฉันจะลองปรับเปลี่ยนนิสัยบ้าง ถ้าหากชอบใครฉันจะบอกตรง ๆ ไปเลย จะได้ไม่เสียใจทีหลังแบบนี้อีก                   รู้มั้ย...ขึ้น ม.1 มาฉันเริ่มไม่ชอบวิชาพละศึกษา แต่ยังชอบกีฬามาก ๆ อยู่เหมือนเดิม                 เพราะอะไรน่ะเหรอ โรงเรียนนี้อนุญาตให้ใส่ชุดพละมาแค่วันอังคารวันเดียว วันอื่นถ้าใส่มาจะโดนหักคะแนน และถ้ามีเรียนพละให้นำชุดมาเปลี่ยนด้วย                 มาศล่ะจะบ้ากับกฎระเบียบบ้าบอนี่                 ห้องฉันดันเรียนพละวันพุธกับวันศุกร์ก็ต้องเอาชุดใส่กระเป๋ามาเปลี่ยนด้วยตลอด                 พอเปลี่ยนช้า เข้าห้องสายเกินห้านาทีครูพละก็จะเอาไม้เรียวที่เป็นหวายมาตี                 คิดดูนะว่าหวายอ่ะมันแข็งแรงแค่ไหน ก้นลายตลอด ตรรกะอะไรของครูวะเนี่ย ป่วยฉิบหาย มาศไม่โอเคกับความคิดนี้อย่างถึงที่สุด                 แค่เรื่องเปลี่ยนชุดและเข้าห้องสายก็โดนตียกห้อง ทำไมไม่คุยกันด้วยเหตุผลล่ะ ดูด้วยว่าก่อนที่จะมาเรียนพละเนี่ย เรียนวิชาอะไรมาก่อน แล้วครูก็ปล่อยตรงเวลาบ้าง ปล่อยช้าบ้างแล้วแต่วัน                 ถามนักเรียนบ้างดิว่าเหตุผลที่มาสายคืออะไร ไม่ใช่เอะอะตี เอะอะตีตลอด                 นี่แหละคือสาเหตุของการไม่ชอบครูพละในช่วง ม.1                 อีกวิชา คือศิลปะ แค่เรียนสัปดาห์ละคาบก็ช่วยสอนให้มีความรู้หน่อยได้มั้ย                 นี่อะไรพอเข้าห้องมา ครูก็บอกเอาสมุดขึ้นมา จดเนื้อร้องของเพลงชาติไทยลงไป ตัวบรรจงเต็มบรรทัด ห้ามผิด ไม่งั้นจะโดนหักคะแนน                 ครั้งแรกที่เจอก็ What...WTF...                 ถามจริงเกิดเป็นครูนี่วัน ๆ คิดได้แค่นี้หรอ สบายนักนะ แล้วให้ทำแบบนั้นทุกคาบ                 เหอะ คิดว่ามาศจะอยู่หรอ โดดแม่ง                 ไม่ได้โดดไปไหนนะ ไปนอนในห้องสมุด สุนทรีย์กว่าเป็นไหน ๆ                 ครูชอบบ่นว่านักเรียนโดดไม่สนใจเรียน ดูตัวเองบ้างนะว่าสนใจสอนนักเรียนรึเปล่า รู้หรอกว่าสอนไม่สอนเงินเดือนก็เท่าเดิม แต่ช่วยมีจรรยาบรรณบ้าง ไม่ใช่ละเลยแบบนี้ สอนกับไม่สอนก็มีค่าเท่ากับไม่สอน แล้วแบบนี้จะให้มาโรงเรียนทำไมวะ นอนอ่านการ์ตูนวาดรูปเล่นอยู่บ้านยังได้ความรู้และประสบการณ์เยอะกว่านี้อีก                 นี่ล่ะมั้งเพราะเอือมระอา ฉันจึงปฏิญาณตนว่า ชาตินี้จะไม่เป็นครู ไม่อยากทำอะไรแล้วคนไม่ชอบ และพลอยเกลียดขี้หน้า หรือเกลียดสิ่งที่เขาเคยรักมาตลอดแบบที่ฉันเป็น                 พอเจอบ่อย ๆ เข้า เลยรู้สึกไม่ชอบอาชีพนี้ไปเลย                 ไม่ได้เหมารวมครูทุกคนหรอกนะ แต่ในหนึ่งโรงเรียนมักจะมีครูแบบนี้อยู่เสมอ                 และสุดท้ายฉันกลับได้เกรดสี่วิชาดนตรีและศิลปะเฉยเลย งงไปดิ                   ชีวิต ม.1 ของฉันดำเนินไปเรื่อย ๆ จนถึงต้นเทอมสอง ประมาณปลายเดือนมกราคม โรงเรียนฉันก็จะแข่งกีฬาสี                 พี่ที่รู้จักกันก็จับฉันลงทุกกีฬาเลย ทั้งจะซ้อมแข่งกีฬาสี และซ้อมแข่งกีฬาประจำจังหวัด ที่ทางโรงเรียนจะส่งทีมวอลเลย์บอลเข้าแข่งขัน                 เรียกได้ว่าช่วงนั้นหัวหมุนกันเลยทีเดียว เสาร์อาทิตย์ฉันต้องขับรถจากบ้านมาโรงเรียนเอง เพื่อมาซ้อมตอน 5 โมงเช้า จนถึงสี่โมงเย็น ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ จากคนไม่ชอบที่แปลกใหม่และไม่ชอบเดินไปไหนมาไหนในโรงเรียนฉันกลับได้มาโรงเรียนทุกวันจนชินไปเสียแล้ว                 ถ้าไม่มีใจรักไม่มานะเนี่ย                 วันกีฬาสีมาถึง แน่นอนว่าสีแดงของฉันชนะเลิศได้ลำดับที่หนึ่ง                 อีกเช่นเคย รางวัลเป็นขนมปิ๊บ พอแบ่งขนมออกให้แต่ละห้องแล้ว ได้กินคนละชิ้นนี่แหละมั้งขาไก่สองสามอัน กับขนมมีไส้คนละชิ้นเท่านั้นเอง                 คุ้มมาก มากจริง ๆ กับที่ทุ่มเทลงไป                 คุ้มแบบกัดฟันพูดน่ะนะ                   วันแข่งกีฬาของจังหวัด โรงเรียนฉันเข้าร่วมแข่งขันและได้รางวัลรองชนะเลิศมา                 มีเบียร์ไปเป็นกองเชียร์ด้วยแหละ เพราะแข่งขันรายการเดียวกัน แต่คนละระดับชั้น                 บอกเฉย ๆ ไม่มีอะไร แค่รู้สึกดีเท่านั้น                   ก่อนจบ ม.1 ช่วงสอบปลายภาค มีเพื่อนห้องเดียวกัน ชื่อกุ้ง                 กุ้งเดินมาบอกกับฉันว่า รุ่นน้องที่เป็นญาติชอบฉัน                 เราอยู่ ม.1 รุ่นน้องก็คงเป็น ป.6 แหละนะ                 ฉันถามว่าชอบได้ไง เคยเห็นฉันหรอ กุ้งบอกว่าน้องเคยเห็นฉัน เพราะฉันขับรถผ่านบ้านเขาบ่อย ๆ ตอนเสาร์ - อาทิตย์ น้องเห็นฉันก็เลยชอบ                 คงเป็นตอนที่ฉันมาซ้อมกีฬาแหละมั้ง                 กุ้งยังเล่าให้ฟังอีกว่าวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ กุ้งและน้องนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านแล้วฉันขับรถผ่านพอดี                 น้องถามว่ารู้จักฉันไหม                 ฉันเป็นใคร                 แล้วชื่ออะไร                 เพื่อนฉันก็ตอบคำถามหมดทุกข้อเลย                 น้องบอกว่าชอบฉัน และฝากให้กุ้งมาบอกฉันด้วย                 กุ้งแถมท้ายให้ด้วยว่า ปีหน้าก็เจอกันแล้ว เพราะน้องจะมาเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่นี่                 น้องชื่อแก้ว ฉันก็เออ ๆ แล้วปล่อยผ่านไป                 คนนี่ก็แปลกไม่รู้จักกันยังจะชอบได้อีก ความรักนี่ค่อนข้างเข้าใจยากอยู่เหมือนกันนะ                 ไม่ได้หลงตัวเองว่าฮอตหรอกนะ แต่มีคนที่ไม่รู้จักมาชอบนี่ก็แบบว่า พอตัวอยู่อะแหละ อืม ;-;  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม