ฉันดำเนินชีวิตเทอมสองไปอย่างล่องลอยไม่ต่างกันกับตอนเทอมหนึ่งสักเท่าไหร่
เจ็บ...
ไม่สุงสิงกับใคร
เจอป้อนก็เฉย ไม่กล้ามอง เพราะกลัวคนอื่นจะรู้ ว่าฉันอ่อนแอขนาดไหน อ่อนแอเกินกว่าที่จะกล้าเงยหน้าคุยกับใครได้ จากที่เคยเฉย ๆ กับการถูกบอกเลิก มาครั้งนี้ฉันกลับฟูมฟายจะเป็นจะตายกับคนที่ยังไม่ได้แม้แต่จะเป็นแฟนกันด้วยซ้ำไป
ฉันไม่สนใจใคร
กลายเป็นคนที่เฉยชากับความรักไปแล้ว
ใครเข้ามา ฉันก็ไม่คุยด้วย ปิดกั้นตัวเอง เพราะว่ากลัวเจ็บ
เจ็บ...
เหมือนที่ป้อนทำกับฉัน
ฉันบอกตัวเองว่าไม่ให้รู้สึกอะไรกับใครอีกแล้ว
เพราะใจฉันตอนนี้ มันเหมือนกับว่าโดนตอกตรึงไว้ และโดนสาปให้รักแค่ป้อนคนเดียวเท่านั้น
ทุกวันฉันตื่นนอน แต่งตัวมาโรงเรียน
เรียน
ซ้อมกีฬา
กลับบ้าน
เป็นแบบนี้วนเวียนอยู่ซ้ำ ๆ ทุกวัน
ฉันแค่รอ ให้ถึงวันที่ฉันจบจากโรงเรียนนี้สักที
ถ้าไม่ได้เห็นหน้ากัน ไม่เจอกันอีก
ความเจ็บปวดที่ฉันมีอยู่ คงหายไปในสักวัน
"จุฑามาศ ปีนี้ครูจะให้แข่งโครงงานอีกนะ"
ฉันเงียบ...
อยากปฏิเสธใจแทบขาด เพราะแน่นอนว่าหนึ่งในโครงงานนี้ต้องมีป้อนอยู่ด้วย
"ค่ะ"
แต่งานกับเรื่องส่วนตัวมันคนละเรื่องกัน ฉันแยกออกได้เสมอ
ถ้าไม่เห็นว่ามีความสามารถ ครูคงไม่ขอให้ช่วยหรอก
ฉันเองก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลขนาดนั้น
ถือว่าทำเพื่อโรงเรียนละกัน ปีสุดท้ายแล้ว อดทนหน่อยมาศ
และทุกเย็นฉันก็มาซ้อมโครงงานตามเดิม สมาชิกมีฉัน ป้อน และน้อง ม.1
ฉันพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ทั้ง ๆ ที่แอบกลืนก้อนความช้ำลงคอบ่อย ๆ
เราต้องนั่งด้วยกัน อยู่ด้วยกันตลอด 1 ชั่วโมงก่อนกลับบ้านทุกวัน
เจอหน้ากันทุกวัน
แต่ความรู้สึกเจ็บปวดของฉันก็ไม่หายไปจากใจสักที
ยังเจ็บปวด
รวดร้าว
หายใจลำบากทุกครั้ง
เอาเถอะ ซ้ำเติมฉันมาให้พอ ให้หัวใจฉันเจ็บย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ อยู่แบบนี้แหละ
บางครั้ง...เวลาอาจจะช่วยเยียวยาให้มันหายดีก็ได้
ฉันพูดคุยกับป้อน เฉพาะเรื่องโครงงานเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาปนแม้ว่าป้อนจะพยายามชวนคุยตลอด
ตอนเย็นก็มีพี่ฟิล์มมารอรับป้อนกลับบ้านทุกวัน
ดีจังเลยเนอะ มีคนมารอรับ รอส่ง
ส่งข้าว ส่งน้ำ
มีคนดูแลดีก็ดีอยู่แล้ว
ถ้าเป็นฉัน อาจทำได้ไม่ดีแบบนี้ก็ได้ ให้เขาคบกันน่ะดีที่สุดแล้ว
ฉันยังเจ็บปวดทุกครั้ง ที่เห็นป้อนกับพี่ฟิล์มอยู่ด้วยกัน หรือไปไหนมาไหนด้วยกัน
แต่ก็ได้แค่เฉย ๆ ทำอะไรไม่ได้
อ่อ...
ทำได้อย่างเดียว
ทำใจไง
ทำใจให้ชินกับความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้สักที
อยากให้ช่วงเวลาแย่ ๆ แบบนี้จบลง และอยากให้ฉันไม่ต้องมาทนทรมานอยู่แบบนี้อีกต่อไป
การแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์คราวนี้ มี 54 โรงเรียนเข้าร่วมการแข่งขันเช่นเดิม
แต่ครั้งนี้ ฉันไม่ได้ตั้งเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการตั้งความหวังอะไรเลยด้วย
เหมือนแค่มาแข่ง แล้วก็กลับ
ผลการตัดสินออกมาว่าเราได้ที่ 4 เช่นเดิม
อะไรวะ
ล็อกชื่อโรงเรียนไว้แล้วหรอ ว่าจะให้โรงเรียนไหนได้ที่เท่าไหร่
เฮ้อ
ฉันคิดมากไปหรือเปล่านะ เห็นอะไรก็ไม่พอใจไปเสียหมดทุกอย่าง
แต่อย่างน้อยก็ดีแล้ว ที่ฉันจะได้ไม่ต้องเจอป้อนทุกวัน วันละหนึ่งชั่วโมงอีกต่อไป
ฉันกลับมาซ้อมกีฬาตามเดิม
ป้อนก็ยังมาอยู่ที่เดิม
ขยันมาให้ฉันเห็นหน้า
ขยันทำให้ฉันเจ็บปวดหัวใจ
ขยันทำให้ฉันเสียใจจังนะ
"น้ำค่ะ"
"ขอบใจ"
"คุยกับเค้าก่อนได้มั้ย"
ป้อนกระตุกชายเสื้อฉันเบา ๆ และฉันก็หันกลับไปมองป้อน
ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ
และฉันก็มองไม่เห็นพี่ฟิล์มอยู่ที่สนามตะกร้อ สงสัยไปเข้าห้องน้ำมั้ง
เหอะ...
ลับหลังแฟนทำแบบนี้หรอป้อน
ฉันหันหลังกลับมา ถือน้ำโกโก้ปั่นที่ป้อนซื้อมาให้ เทน้ำในนั้นออกจนหมด แล้วทิ้งแก้วเปล่าลงในถังขยะ
เพราะฉันเห็นพี่ฟิล์มกินโกโก้ปั่นบ่อย ๆ เลยคิดว่าป้อนจะซื้อมาให้พี่เขา
พอพี่ฟิล์มไม่อยู่ เลยเอามาให้ฉันกินแทน ฉันคิดแบบนี้ เพราะสถานการณ์มันชวนให้ฉันคิด
ป้อนหน้าหงอย ฉันเห็นว่าดวงตาน้องแดงก่ำ คล้ายกำลังจะร้องไห้ อยากเดินเข้าไปลูบหัวแล้วกอดปลอบแทบตาย สุดท้ายก็ได้แค่ยืนสั่นอยู่ที่เดิม
"ขอบใจนะ ทุกเรื่องเลย"
ฉันเดินไปหยิบกระเป๋า สะพายขึ้นบ่า แล้วเดินหันหลังให้ป้อน เพื่อที่จะกลับบ้าน
เพราะตอนนี้ได้เวลาเลิกซ้อมแล้ว
ไม่หันกลับไปมองสักนิด ว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมีสีหน้ายังไง
หรือจะรู้สึกยังไง
ตอนนี้ฉันขอเห็นแก่ตัวหน่อยละกัน
ขอเข้มแข็งต่อหน้าทุกคนก่อน
แล้วฉันจะกลับไปนอนอ่อนแอคนเดียวที่บ้านเอง
กีฬาสีปีนี้ฉันอยู่สีน้ำเงิน
โลกสุดแสนจะกลม เพราะฉันอยู่สีเดียวกันกับป้อนด้วย
ตามเดิมเลย ฉันลงแข่งกีฬาทุกอย่าง
แต่ปีนี้สีฉันก็คึกคักเป็นพิเศษ เพราะพี่ ม.6 จัดให้น้อง ม.2 รับผิดชอบในการตามเชียร์กีฬาทุกประเภท
แน่นอนว่าป้อนก็ต้องตามไปเชียร์ด้วย
เอาน้ำมาให้ฉัน...ฉันไม่กิน
ยื่นทิชชูให้...ฉันไม่เอา
เครื่องดื่มชูกำลัง...ฉันไม่แตะเลยสักนิด
เห็นนะ ว่าสีหน้าป้อนหงอยแค่ไหนตอนฉันปฏิเสธทุกอย่างที่ป้อนหวังดี หยิบยื่นให้
จะให้ฉันทำยังไง
ป้อน...
มี...
แฟน...
แล้ว...
ฉันชิงชนะเลิศตะกร้อหญิงกับสีแดง ซึ่งก็คือสีของพี่ฟิล์มนั่นเอง
ป้อนคงอยากเชียร์ทีมของแฟนตัวเองมากกว่าแหละมั้ง
ก็แล้วแต่สิ จะเชียร์ทีมไหน สีไหน ยังไงวันนี้ฉันก็ชนะอยู่ดี
แต่จะให้เอาอะไรมาดีใจล่ะ ฉันชนะพี่ฟิล์มแค่เรื่องกีฬา
เรื่องหัวใจฉันแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งด้วยซ้ำไป แพ้อย่างราบคาบ
เจ็บดีพิลึก
วันหนึ่งช่วงใกล้สอบปลายภาค ฉันไปเดินตลาดกับแม่
เดินผ่านร้านขายของจุกจิก
พวกกำไลข้อมือ
ต่างหู
สร้อย
แหวน
นาฬิกา
ฉันเห็นว่ามันสวยดีกำลังจะเดินเข้าไปดู
แต่ก็ต้องชะงัก เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าร้าน
คนที่ยืนเลือกกำไลข้อมืออยู่ตรงนั้น คือน้องป้อน
ฉันหันหลังกลับ ไม่มองไปทางนั้นอีก
เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างป้อนไม่ใช่ฉัน แต่เป็นพี่ฟิล์มต่างหาก
เขายิ้มให้กัน หัวเราะด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน
ฉันทำได้แค่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ
และที่ตรงนั้น ข้าง ๆ ป้อนฉันคงจะไม่มีวันได้ยืนอีกต่อไปแล้ว
ฉันอยากตัดใจ ตัดให้ได้สักที เพราะไม่อยากเจ็บปวด ไม่อยากเสียใจอีกต่อไปแล้ว
วันปัจฉิมนิเทศ
วันนี้เป็นวันสุดท้าย ที่ ม.3 และ ม.6 จะได้มีโอกาสมายืนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ ในฐานะนักเรียน ยกเว้น ม.3 บางคนที่เรียนต่อที่นี่
ฉันได้รับดอกไม้
การ์ดอวยพร
สติ๊กเกอร์รูปหัวใจ
เต็มไม้ เต็มมือ เต็มตัวไปหมด
ฉันรับรู้ว่ามีคนกำลังมองฉันอยู่ และรู้อยู่แก่ใจว่าคือใคร
แต่ฉันไม่สนใจ พยายามทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้
ฉันไม่เรียนต่อที่นี่ แต่เลือกเรียนอีกโรงเรียนหนึ่ง ที่ค่อนข้างจะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมีนักเรียนหลายพันคน
เป็นโรงเรียนอำเภอใกล้เคียง จะว่าใกล้เคียงก็ไม่ใช่ซะทีเดียว
ระยะห่างระหว่างบ้านฉันกับโรงเรียนเดิมและโรงเรียนใหม่ เทียบดูแล้วระยะทางก็ประมาณเท่ากัน
เพราะบ้านฉันเป็นชายแดนระหว่างอำเภอ ไปมาสะดวกทั้งสองทาง
ฉันมันคนชายขอบ
กำลังถ่ายรูปกับเด็ก ม.1 ที่บอกว่าปลื้มปริ่มฉันเป็นพิเศษอยู่
ฉันก็ได้ยินเสียงโห่แซว เหมือนกำลังเชียร์อะไรสักอย่างอยู่
มีคนขอกันแต่งงานหรอ...
ฉันคิดอย่างตลกขบขัน และอมยิ้มอยู่คนเดียว
เสสายตามองไปตามเสียงนั้น
ฉันหุบยิ้มฉับ
เห็นป้อนยืนถือดอกไม้ช่อใหญ่สีแดงสดอยู่ ตรงหน้าป้อนมีพี่ฟิล์มกำลังยืนยิ้ม
รอบข้างมีคนยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายเก็บภาพคู่รักแห่งปีที่ฉันแอบตั้งฉายาในใจ ไว้เป็นที่ระลึก
ระทึกสิไม่ว่า
เสียงโห่ร้องจากตรงนั้นฟังดูแล้วคงมีความสุขน่าดู
ผิดกับฉัน ที่ยืนเอ๋ออยู่ตรงนี้ เหมือนยืนอยู่ท่ามกลางหลุมฝังศพ เงียบสงัด
จุกและเจ็บดีชะมัด
ฉันหันหน้าหนี หลับตาแน่น เพราะกลัวว่าน้ำตาจะไหลออกมาประจานความเจ็บช้ำ และอ่อนแอของตนเอง
'มีความสุขมาก ๆ นะ'
ฉันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เดินออกจากสถานที่จัดงานด้วยใบหน้าหงอยเหงา
พอกันที
เลิกแล้วต่อกันซะที
เจ็บมามากพอแล้ว
จากนี้ก็ทางใครทางมัน
ฉันหันกลับไปมองอีกครั้ง เห็นพี่ฟิล์มกำลังลูบหัวป้อนอยู่ และป้อนเองก็ยิ้ม เขาคงมีความสุขแล้ว
ฉันเคยทำแบบนั้นมาก่อน ลูบหัว และบีบแก้มน้อง ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว ฉันจะไม่มีโอกาสได้ทำอีก
ไม่น่าหันไปมองเลยมาศ
กะจะมองป้อนให้เต็มตาเป็นครั้งสุดท้าย ได้มองสมใจอยากแล้วมั้ยล่ะ
Rrr..Rrr...
"..."
"พี่ไม่คิดจะรอเค้าเลยหรอ"
'แล้วเราเคยคิดจะรอพี่มั้ย...'
ฉันได้แต่ตะโกนคำนี้อยู่ในใจ
ตกเย็น ป้อนโทร.มาหาฉัน ไหน ๆ ก็คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว รับสายสักหน่อยละกัน
"เรามีอะไรรึเปล่า"
"พี่ฟังเค้าสักห้านาทีได้มั้ย"
"อืม พูดมา"
"ที่เค้าคบกับพี่ฟิล์ม เพราะอยากประชดพี่ ให้พี่รู้ตัวสักทีว่าถ้าไม่มีเค้า พี่จะเป็นยังไง พี่ไม่เคยคุยเรื่องเป็นแฟนกันกับเค้าสักครั้ง ทั้งที่เราชอบกัน แต่พี่ก็เฉย ๆ เหมือนมีเค้าไว้ประดับชีวิตเฉย ๆ"
ทำอะไรไม่ถามฉันสักคำอีกแล้ว
"ทำแบบนี้แล้วมีความสุขมั้ย"
ฉันช็อกไปนิดนึงที่ป้อนบอกแบบนั้น
เราดูแลกัน
ชอบกัน
รักษากันและกัน
วางใจและไว้ใจกัน
แต่เราไม่เคยเข้าใจกัน
เจ็บทั้งสองฝ่าย
"มีแฟนแล้ว ก็ต้องรักแฟนตัวเองสิ"
"เค้าขอโทษ เค้าคิดน้อยไป"
"มีหลายคนที่เจ็บเพราะความสัมพันธ์นี้"
"พี่ไม่ไปเรียนที่อื่นได้มั้ย อยู่กับเค้านะ"
"พี่ตัดสินใจแล้ว"
ใช่ ฉันตัดสินใจแล้ว
ถ้าเราเป็นคู่กัน คงไม่แคล้วคลาดจากกันหรอก สักวัน เราจะมาพบกัน และวันนั้นฉันจะแก้ตัวใหม่
ฉันมีบทเรียนที่แสนสาหัสแล้ว มันจะไม่เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด
หากเจอป้อนจริง ฉันจะพูดกับป้อนทุกเรื่อง จะดูแลหัวใจของเราสองคนอย่างดี
เพราะฉันรักใครไม่ได้อีกแล้ว หัวใจฉันเหมือนโดนสาปให้รักแค่ป้อนเท่านั้น
"เค้าเลิกกับพี่ฟิล์มแล้วนะ"
อะไรวะ เมื่อตอนบ่ายยังเห็นหวานกันอยู่เลย
"ง่ายดีจัง งั้นก็ขอให้โชคดีนะ เจอคนใหม่ที่ดี"
ไม่ถามสักนิด ว่าเหตุผลที่เลิกกันคืออะไร
"เค้ามีแค่พี่ แต่ก็อย่างว่า พี่ไม่กลับมาแล้ว"
ฉันเงียบไปสักพัก ป้อนก็พูดต่อ
"เค้ามีแค่พี่ คนดี ๆ สำหรับเค้าคือพี่ แต่มันสายไปแล้ว พี่โกรธเค้ามั้ย"
"ไม่"
"เค้าขอโทษ และเค้าจะรอวันที่เราพบกันอีกครั้ง เค้ารักพี่นะ"
"พี่ก็รักป้อน รักมาก ๆ"
แต่ฉันพูด
ในตอนที่น้องตัดสายไปแล้ว...
ทำไมเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ต้องมาเกิดกับฉันด้วยนะ ไม่แฟร์เลย ฉันต้องการรักและมีชีวิตรักอย่างราบรื่น
ไม่ใช่มีแต่อุปสรรค และความบ้าบอแบบนี้
การเจอป้อนอีกครั้ง มันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน ทั้งที่ฉันรู้ว่าบ้านน้องอยู่ไหน ฉันจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไม่ใช่แบบนั้น
ชาวบ้านขี้นินทาจะตาย ฉันรู้ว่าถ้าไป เรื่องราวของเราคงบานปลายยากจะแก้ไข
ฉันกับป้อนจะถูกนินทา และแม่ก็จะต้องอับอายที่มีลูกแบบฉัน
ทนเห็นแม่สุดที่รักเสียใจร้องไห้ไม่ได้หรอกนะ ตั้งแต่เบียร์แล้ว แม่ปรามฉันและบอกว่าถ้าฉันผิดเพศแม่จะเสียใจ ฉันรักแม่ แม่จะรู้ไม่ได้ว่าฉันชอบผู้หญิงด้วยกัน
แม่ฉันไม่ชอบเรื่องแบบนี้ แม่ป้อนก็เช่นกัน ฉันกลัวว่าเราจะถูกกีดกัน และทุกฝ่ายจะเสียใจ
และฉันเองก็ไม่รู้ว่าที่พี่ฟิล์มไปส่งป้อนทุกวันเนี่ย ป้าข้างบ้านนินทาว่ายังไงบ้าง
พ่อและแม่ป้อนพูดและแสดงกิริยายังไงต่อแฟนของลูกสาว
แต่ก็ได้แค่เก็บความสงสัยไว้คนเดียว
เฮ้อ
ชีวิตเน่า ๆ ตอน ม.ต้นของฉันจบลงแล้วสินะ เปิดเทอมนี้ฉันก็จะเป็นน้องเล็กของ ม.ปลายแล้ว หวังว่าจะไม่มีเรื่องวุ่นวายแบบนี้อีกนะ
ฉันไม่อยากเจ็บปวดเหมือนตอน ม.ต้นอีกแล้ว
และขึ้น ม.ปลาย ฉันก็ยังจะเก็บใจไว้ให้ป้อนคนเดียว คนเดียวเพียงเท่านั้น