(เครื่องตำน้ำพริก)
แผ่นหลังกว้างขยับขับเคลื่อนไปตามแรงตอกตำจากสากกะเบืออันโต เรือนกายกำยำอุดมไปด้วยมัดกล้ามน่ามองกำลังชุ่มโชกพราวระยับไปด้วยเม็ดเหงื่อไคลย้อย...
เจ้าของกายบึกบึนนี้ไม่ได้จะเสียเหงื่อด้วยการออกกำลังกายด้วยการซ้อมเพลงดาบกับพรรคพวกแต่อย่างใด นายบ้านสามโคกเพียงแต่หมกมุ่นกับการเสพสังวาสกับเด็กสาวที่ชื่อฉกาหนักเกินไปสักหน่อยเท่านั้นเอง
เพี้ยะ!
หนุ่มใหญ่ฟาดฝ่ามือลงบนก้อนนมเนื้อขาวละเอียดปราศจากไฝฝ่า ส่วนหัวตั้งชูชันกลายเป็นสีชมพูเข้ม แววตาหื่นกระหายของนายบ้านหรี่มองสาวน้อยคนงาม จนรู้สึกมันเขี้ยวจึงต้องโน้มตัวอ้าปากงับหัวจะงอยสีหวาน กำลังหดเกร็งจนเป็นตุ่มไตเข้าปากดูดเสียงจ๊วบ จ๊วบ ทั้งดูดทั้งเลียในเวลาเดียวกัน
เจ้าของนมสล้างแอ่นตัวหยัดโค้ง ช้อนฝ่ามือน้อยดันก้อนนมอีกข้างป้อนใส่ปากร้อนชื้น นายบ้านทัพทองรีบผละห่างจากทรวงงามอีกข้างเพื่อย้ายมาดูดนมอีกข้าง สีหน้าบ่งบอกได้ชัดเจ้าตัวนั้นคลั่งไคล้กับเต้างามนี้มากขนาดไหน
“ซูด!...อา...อา...”
เพราะตั้งแต่เขาได้เด็กสาวผู้นี้มาอยู่ร่วมหลับนอนในเรือน ทัพทองก็แทบไม่เคยอยากทำกิจกรรมยามว่างอย่างอื่นเลยนอกจากจะมุ่งหน้ากลับเข้าเรือนท่าเดียว ห้วงคำนึงในหัวของเขามีเพียงเด็กสาวผู้นี้ อยากจะจับมันมาร่วมรักวันละหลายๆรอบ นี่ถ้าไม่ติดว่าตัวเขานั้นเป็นถึงนายบ้านสามโคกจักต้องนำคนออกลาดตระเวนล่าสัตว์ป่านำมาแล่เนื้อขายแล้วละก็ จ้างให้เขาก็ไม่อยากโผล่หัวออกจากเรือนไปไหน ก็การกินทั้งนมทั้งหอยสดๆจากเด็กสาวมันน่าอภิรมย์กว่าเป็นไหนๆนี่หว่า...
“ฉกา...อ๊า...อ๊า...ซีด...ร่องเอ็งช่างแน่นหนึบดีอย่างนี้หนอ ทำไมถึงไม่หย่อนคล้อยเหมือนกับอีพวกสาวๆหลายๆคนที่กูเคยเรียกมารับใช้...”
ในฐานะเป็นนายบ้าน ทัพทองมีสิทธิ์เรียกสาวบ้านไหนในหมู่บ้านมาคอยรับใช้ในยามเกิดกำหนัดได้ทุกเวลา
วันนี้ก็เฉกเช่นเดียวเหมือนดั่งทุกวัน หลังจากเขานำไอ้หนุ่มทั้งหลายในหมู่บ้านสามโคกออกลาดตระเวนล่าสัตว์ป่าแล้วได้กวางตัวงามมาหลายตัว เขาก็จัดการโยนหน้าที่ต่อจากนี้ทั้งหมดให้ไอ้มิ่งแก้ว ไอ้ทองก้อน กับบรรดาพรรคพวกอีกสี่ห้าคนรับผิดชอบกันไป
ช่วยกันจัดแจงนำเนื้อไปแจกจ่ายให้คนในหมู่บ้านอย่างทั่วถึง
ส่วนตัวเขาน่ะเหรอก็รีบเผ่นแน่บกลับมาหาฉกาน่ะสิ ก็คนมันคิดถึงแทบจะเป็นบ้าตาย...
“ฉันจวนเจียนจะเสร็จอีกแล้วจ้ะนายพรานจ๋า...”
“ถ้างั้นรอบนี้เอ็งมาเสร็จไปพร้อมกับกู...”
จบคำนั้นสะโพกแกร่งก็ตะบี้ตะบันซอยเข้าใส่รูเล็กถี่ระยิบ เสียงโหนกเนื้อตอกตำถึงพริกถึงขิงจึงยิ่งรุนแรงกว่าเดิม ฉกาเอาแต่ดิ้นทุรนทุรายด้วยอาการเสียวซ่านเกินกว่าจะทนรับไหว จนกระทั่งนายพรานหนุ่มใหญ่เปล่งเสียงร้องคำราม แผ่นหลังสั่นเหยือกพร้อมกับการปลดปล่อยเอาน้ำเชื้อสีขาวขุ่นออกมาชนิดล้นทะลักทลาย อาบไปทั่วทั้งดุ้นลำ
โพรงเนื้อของสาวน้อยอุ่นวาบ
“อร๊าย!...”
พอได้ปลดปลอ่ยฉกาเองจึงหยุดส่งเสียงครางโหยหวน ผ่อนร่างกลมกลึงลงบนพื้นฟูกหนาอย่างหมดเรี่ยวแรง เด็กสาวนอนพักเหนื่อยได้ไม่นาน เสียงลมหายใจยังหอบถี่ด้วยซ้ำตอนลำอวบซึ่งยังปักคาร่องเธอเริ่มเคลื่อนไหว หัวนมเธอถูกรวบเข้าปากแล้วดูดเสียงดัง จ๊วบ จ๊วบ
ครั้งนี้ร่างใหญ่กระชากร่างบอบบางกว่าให้โก่งตัวขึ้นสูง ลำอวบยาวใหญ่ทิ่มต่ำตรงกึ่งกลางร่องสวาททำเอาน้ำขาวข้นไหลทะลักสวนออกมามากล้น นายพรานสาวสะโพกเข้าออกเนิบนาบไม่นานแล้วจึงค่อยปรับจังหวะเป็นดุดันรุนแรง เพิ่มแรงกระแทกเข้าออก เรือนร่างลออขาวเป็นยองใยเคลื่อนไหวไปตามแรงโยกกระทุ้ง ปากอิ่มเผยอปล่อยเสียงครวญครางราวกับจะขาดใจตายเสียให้ได้ในวินาทีนั้น
เธอทั้งจุกทั้งเสียวจนโลกทั้งโลกกลายเป็นสีขาวโพรน
“อะ...อะ...อะ...อูย...ซีด...”
จวบจนตะวันบ่ายคล้อยดวงจันทร์ทำท่าจะขึ้นมาแทนดวงอาทิตย์ ทว่า ภายในเรือนไม้หลังน้อยก็ยังคงคละเคล้าไปด้วยเสียงร้องครางระงมระหว่างสาวน้อยกับนายพรานหนุ่มใหญ่ นี่ถ้าเกิดใครมาได้ยินเข้าคงได้ขนลุกซู่ปะไร ด้วยเพราะว่าตอนนี้สะโพกผายเล็กของฝ่ายหญิงกำลังรองรับสิ่งที่กำลังตอกตำเข้าหาอย่างเอาเป็นเอาตาย นมสองเต้าพวยพุ่งถูกบีบเคล้นด้วยฝ่ามือหยาบเน้นๆจนส่วนปลายจะงอยนั้นแดงซ่าน
ปรัก ปรัก ปรัก
เสียงตอกตำยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงตำน้ำพริกนี้ดังเล็ดลอดออกมาถึงหน้าชานเรือน เลยทำเอาแขกผู้มาเยือนผิวแก้มแดงแจ๋ เลือดลมในตัวชักเริ่มปั้นป่วน
“แม่เจ้าโว้ย! เสียงตำน้ำพริกบ้านนายบ้านทัพ ไยจึงเสียงดังอึกทึกครึกโครมลั่นไปถึงชายป่าเพียงกระนี้หนอ ท่าครกที่ตำจะเด็ดดวงไม่เบา....”
เป็นเสียงมือขวาคนสนิทของนายพรานทัพทอง มันมีชื่อว่ามิ่งแก้ว อายุห่างกันเพียงไม่กี่ปี...
มิ่งแก้วเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ รูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้ผู้เป็นนายบ้าน
เจ้าตัวเดินยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้นมาบนเรือนหลังงาม ขายังไม่ทันจะก้าวพ้นขอบบันไดขั้นสุดท้าย พลันหูก็ได้ยินเสียงโหนกเนื้อตำกันสนั่นลั่นไปทั่วบริเวณเรือน ด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยกันมาช้านาน ความผูกพันไม่ต่างจากพี่น้อง ไอ้มิ่งแก้วจึงกล้าจะส่งเสียงตะโกนกระเซ้าเย้าแหย่เจ้าของเรือนหลังนี้โดยไม่กลัวจะถูกตีน อาจเป็นเพราะนี่ไม่ใช่หนแรกกระมังที่ตัวเขาได้ยินเสียงชนิดนี้
บ่อยจนอดนึกเห็นใจแม่สาวน้อยฉกาเสียมิได้ ตกเป็นทาสสวาทใครไม่เป็นดันมาเป็นทาสสวาทของหนุ่มใหญ่กลัดมัน...
“ไม่ต้องมาเสือก มึงมาทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้นซะ ก่อนที่ตีนกูจะไปประทับอยู่บนหน้ามึง...ไอ้มิ่ง ไอ้น้องชั่ว”
เป็นเสียงตะโกนดังมาจากด้านในห้องนอน
ทำเอามิ่งแก้วถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะลั่น
“ตามสบายเลยนายบ้าน...แต่เก็บเสียงครางสักหน่อยก็ดี หมู หมา กา ไก่ รอบเรือนมันจะไม่ตกใจตื่นกันหมด”
ไอ้มิ่งเอ่ยแซ่วก่อนจะเดินย้อนกลับลงบันไดมาโดยไม่ต้องรอให้เจ้าบ้านตะโกนไล่มันอีกรอบ ฟังจากน้ำเสียงคงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ก็ทั้งสั่นทั้งกระเส่าเสียขนาดนั้น
พอเดินลงบันไดมาถึงขึ้นสุดท้าย มิ่งแก้วบุ้ยปากบอกสมัครพรรคพวกอีกสี่ห้าคนที่พากันเดินมุ่งตรงมายังลานบ้านของนายบ้านหนุ่มใหญ่
“ไปแดกเหล้ากันแค่นี้พอ...ดูท่านายบ้านคงติดภารกิจตำน้ำพริกกับเด็กสาวฉกาอีกยาว อาจถึงพรุ่งนี้เช้าเลยกระมัง...กูได้ยินเสียงเมื่อตะกี้ ยังขนลุกซู่ไม่หาย”
“ก็เรื่องปกติ...มึงยังไม่ชินอีกหรือไงไอ้ห่ามิ่ง...”
ทองก้อนกระทุ้งข้อศอกหยอกเพื่อนรัก สีหน้ากลับเหงาหงอยไม่ยิ้มแย้มเท่าที่ควร ลึกๆแล้วนั้นทองก้อนแอบชอบเด็กสาวของผู้เป็นนายบ้านอยู่ ทองก้อนเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้โดยไม่คิดปริปากบอกให้ใครฟัง เรื่องของหัวใจบางทีมันก็เกินการควบคุม หากก็ยังสามารถยับยั้งไม่ให้กระทำผิดพลาดได้
ส่วนสมัครพรรคพวกซึ่งตามกันมาถึงลานหน้าบ้านผู้เป็นนายบ้านต่างพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่กในคำพูดของสองสหาย ก่อนทุกคนจะพร้อมใจกันปล่อยเสียงหัวเราะก๊าก ตอนหูได้ยินเสียงสากะเบือกำลังตอกตำลงในครก
เป็นอันรู้กันไอ้เรื่องภารกิจตำน้ำพริกที่ไอ้มิ่งแก้วมันสื่อนั่นหมายถึงเรื่องอะไร ยิ่งมาได้ยินเสียงประกอบฉาก ร่ำๆว่าวงเหล้าเย็นนี้คงได้ยกเลิกแล้วเผ่นกันกลับไปตำน้ำพริกถ้วยเก่ากันที่เรือนพัก
ไอ้มิ่งแก้วกับไอ้ทองก้อนยังเป็นหนุ่มโสดต้องรีบเอ่ยปากห้าม พร้อมกับข่มขู่ไม่ยอมให้ใครหนีกลับ ไม่เช่นนั้นมันจะเอาเรื่องอีหนูของแต่ละคนไปป่าวประกาศบอกบรรดาเมียทั้งหลายให้รับรู้ เลยไม่มีใครกล้าทิ้งวงเหล้าในเย็นวันนั้น
นอกจากนายพรานทัพทอง คนนี้จำต้องยกเว้นไว้สักคน...
มันเป็นเช่นนี้มาเกือบปี คงตั้งแต่นายบ้านแกซื้อตัวฉกามาจากหมู่บ้านใกล้เคียง วงเหล้าที่เคยมีนายบ้านเป็นตัวตั้งตัวตี มาบัดนี้แทบจะไม่เคยเห็นหน้านายบ้านร่วมวงสุรา
พอตกเย็นเข้าหน่อยคอยแต่จะมุ่งหน้ากลับแต่เรือนพัก รีบปิดประตูลงกลอน ดับโคมไฟห้ามไม่ให้ผู้ใดมาคอยรบกวน นอกเสียจากจะมีปัญหาคอขาดบาดตายจริงๆจึงจะอนุญาต
“อะ..อ้า...อ้า...อูย...นายพราน...นายพรานจ๋า...หยุดกระแทกฉกาก่อน...” มือน้อยดันกล้ามหน้าท้องแข็งปั๊กออกห่าง ตอนหูเธอได้ยินเสียงเรียกดังอยู่หน้าเรือน มีคนมาหาถึงเรือน...ไยนายบ้านถึงไม่หยุดทำสวาทกับเธอ
จำได้ว่าเป็นเสียงของพี่มิ่งแก้ว พี่ชายใจดีที่มักมีรอยยิ้มประดับใบหน้าดุดันตลอด ฉกาชอบคุยกับพี่มิ่งแก้วเพราะว่าพี่มิ่งแก้วคุยสนุก
“จะให้กูหยุดทำไม...กำลังเสียว...”
นายพรานขึ้นเสียงหงุดหงิด ตำสากกะเบืออันโตใส่ครกฉ่ำเยิ้มด้วยจังหวะเน้นหนัก ใครจะหยุดให้โง่คนกำลังเอามันๆ ประเดี๋ยวไอ้ห่ามิ่งมันก็ถอยร่นกลับไปเอง มันรู้หรอกตอนนี้เขาไม่ว่างรับแขกไม่รับเชิญอย่างมัน
“อะ...แต่ว่าพี่มิ่งมาหานายพราน...นายพราน...อ๊า...จะไม่ลุกไปหาหน่อยหรือจ๊ะ...”
“ช่างหัวมันปะไร ประเดี๋ยวพอมันได้ยินเสียงกูตำน้ำพริกเข้า มันก็ล่าถอยกลับกันไปเอง...ไอ้ห่ามิ่งมันจะมีเรื่องอะไร นอกจากจะมาลากกูให้ไปแดกเหล้าด้วยกันกับมัน”
ทัพทองกระทุ้งสะโพกแข็งแกร่งอีกครั้ง เป็นการตอกย้ำเสียงตำน้ำพริกให้ดังกว่าเดิม น้ำพริกถ้วยนี้สำหรับเขาถือว่ารสชาติเด็ดดวงกว่าถ้วยก่อนๆ
เขาจึงกินไม่รู้จักพอ ยิ่งกินรสชาติยิ่งเอร็ดอร่อย มันจัดจ้านเกินกว่าจะละทิ้งห่าง ส่วนเรื่องแดกเหล้าจะแดกตอนไหนเมื่อไรก็ได้
“อ้า...นั่นสิจ๊ะ...”
สีหน้าของเด็กสาวนามว่าฉกาบิดเบี้ยวเหยแก เธอเสียวและมีความสุขอิ่มเอมอย่าบอกใคร การได้เสพสังวาสกับบุรุษหนุ่มใหญ่ซึ่งตนเองดันเกิดหลงรักหัวปักหัวปำ วาดหวังว่าสักวันนายพรานทัพทองจะคิดยกย่องให้ตนนั้นเป็นเมียออกหน้าออกตา เป็นสิ่งที่หญิงสาวทั้งหลายพึงปรารถนามิใช่หรือ
ฉกาเองถือว่าโชคดี...ผู้ชายที่ฉการักเขาเองก็ปรารถนาในตัวของฉกาเฉกเช่นเดียวกัน ถึงปากจะบอกว่านี่ไม่ใช่ความรักมันเป็นเพียงความใคร่ระหว่างชายหญิง ฉกาไม่เคยเก็บมาสนใจหรอก เพราะฉกามีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง...เชื่อว่าสักวันนายพรานทัพทองของฉกาจะต้องหลงรักเธอเข้าได้ในสักวันอย่างแน่นอน
“หรือเอ็งอยากให้กูไปแดกเหล้ากับพวกนั้นมันหะ!...” ทัพทองกระชากลำอวบอาบด้วยเมือกขาวออกจากรูเล็ก สาวน้อยถึงกับผวาตามพร้อมเปล่งเสียงครางกระเส่า
“อูย!ไม่ใช่จ้ะนายพรานจ๋า ฉกาไม่อยากให้นายพรานทิ้งฉกาตอนนี้”
“ใครจะกล้าทิ้ง...เอามันซะขนาดนี้ เอาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ”
นายพรานก้มกระซิบบอก แววตาหื่นกระหายซัดสาดใส่ดวงตากลมใส่เป็นการยืนยัน เนินเนื้ออวบอูมปริอ้ารองรับสิ่งที่ทั้งยาวและใหญ่ได้อย่างน่าพิศวง ฉกาไม่รู้หรอกว่ามันสอดเข้าใส่ในรูเล็กๆของเธอได้ยังไง รู้แต่ว่ายามมันหลอกล่ออยู่ในตัวของฉกา มันทำให้ฉกามีความสุข...
“อูย...ซีด...อ๊า...อา...นายพราน...นายพรานจ๋า อย่าดูดนมฉกาแรงนักสิจ๊ะ...ฉกากลัวหัวนมจะหลุด...”
เสียงเด็กสาวเว้าวอน แต่คนถูกร้องขอหาได้สนใจ ฟันคมๆยังครูดบดอยู่บนปุ่มเนื้อสีหวานนวลลออ ส่วนเม็ดจะงอยผลุบหายอยู่ในโพรงปากถูกเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย
ทัพทองชอบเคี้ยวหัวนม เขาว่ารสชาติมันหวานหอม อาจด้วยเพราะเป็นนมของเด็กสาวด้วยกระมัง ยิ่งเคี้ยวเขาก็ยิ่งเพลินจนบางครั้งบางคราเผลอครูดฟันจนเกิดเป็นรอยจ้ำแดงก็มี
ฉกาเคลื่อนไหวสะโพกเสียดสีดุ้นร้อน ยามเธอรู้สึกคับแน่นเต็มร่องรักไปทั้งรูเล็กๆที่ถูกเขาชักเย่อเข้าออกรุนแรงราวกับเขาไปตายอดตายอยากมาจากไหน ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นนายพรานหนุ่มฉกรรจ์ผู้นี้ไม่เคยห่างหายกับเรื่องอย่างว่าเลยสักวัน ก็มีของดีอยู่ใกล้ตัว เกิดอาการกระสันอยากขึ้นมาคราวใด เขาก็แค่ฉวยลากสาวน้อยมาจัดการได้ตลอดเวลา
ส่วนตัวฉกาเองก็พรักพร้อมสำหรับเขาเสมอ
ไม่เคยมีสักครั้งเธอจะปัดป้อง หรือไม่ยินยอมให้เขากระทำ
ลำอวบยาวใหญ่เสียบแทงร่องสาวแดงแจ๋ น้ำรักไหลทะลักสามารถลดทอนอาการเจ็บหน่วง การที่ฉกายังรู้สึกเจ็บหน่วงทุกครั้งแม้นจะตกเป็นของทัพทองมานาน อาจด้วยขนาดแตกต่างกันมากโข ทว่าธรรมชาติก็ยังอุตส่าห์จับยัดให้มันเข้าไปในตัวของสาวน้อยได้อย่างสบาย ตอนฉกาถูกนายพรานจับทำเมียครั้งแรก ฉกายังตกใจกับขนาดของเขาจนเกือบสิ้นสติมันเสียเดียวนั้น
ถึงได้ว่าตอนฉกาถูกนายพรานทัพทองพาตัวมาหมู่บ้านสามโคกใหม่ๆ สายตาของบรรดาสาวเล็กสาวใหญ่ในหมู่บ้านหลายคู่ ต่างจับจ้องมองมายัง ฉการาวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันซะให้ได้ ที่แท้ก็ด้วยเหตุผลของเรื่องนี้นี่เอง
คงจะเสียดายของใหญ่กันสินะ...
ฉกายังเคยได้ยินเสียงซุบซิบนินทาจากปากพวกคนกลุ่มนั้นบ่อยๆ
‘นังส้มแป้นคงได้ตกกระป๋องก็คราวนี้’
‘มันก็ของแก้ขัดเหมือนกันละหว่า จะหลงมันได้สักกี่วันเชียว...’
เป็นเสียงค้านจากแม่ของคนที่ถูกกล่าวถึง เพราะหวั่นใจกลัวลูกสาวจะเป็นดั่งปากพวกมันว่า ส้มแป้นคงไม่ถูกหัวหน้าหมู่บ้านเรียกไปรับใช้บ่อยเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา คราวนี้ครอบครัวจะลำบาก ต้องกลับมาหาของป่าเอาไปแร่ขายในหมู่บ้านมะแว้งอีกเหมือนเดิม
นางไม่อยากกลับไปลำบากเหมือนอดีต ฉะนั้นแล้วงานนี้จะต้องหาวิธีกำจัดอีเด็กสาวผู้นั้นให้สิ้นซาก แต่จะด้วยวิธีไหนยังคิดไม่ออก เอาไว้ค่อยหาทางในภายภาคหน้า ถ้าอีเด็กนี่กลายเป็นคนโปรดของนายบ้าน มันก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ยืนยาว หากคิดในอีกทาง ไม่แน่หรอกว่านายพรานอาจนึกเบื่ออีเด็กผู้นี้ในเร็ววันก็อาจเป็นได้...
‘แต่นายบ้านทัพ ไม่ชอบกินเด็กมิใช่หรือ...อีพวกสาวๆที่ถูกเรียกใช้ ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นสาวเต็มตัว หรือไม่ก็อีพวกผัวตายแล้วเสือกเหงา ไม่เห็นนายบ้านทัพแกจะเคยเรียกอีพวกนมเพิ่งจะตั้งเต้ามารับใช้แบบนี้สักที’
‘โอ๊ย!นังมะเฟืองเอ่ย เอ็งแหกตาดูอีเด็กนั่นซะก่อน รูปร่างหน้าตามันหาใช่เด็กนมเพิ่งตั้งเต้าเสียที่ไหน ทั้งนมทั้งต้มใหญ่กว่าพวกเรารวมตัวกันด้วยซ้ำ ถ้าข้าเป็นนายบ้าน ขาจะจับอีเด็กนั่นกินตับไตไส้พุงวันละสามเวลา’
‘นั่นสิ...นังส้มแป้นเทียบไม่ติดขี้ตีน...’
เสียงถกเถียงของสาวเล็กยันสาวใหญ่ในกลุ่มนั้นทำให้ฉกาสนใจหันไปมองแต่กลับถูกนายบ้านสามโคกดึงให้เดินตาม
ซึ่งฉกาไม่รู้ว่าส้มแป้นคือใคร จนกระทั่งมีหญิงสาวสวยผู้หนึ่งเดินหน้างอง้ำเข้ามากระชากหัวไหล่ฉกา ตอนฉกาเผลอเดินเล่นมาถึงท้ายหมู่บ้านในรุ่งขึ้นของอีกวัน
‘กูชื่อส้มแป้น...เป็นคนโปรดของนายบ้านทัพทอง...’
เจ้าตัวประกาศศักดาพร้อมข่มด้วยสายตาดุดัน ทำเอาฉกาต้องถอยเท้าหนีมาด้านหลังด้วยอาการตื่นกลัวกับท่าทางเอาเรื่อง ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มกว้าง หวังผูกมิตรไมตรีส่งให้ ยังไงต้องสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรู ชีวิตเธอตอนนี้ตกอยู่ในอุ้งมือของนายบ้านที่นี่ เธอจึงไม่อยากสร้างเรื่องร้อนหูให้กับเขาตั้งแต่วันแรกที่มาถึง
‘จ้ะ...ฉันชื่อฉกา ยินดีที่ได้รู้จักพี่ส้มแป้นตัวจริงๆเสียทีนะจ๊ะ เคยได้ยินแต่นายพรานบ่นหา บ่นคิดถึงพี่ส้มแป้นมาบ่อยครั้งเหลือเกิน พอได้มาเห็นตัวจริงวันนี้ถึงได้รู้ว่าทำไม?’
‘แล้วทำไมวะ?’ ส้มแป้นขึ้นเสียงถาม
‘ก็เพราะพี่ส้มแป้นหน้าตาสะสวยออกอย่างนี้นี่เอง นายพรานถึงได้บ่นหาวันละสามเวลา...‘ หาทางเอาตัวรอดจะได้ไม่ต้องมีปัญหาเข้าหูผู้เป็นนายบ้าน
‘เอ็งนี่นิสัยประจบสอพอใช้ได้...ว่าแต่จริงเหรอ...นายบ้านทัพบอกว่าคิดถึงข้าจริงๆหรือ?...’ ส้มแป้นถึงกับหูผึ่ง สีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาฉับพลัน
‘จริงสิจ๊ะ ฉันไม่โกหกพี่หรอก...นี่ยังบอกให้ฉันลงมาเดินเล่นนานๆ ประเดี๋ยวคงจะสั่งคนให้ไปตามตัวพี่ส้มแป้นมาหาบนเรือน...’
พูดปลดไปอย่างนั้นเอง ตอนนี้นายพรานทัพทองกำลังนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปรึกษาหารือเรื่องป้องกันโรคระบาดจากหมู่บ้านข้างๆไม่ให้ลามมาถึงหมู่บ้านสามโคก เธอจึงถือโอกาสหลบออกมาเดินเล่นเพราะไม่เข้าใจเรื่องที่พวกนั้นพูด บังเอิญมาเจอตอเข้าจังเบ้อเร่อ คราวนี้เลยต้องคิดหาทางเอาตัวรอด
ข้อความเท็จจากเด็กสาวทำให้ส้มแป้นกระโดดโลดเต้นดีใจ ล้มเลิกภารกิจมาเอาเรื่องคู่แข่ง รีบวิ่งแจ้นกลับมาบ้านอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าให้ดูเย้ายวนใจซึ่งเป็นผ้าถุงสั้นเหนือหัวเข่า กับเสื้อลายดอกคอบัวรัดรูปเน้นส่วนหน้าอกให้ดูตูมใหญ่ ผลัดใบหน้าจนขาวแฉล้มพร้อมออกมานั่งรอให้นายพรานทัพทองซึ่งมีฐานะเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านสามโคกส่งคนมารับเธอที่บ้านเหมือนเดิม
ส้มแป้นนั่งรอจนเผลอนั่งสัปหงก ท้องฟ้าด้านนอกนั้นมืดมิดก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาใครสักคนผ่านมาหน้าบ้านตัวเองด้วยซ้ำ
จนกระทั่งนายมากกับนางตำลึงเดินกลับขึ้นเรือนมาหลังจากพากันไปบ้านตามั่นลูกสาวแกเพิ่งคลอดลูกคนแรก พอเห็นลูกสาวคนงามนั่งหน้าตูมเอามือคอยปัดยุงก็ร้องถามอย่างสงสัย
‘เอ็งมานั่งตากยุงให้มันกัดเล่นทำไมวะนั่นนังส้มแป้น ทำไมไม่เข้าไปหลับนอนในมุงให้มันดีๆ หรือมานั่งคอยข้าสองคน ก็บอกไม่ต้องคอยไง ข้าจะอยู่กระดกเหล้ากับไอ้พวกนั้นมัน...’
‘ฉันมานั่งรอนายบ้านทัพตากห่าง นังเด็กฉกามันบอกว่านายบ้านจะส่งคนมาเรียกให้ฉันไปรับใช้คืนนี้ แต่จนป่านนี้ฉันยังไม่เห็นใครมาเรียกฉันเลยสักคนจ้ะพ่อ...’
‘อ้าวเหรอ...’ นางตำลึงทำเสียงตื่นเต้น นึกว่าลูกสาวตัวเองจะตกกระป๋องแล้วซะอีก ได้ยินแบบนี้ใจจึงชื้นขึ้นมาได้หน่อย ถ้านายบ้านยังส่งคนมารับส้มแป้นก็แสดงว่าลูกสาวนางยังเป็นคนโปรดเหมือนเก่า
‘แต่นี่มันดึกมากแล้วนะ...จะมาจริงๆหรือเปล่า...’
‘เอ๊ะ! พี่นี่ ก็เขาบอกจะมาก็ต้องมาสิ จะมาช้านิดช้าหน่อยแต่อีกประเดี๋ยวก็คงมา เขาจะมาโกหกนังส้มแป้นให้มันดีใจเก้อทำพระแสงทำไมเล่า...’
นายมากตวัดสายตามองเมียโดยไม่พูดอะไร คอยแต่นึกคันปากอยู่ในใจ ได้เด็กสาวมารับใช้ใหม่ ทั้งสวยทั้งรูปร่างดีขนาดนั้น มีหรือจะยังชายตามาแลของเก่าอย่างลูกสาวตัวเอง
แล้วก็เป็นจริงดั่งว่านายบ้านทัพทองไม่เคยเรียกลูกสาวบ้านไหนมารับใช้อีกเลย ตั้งแต่ได้ตัวฉกามาอยู่ด้วยในบ้าน ตกค่ำมานายบ้านสามโคกก็เอาแต่ตำน้ำพริกครกเดิมไม่เคยนึกเบื่อหน่าย...
*******************