ว่าแต่เขา…7/1

1322 คำ
เมื่อไม่ต้องเก็บงำความรู้สึกที่มีต่อมุกกันยาและเธอก็ไม่ได้ตัดไมตรีที่หยิบยื่นให้ ชวัลดนย์จึงโทรศัพท์หาหญิงสาวได้อย่างสบายใจมากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าเธอจะคิดกับเขาในแง่ลบเหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ ที่พยายามเข้าหาเธอ ค่ำวันเดียวกันเมื่อมุกกันยากลับมาถึงห้องพักในคอนโดมิเนียมชายหนุ่มก็โทร. เข้ามา “สวัสดีครับ คุณสะดวกคุยรึเปล่า ถ้าไม่สะดวกตอนนี้ผมวางก่อนก็ได้” ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้โทรศัพท์หาเธอแล้ว แต่หญิงสาวเพิ่งกดรับตอนนี้เขาจึงคิดว่าเธออาจยังไม่สะดวกคุย “ตอนนี้ฉันสะดวกค่ะ เพราะกลับถึงห้องพักแล้ว คุณมีอะไรรึเปล่าคะ” น้ำเสียงหญิงสาวสดใส “ก็มีทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนที่อยากจะคุยกับคุณน่ะครับ ให้พูดเรื่องไหนก่อนดี” หญิงสาวอมยิ้มกับตัวเองก่อนจะบอกว่า “เรื่องงานก่อนสิคะ เรื่องส่วนตัวเอาไว้ทีหลัง” ชวัลดนย์ยกยิ้มออกมาเช่นกัน ร่างสูงยืนคุยโทรศัพท์อยู่ระเบียงบนห้องของตนเอง จังหวะนั้นก็เห็นรถน้องสาวกำลังวิ่งเข้ามาภายในอาณาบริเวณบ้าน เขารอที่จะคุยกับน้องสาวตั้งแต่ตอนเย็นแต่ชญาพัฒน์เพิ่งจะกลับถึงบ้านตอนนี้ “เรื่องงานผมจะบอกคุณว่า คนที่ส่งมาให้ผมตกลงรับทั้งสามคนเลยนะครับ คุณเริ่มเทรนพวกเธอให้พร้อมสำหรับงานได้เลย รายละเอียดงานผมจะให้เลขาแจ้งไปอีกที” มุกกันยายิ้ม เธอดีใจที่สามารถหางานให้นักเรียนที่ลงเรียนคอร์สพัฒนาบุคลิกภาพกับเธอและมนต์กันยาได้ และเมื่อเจ้าของงานตอบรับคนที่ทางสถาบันของเธอเสนอไปหญิงสาวก็พร้อมที่จะฝึกนักเรียนของเธออย่างเต็มที่เพื่อให้พร้อมสำหรับงาน ให้เธอเหล่านั้นได้แสดงศักยภาพและความสามารถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นการปูทางสำหรับอนาคตของพวกเธอในสายงานนี้ต่อไป “ขอบคุณมากนะคะ” “ด้วยความยินดีครับ จบเรื่องงานที่จะคุยแล้วตอนนี้ขอคุยเรื่องส่วนตัวด้วยได้มั้ยครับ” คนปลายสายนั่งยิ้มกับตัวเองบอกว่า “ค่ะ มีเวลาให้สามสิบนาที” “แค่นั้นก็เกินพอครับ ผมก็ไม่ค่อยชอบคุยกับคนที่คิดถึงผ่านสัญญาณโทรศัพท์แบบนี้เหมือนกัน ถ้าจะคุยต้องคุยกันแบบเห็นหน้า” มุกกันยาแสร้งระบายลมหายใจหนักให้เขาได้ยิน แต่ปากยังยิ้ม “ถอนหายใจทำไมเหรอครับ” “ก็ถอนหายใจกับคุณไง นี่ไม่ต้องพูดจาภาษาชวนเลี่ยนขนาดนั้นก็ได้ค่ะ พูดธรรมดา ๆ กับฉันดีกว่า” “อ้อ แสดงว่าคำพูดพวกนี้คุณได้ยินจากคนที่เข้ามาขายขนมจีบให้คุณจนชินแล้วน่ะสิ” มุกกันยากรอกตาไปมา “ก็ ไม่เชิงหรอกค่ะ แต่คุณพูดธรรมดา ๆ ก็ได้ ฉันว่าตัวตนของคุณก็ไม่ใช่คนที่จะพูดคำเลี่ยน ๆ เป็นปกติหรอกมั้ง จริงมั้ยคะ” คราวนี้ชวัลดนย์หัวเราะออกมาเบา ๆ “คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวตนของผมน่ะ เป็นคนที่โรแมนติกแล้วก็สายเปย์มากนะครับ” ทั้งคู่เริ่มพูดหยอกกันด้วยอารมณ์ขันทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยิ้ม มุกกันยาทำเสียงอุทานแล้วว่า “โอ้โห สายเปย์ซะด้วย แต่บังเอิญว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครมาเปย์แล้วล่ะค่ะ คอนโดก็มีแล้ว รถก็มีแล้ว ข้าวของแบรนด์เนมก็มีเยอะแล้วถ้าอยากได้อีกก็ซื้อเองได้ค่ะ” ชวัลดนย์ฟังอีกฝ่ายพูดแล้วยิ้มอยู่ “เปย์ของพวกนั้นไม่ได้งั้นก็ขอเปย์ค่าอาหารให้คุณทุกมื้อก็ได้ครับ วันไหนว่างให้ผมชวนมาทานอาหารด้วยกันอีก อยากใช้เวลากับคุณ ทำกิจกรรมแบบสบาย ๆ อย่างกินข้าว ดูหนังด้วยกันสักวัน” ชายหนุ่มเอ่ยชวนอย่างไม่อ้อมค้อมลุ้นอยู่ในใจว่าหญิงสาวจะยอมหรือไม่ “อืม...พรุ่งนี้มีงานทั้งวันเลยค่ะ” มุกกันยาตอบสั้น ๆ ชายหนุ่มไหวตัวมีความหวังอย่างน้อยเธอก็ไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว “แล้ววันไหนว่างล่ะครับถ้างั้น” “ก็อีกสองวันน่ะค่ะ คุณรอได้รึเปล่า” “ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มตอบรับอย่างไว เอ่ยต่อว่า “งั้นก่อนจะถึงวันนั้นผมโทร. หาคุณได้หรือเปล่า หรือส่งข้อความไปคุยด้วย ขออนุญาตไว้ก่อน เพราะกลัวว่าคุณจะไม่สะดวก” “ก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันบอกไว้ก่อนนะคะว่า ที่ฉันคุยกับคุณนี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้องสาวคุณด้วยนะ” “ครับผมเข้าใจ” น้ำเสียงชายหนุ่มเบาลงก่อนจะเอ่ยขึ้นใหม่ “อืม...งั้นไม่รบกวนคุณแล้ว คุณทำงานกลับมาคงเหนื่อย แค่นี้นะครับผมจะนับวันรอ” “ค่ะ” มุกกันยาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเล็กด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม รู้สึกว่าเมื่อได้คุยกับเขาแล้วหัวใจของเธอพองโตขึ้น นี่ใช่ไหมคือความสุขอย่างหนึ่งของการที่เราได้คุยกับคนที่เราเกิดความรู้สึกดี ๆ ด้วย ทว่ามุกกันยาก็บอกตัวเองไว้เสมอว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาสามารถสิ้นสุดลงได้ทุกเมื่อหากคนในครอบครัวของเขามายุ่งกับเธอ หญิงสาวสามารถตัดใจจากผู้ชายคนนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักตราบใดที่ยังไม่ทุ่มเทหัวใจให้ทั้งหมด หลังจากที่คุยกับมุกกันยาแล้วชวัลดนย์ก็เดินไปเคาะประตูห้องน้องสาวเพื่อจะคุยให้รู้เรื่อง เรื่องที่ชญาพัฒน์ยังเข้ามายุ่งกับเรื่องงานของเขาอีกทั้งที่บอกไปแล้ว เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นชญาพัฒน์ที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำกับผ้าโพกผมเข้าชุดกันเดินมาเปิดประตูให้ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก เพราะไม่รู้ว่าใครมารบกวนเธอในเวลานี้ เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบกับใบหน้าเข้มขรึมของพี่ชายที่จ้องมองอยู่ จากเดิมที่หญิงสาวมีสีหน้าไม่พอใจก็เปลี่ยนเป็นเชิดปลายคางขึ้นตีหน้าใสซื่อ ยกมือขึ้นกอดอก ถามว่า “พี่โชแปงมีอะไรคะถึงมาเคาะห้องชาตอนนี้ ชาจะอาบน้ำนอนแล้ว วันนี้ทำงานเหนื่อย” ชวัลดนย์ระบายลมหายใจออกหนักหลุบตาลงแวบหนึ่งเพื่อเก็บอารมณ์ไม่พอใจน้องสาวเช่นกันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าชญาพัฒน์ด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง “ที่พูดกัน ชาไม่ฟังพี่เลยใช่มั้ย ต้องให้พูดอีกกี่ครั้ง ทำไมทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้” “พี่โชแปงพูดเรื่องอะไรคะ ชาไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับน้องสาวที่เขาเลี้ยงเธอมาด้วยความทะนุถนอมจนชญาพัฒน์เติบโตมีความคิดเป็นของตัวเอง ทั้งเขาและคนทางบ้านก็พร้อมที่จะสนับสนุนไม่ว่าเธอจะทำอะไร จนวันหนึ่งสิ่งที่เธอทำดูจะเกินกว่าเหตุไปมากแล้ว มาถึงตอนนี้คงจะเป็นการยากที่จะปรับนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจของเธอ ก่อนหน้านี้ความเอาแต่ใจของเธอก็ไม่ได้หนักหนาจนถึงขั้นรับไม่ได้ ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเล็กและคนเดียวทำให้ทุกคนรักและตามใจเธอมากประกอบกับฐานะทางบ้านที่เอื้ออำนวยให้เธอได้อย่างที่ต้องการมาโดยตลอด...เว้นแต่เรื่องของว่าที่คู่หมั้นที่ทำให้ชญาพัฒน์ถึงกับเสียศูนย์ไปพักหนึ่งและผูกใจเจ็บไม่เลิก ^ ^ ^ ^ ***โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะค้า ขอบคุณค่า อ่านไม่หวนคืนก่อนได้น้าาา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม