เดินทางไปทำงาน

2936 คำ
คุณสามารถและคุณเยาวภาว่าจ้างสายขิมเดือนละ ห้าหมื่นบาท ระยะเวลาหกเดือน เพื่อช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจของลายสือให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด ทำงานวันจันทร์-วันศุกร์ หยุดวันเสาร์ และวันอาทิตย์ หลังการผ่าตัดหากลายสือกลับมามองเห็นอีกครั้ง ก็ถือว่าสัญญาสมบูรณ์ ครอบครัวเกษตรทรัพย์ ไม่อยากรับค่าจ้าง อยากช่วยเหลือมากกว่าเพราะเห็นว่ารู้จักกัน แต่คุณสามารถและคุณเยาวภาไม่ยอม ยังไงก็ต้องจ่ายเป็นค่าจ้าง ท่านรู้ว่างานดูแลคนป่วยเป็นงานหนัก หลังเซ็นสัญญาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ มื้อเย็นที่บ้านเกษตรทรัพย์ สมาชิกทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร นางคมคายมีความสุข ที่ได้ทำกับข้าวอร่อยๆให้ทุกคนในครอบครัวได้กิน มีความสุขที่ได้ดูแลบ้าน ทำความสะอาดบ้าน ตั้งแต่แต่งงานจนกระทั่งมีลูกและถึงวันนี้ นางยังคงดูแลเสื้อผ้าของทุกคน ทั้งรีดทั้งซัก เสื้อผ้าของทุกคนต้องผ่านมือนางทุกตัว มีความสุขที่ได้ทำให้ทั้งลูกและสามี ยกเว้นชุดชั้นในของสายขิม เธอเลือกที่จะซักและตากเอง มะขามเองก็เช่นกันกางเกงในของตัวเองเขาจะใส่ตะกร้าแยกไว้ต่างหาก แล้วซักเอง ไม่อยากให้แม่ทำให้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี “สายขิมลูกไม่เก็บเสื้อผ้าหรอกเหรอ นี่ใกล้วันที่ลุงกับป้าเขาจะมารับแล้วนะ” “เก็บแล้วจ๊ะแม่ ขิมเอาไปไม่กี่ชุดหรอก เพราะเสาร-อาทิตย์ ขิมก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว” “จะไหวไหมล่ะลูก ระยองกับกรุงเทพฯถึงจะใกล้กันแต่ถ้ากลับทุกอาทิตย์ก็เปลืองนะ” “ขิมว่าจะขอรถพ่อกับแม่ไปใช้สักคัน ขอคันเล็กไปได้ไหมจ๊ะประหยัดดี” “ขิมก็พูดเป็นเล่นไป จะกลับทุกอาทิตย์เลยเหรอลูก” “แรกๆก็ต้องกลับจ๊ะแม่ อย่าบอกนะว่าไม่ให้ขิมกลับ” “ต้องดูสถานการณ์ก่อนนะหนูขิม เดี๋ยวมันจะไม่ต่อเนื่อง ถ้าหนูกลับบ้านแล้วใครจะดูแลพี่เขาต่อล่ะ” “ก็จริงจ๊ะแม่ งั้นไม่เป็นไรขิมจะดูอาการเขาก่อนก็ได้ แต่ห้ามร้องไห้หาขิมนะจ๊ะ” “จะยากอะไรคิดถึงลูกพวกเราก็ขับรถไปหาขิมก็ได้” “ก็ดีเหมือนกันนะ บางทีไปเยี่ยมขิมพี่จะได้มีเวลาไปหาพวกเครื่องไม้เครื่องมือสร้างบ้านหลังใหม่ แถวนี้ไม่ค่อยมีอุปกรณ์ที่อยากได้เลย” “เอาเป็นว่าขิมก็เก็บของที่จะต้องใช้ไว้ล่ะกันนะลูก ลุงกับป้าเขามารับเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ” “ขิมว่าจริงๆไม่ต้องมารับก็ได้นะจ๊ะ ขิมขับรถไปเองก็ได้ บ้านก็ไม่น่าหายากขิมมีกระเป๋าใบเดียว จริงๆเมื่อตอบตกลงที่จะทำงานแล้ว ขิมก็อยากทำงานให้สำเร็จเร็วๆ งานนี้ไม่ง่ายแน่เลย แต่ขิมจะพยายามทำให้ดีที่สุดนะจ๊ะทุกคนไม่ต้องห่วงนะ” “เอาน่าให้เขามารับน่ะดีแล้วลูก พ่อว่าอย่างน้อยก็ประหยัดค่าน้ำมันไม่ใช่เหรอ” “จริงจ๊ะพ่อ งั้นก็ได้รอให้รถมารับ ต่อไปนี้ขิมก็คงไม่ได้กินกับข้าวฝืมือแม่แล้วซิ” “ขิมก็ทำเองได้นี่นา บางอย่างทำอร่อยกว่าแม่อีก ไม่ยากหรอกลูกเดี๋ยวก็ชิน” “ขิมเสียดายจังเลย อุตสาห์อยากทำโรงงานขนมจีนเพื่อขาย” “ไม่ต้องเสียดายหรอกลูก อย่างน้อยไม่ได้ทำขนมจีนขายขิมก็ได้เงินเดือนนี่นา ขิมอายุยังน้อยยังมีเวลาอีกเยอะลูก อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้เลย เราตั้งใจที่จะช่วยคนแล้วก็ต้องทำให้ดีทำให้เต็มที่” “ได้เลยจ๊ะพ่อ ขิมไม่คิดแล้วจะตั้งใจทำงานให้เต็มความสามารถเลยค่ะ” “ตั้งใจทำงานนะสายขิม งานเสร็จก็กลับบ้านเราการช่วยคนได้กุศลมาก ทำไปเถอะโอกาสแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆแถมเงินเดือนแพงมากทำให้สมกับที่เขาไว้ใจให้คุ้มกับเงินที่รับของเขามา ” “จ๊ะขิมก็คิดแบบนั้นแหละพี่ขาม “สายขิมหยุดคำพูดทุกอย่างเมื่อได้ยินพี่ชายพูดขึ้น ปกติพี่ชายเธอเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเขาได้พูดอะไรออกมาก็ทำให้ทุกคนต้องเงียบ นายครามนางคมคายเองก็ไม่ใช่คนพูดเยอะอะไร เน้นทำงานมากกว่า มีสายขิมที่พูดเยอะกว่าคนอื่นนิดหน่อย ธรรมดาลูกผู้หญิงที่บ้านก็ไม่เหงา ทุกคนแยกย้ายกันหลังจากกินข้าวเย็นอิ่มแล้ว สายขิมช่วยแม่เก็บล้างถ้วยจานเสร็จแล้วขอตัวเข้าห้องพักผ่อน สายขิมทยอยเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบขนาดกำลังดี เธอเลือกเสื้อผ้าที่ใส่แล้วทำงานได้สะดวก ส่วนมากเป็นเสื้อแขนสั้นที่แม่ตัดให้ กางเกงยีนต์ ชุดนอนครบทุกวัน เครื่องสำอางไม่ค่อยเยอะ เหลือมาจากสมัยที่เธอทำงานพยายาบาล มีเพียงแต่เล็กน้อยเท่านั้น อยู่บ้านทำงานสวนงานไร่ก็แต่งบ้างไม่แต่งบ้าง วันไหนที่เธอแต่งหน้าไปส่งผัก ส่งไข่ไก่ ส่งกบ หรือส่งอะไรก็ตาม หลายคนที่พบเห็นต่างก็มองแปลก บ้างก็บอกว่าสวยดี บ้างก็พูดว่าจะแต่งหน้าทำไม ไม่ได้ทำงานบริษัทฯสักหน่อย เธอไม่ได้สนใจ อยากทำอะไรก็ทำการที่เธอแต่งหน้า ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่นา เป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆแต่มันก็ทำให้สายขิมเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ที่สุด ไม่ว่าสังคมไหนต่างก็มีทั้งคนที่คิดดีและคิดไม่ดีดังนั้นควรทำให้ตัวเองนิ่ง และต้องนิ่งแบบไม่เครียดด้วย ซึ่งบางครั้งเธอก็ทำได้บางครั้งก็ทำไม่ได้ อยางว่าแหละเธอก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งมีหัวใจเหมือนคนทั่วไป เธอคิดว่าในทุกเวลาควรรู้อารมณ์ตัวเอง ความที่เธอเรียนพยาบาล ทำให้ต้องเน้นเรื่องอารมณ์และความรับผิดชอบชั่วดีมาเป็นลำดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะลาออกจากการเป็นพยาบาลมาแล้วก็ตาม แต่สำนึกดีของเธอก็ยังคงมีอยู่เสมอ สายขิมไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจออะไร แต่ที่เธอรู้เองคือลูกชายของคุณป้ากับคุณลุงนี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆถึงท่านทั้งสองจะไม่บอกรายละเอียด แต่เธอก็พอจะรู้ระดับเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่ดังและมีชื่อเสียงที่สุดทำไมถึงต้องมาจ้างอดีตพยาบาลอย่างเธอไปดูแลลูกชายคนเดียว อีกอย่างคือ ฐานะของพวกเขาสามารถที่จะจ้างพยาบาลดีๆมาดูแลได้ แต่ทำไมไม่ทำ เธอเตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด หรือเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่นั่นแหละในเมื่อตอบตกลงรับงานแล้ว ก็ต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด เลิกคิดมากได้แล้วสายขิมเธอควรนอนได้แล้ว กรุงเทพมหานคร คุณเยาวภาปวดหัวและยุ่งมาก วันนี้เป็นวันที่นางต้องตรวจงานที่จ้างวานผู้รับเหมาให้ต่อเติมห้องนอนใหม่ของลายสือ คุณสามารถผู้เป็นสามีต้องเดินทางไปประชุมด่วนที่ต่างประเทศ เพื่อขยายสาขาโรงพยาบาลที่ประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้นางต้องทำงานที่เมืองไทยคนเดียว งานอื่นๆสามารถให้คนทำแทนได้ แต่เรื่องของลูกชายนางต้องใส่ใจและเอาใจใส่เต็มที่ สรุปว่าภายในหนึ่งเดือน ไม่มีทางสร้างห้องขนาดใหญ่ และเหมาะกับคนป่วยแบบลายสือให้เสร็จลงได้ แต่ก็จำเป็นมากที่จะต้องย้ายเขาออกมาจากโรงพยาบาล ลายสือไม่ยอมอยู่บ้านพ่อกับแม่ เขาต้องการอยู่บ้านตัวเอง อ้างว่าคุ้นเคยกว่า คุณเยาวภาต้องโทรหาครอบครัวเกษตรทรัพย์ เพื่อที่จะขออนุญาต ให้สายขิมขึ้นมาที่กรุงเทพฯเร็วกว่ากำหนด ซึ่งทุกคนเข้าใจดี หลังนายครามวางสายจากคุณเยาวภา นายครามแจ้งข่าวให้ทุกคนรู้ สายขิมยืนยันว่าเธอขับรถไปเองได้ หญิงสาวขับรถเข้ากรุงเทพฯคนเดียวตรงไปที่บ้านของคุณเยาวภา เพื่อที่จะนำกระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บ ก่อนที่จะไปรับลายสือที่โรงพยาบาลพร้อมคุณเยาวภา ระยองกับกรุงเทพฯไม่ไกลกันมากนัก สายขิมขับรถไม่นานก็ถึงบ้านคุณเยาวภา หาไม่ยากนักเพราะไม่ได้อยู่ในตัวเมือง บ้านข้างหน้าเธอหลังใหญ่มากไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่อาศัยกันเพียงสองคน หญิงสาวจอดรถที่ลานจดรถหน้าบ้าน มีแม่บ้านออกมาต้อนรับมาพาเธอเข้าไปพบกับคุณเยาวภา “หนูสายขิม มาเร็วทันใจดีจังเลยลูก ป้านี่คิดอะไรไม่ค่อยออกเลย มาลูกเข้ามาก่อนพักก่อนนะ” “สวัสดีค่ะคุณป้า ขิมมาช้าไปไหมคะ พอพ่อเล่าให้ฟังขิมก็เตรียมตัวและขับรถออกมาเลย” “เร็วมากลูก ป้าขอโทษนะที่ไม่ได้ไปรับหนูขิมด้วยตัวเอง ตามที่รับปากไว้ พอดีลุงเขามีงานด่วน งานป้าเองก็เยอะมาก แล้วคนป่วยก็ร่ำร้องอยากกลับบ้านเหลือเกิน ป้าอยู่คนเดียวคิดอะไรไม่ออกเลยลูกเอ้ย” “ไม่เป็นไรค่ะคุณป้าพวกเราเข้าใจ งั้นก่อนที่จะไปรับคนป่วย ขิมขอไปดูที่บ้านพักก่อนได้ไหมคะ จะได้ขนกระเป๋าเสื้อผ้าลงด้วย” “ได้เลยลูก ไปเดี๋ยวเราเอารถกอล์ฟไปกัน บ้านของพี่เขาอยู่ไม่ไกลหรอก อยู่คนละฝั่งกับบ้านป้าหวังว่าหนูขิมจะชอบนะลูก บรรยากาศก็จะเหมือนบ้านสวนของหนูเลยต้นไม้เยอะ” คุณเยาวภาให้คนขับรถพาไปที่บ้านพักของลายสือ ซึ่งปลูกอยู่ในรั้วเดียวกับบ้านพ่อแม่ ห่างออกไปเกือบห้าร้อยเมตร เบื้องหน้าของสายขิมต้นยางนาที่กำลังโตปลูกเป็นแนวถนนเข้าไปในตัวบ้าน มองจากด้านนอกเห็นเพียงหลังคาบ้านทรงสูงโผล่ออกมาจากยอดไม้ พื้นที่บริเวณบ้านกะด้วยสายตาน่าจะประมาณสองไร่กว่าๆรอบบ้านมีแต่ต้นไม้ รู้เลยว่าเจ้าของบ้านชอบ ไม่น่าเชื่อว่าในเมืองยังมีต้นไม้ใหญ่อยู่ แค่ต้นจามจุรีสองต้นก่อนที่รถจะเลี้ยวเข้าประตูบ้านนั่น ก็ทำให้เกิดความร่มเย็นมากแล้ว ใกล้ตัวบ้านยังมีต้นจำปีกับจำปาปลูกอยู่สองข้างทาง อีกฝั่งเป็นจำปี อีกฝั่งเป็นจำปา ซุ้มนั่งเล่นเป็นไม้เลื้อยสีม่วงที่เรียกว่าพวงครามกำลังออกดอกม่วงสวยมาก ดีจังค่อยหายคิดถึงบ้านหน่อย เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เหมือนกับตัดขาดกับโลกภายนอกเลย ไม่น่าเชื่อว่าบ้านหลังนี้จะปลูกอยู่ในเมือง “รถกอล์ฟหยุดนิ่ง ตรงหน้าเธอคือบ้านขนาดกำลังดี เป็นบ้านชั้นเดียวกึ่งปูนกึ่งไม้ผสมผสานกันแบบคล้ายๆบ้านของเธอ มีช่างกำลังต่อเติมบ้านด้านข้างออก พร้อมทำทางสำหรับรถเข็นขึ้นบ้าน ภายในบ้านขนาดใหญ่กว้างมากสามห้องนอน สามห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องทำงาน ตกแต่งคล้ายๆกับบ้านของเธอที่ระยอง ไม่น่าเชื่อต่างกันที่บ้านหลังนี้เป็นปูนกิ่งไม้ ส่วนบ้านเธอเป็นไม้ทั้งหมดทำให้สายขิมรู้สึกคลายความคิดถึงบ้านได้บ้าง ถึงจะเดินทางมาไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้เธอคิดถึงทุกอย่างที่บ้านแล้ว “หนูขิมพักห้องนี้นะลูก ป้าจัดให้หนูพักติดกับห้องพี่เขา จะได้ดูแลกันสะดวก เดี๋ยวเก็บกระเป๋าแล้วเราไปรับพี่เขาที่โรงพยาบาลด้วยกันนะ” “ค่ะคุณป้า ขิมเก็บกระเป๋าก่อนนะคะ”สายขิมเข็นกระเป๋าเข้าห้องพัก พอเข้ามาจริงๆไม่น่าเชื่อว่าห้องจะกว้างมาก มีความรู้สึกว่ามันก็คล้ายห้องนอนที่บ้านของเธอนั่นแหละ หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจ “คุณป้าคะแล้วที่บ้านนี้อยู่กันกี่คนคะ” “ก็จะมีแค่หนูขิมกับพี่เขา แต่เดี๋ยวป้าจะส่งคนมาทำความสะอาดบ้านให้นะ ไม่ต้องห่วง มีอะไรหนูขิมโทรไปที่บ้านป้าได้เลย ส่วนเรื่องกับข้าวมีแม่ครัวทำที่บ้านอยู่แล้ว อาหารจะมาส่งทุกเช้ากลางวันและเย็น ไม่ต้องห่วงเลยจ๊ะ หรือถ้าหนูขิมอยากทำกินก็ได้นะ อยากได้อะไรก็บอกป้า เดี๋ยวป้าให้แม่ครัวออกไปซื้อมาให้” “เข้าใจแล้วค่ะคุณป้า” คุณเยาวภาและสายขิมเดินทางไปที่โรงพยาบาล ด้วยรถตู้คันใหญ่เพื่อรับลายสือกลับบ้าน สายขิมเพิ่งเคยมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นครั้งแรก ใหญ่โตโอ่อ่าสมกับเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงและโด่งดังมาก ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปภายในโรงพยาบาล กลิ่นที่เธอคุ้นเคยก็ปะทะจมูก เหล่าพนักงานและเจ้าหน้าที่ออกมาต้อนรับคุณเยาวภา หลายคนพลอยยกมือไหว้สายขิมไปด้วย ดีที่วันนี้เธอเลือกใส่ชุดที่ไม่ทำให้คุณเยาวภาเสียหน้า เธอเลือกใส่กางเกงขายาวสีครีม เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีครีม สอดชายเสื้อไว้ด้านในสวมทับด้วยเสื้อสูทแขนยาวสีครีมเช่นกัน ใส่รองเท้าคัทชูสมัยที่เคยใส่ทำงาน ดีที่เธอไม่แต่งชุดพยาบาลมา แต่ก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำงานพยาบาลแล้ว ก็ไม่ควรใส่ ผู้หญิงใส่ชุดพยาบาลดูท่าว่าน่าจะเป็นหัวหน้าตึก มาต้อนรับคุณเยาวภา ได้ยินว่าชื่อนงคราญ พาทั้งเธอและคุณเยาวภาขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นที่ 20 ห้อง 909 ทั้งหมดเข้ามาอยู่ภายในห้องพักของคนป่วน บนเตียงชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นอนนิ่งอยู่บนนั้น ขาข้างขวามีผ้าพันแผล ข้างซ้ายก็เช่นกัน ขนาดเขานอนยังดูเป็นคนร่างใหญ่มาก เขาไม่ได้หลับหันหน้ามาทางประตูเมื่อรู้ว่ามีคนเข้ามาภายในห้อง “คุณลายสือคะ คุณเยาวภามาค่ะ”นงคราญพูดเบาๆกับคนที่นอนอยู่บนเตียง “ลายสือแม่มาแล้วลูก แม่มารับกลับบ้านเรา” “ครับแม่ ผมรอเวลานี้มาหลายวันแล้ว ดีใจมากครับ” “เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะลูก แล้วกลับบ้านกัน หนูขิมช่วยป้าหน่อยนะลูก” สายขิมรู้หน้าที่ดี หญิงสาวถือถุงเสื้อของคนป่วยตรงไปที่เตียงเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา” “ขออนุญาตนะคะ” หญิงสาวยื่นมือไปแตะที่หลังมือของลายสือเบาๆ “ฉันรูดม่านปิดแล้ว ฉันเตรียมชุดของคุณมาให้ นี่คือเสื้อยืดคอกลม กางเกงชั้นใน และกางเกงขาสั้นที่ใส่สบาย เป็นของคุณค่ะ น่าจะใส่ง่าย คุณจะสะดวกเปลี่ยนเองหรือจะให้ฉันช่วยไหมคะ” “เดี๋ยวฉันเปลี่ยนเอง”ลายสือรู้สึกสะดุดกับเสียงของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขา สะดุดตั้งแต่คำว่าขออนุญาตแล้ว เสียงนุ่มและเพราะมาก ทำให้เขาไม่หงุดหงิดต่างกับเสียงของพวกพยาบาลที่เข้ามาดูแลเขา พวกนั้นชอบทำเสียงเหมือนว่าเขาจะอาละวาดเสียให้ได้ ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา เสียงผู้หญิงเดินแหวกม่านออกไปด้านนอกแล้ว ลายสือเปลี่ยนกางเกงด้วยตัวเอง เขาจำไม่ได้ว่าเป็นกางเกงตัวไหน แต่ใส่สบายจริงๆคนเลือกๆได้เก่งมาก อยู่ๆเขาก็ไม่อยากใส่เสื้อเองขึ้นมาซะงั้น “ช่วยใส่เสื้อให้ฉันหน่อย ใส่ลำบาก” “ขอโทษนะคะ”หญิงสาวจัดการใส่เสื้อให้คนป่วย เธอมีวิธีใส่ ทำได้รวดเร็วคนป่วยไม่รู้สึกเจ็บและยุ่งยากเลยสักนิด “ขอบใจนะ แล้วต้องทำยังไงต่อ” ไม่คิดว่าตัวเองจะถามออกไป ในใจเขาครั้งแรกอยากจะนิ่ง แต่ทำไมเขาถึงอยากได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้ คงเป็นเพราะตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาเขาก็ได้ยินแต่เสียงหมอและพยาบาล ถึงทุกคนจะพูดจะทำตามหน้าที่แต่เขาที่ต่อต้านอยู่แล้วและไม่ให้ความร่วมมืออะไร หงุดหงิดบ่อยครั้ง “ฉันจะพยุงคุณนั่งที่รถเข็นนะคะ ทำตามที่บอกจะง่ายค่ะ คุณนั่งไหวไหมคะถ้าไม่ไหวใช้รถนอนก็ได้” “ไหว ฉันอยากนั่ง”ลายสือทำตามที่สายขิมบอกทุกอย่าง ง่ายและเร็วไม่พลาดเลย ต่างกับที่พวกคนอื่นๆให้เขาทำเขาเจ็บตัวหลายครั้ง ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่คนรูปร่างใหญ่แต่ทำไมบางครั้งยกเขาไหว คงมีเทคนิคพิเศษและต้องเป็นพยาบาลแน่ๆแม่กับพ่อไม่ได้บอกเขาว่าจะให้ใครมาดูแล บอกเขาเพียงแต่ว่าจะมีพยาบาลพิเศษมาดูแลเขาอยู่ที่บ้าน “เรียบร้อยแล้ว ฉันจะเป็นคนเข็นรถของคุณไปข้างล่างเพื่อขึ้นรถตู้กลับบ้านนะคะ ไม่ต้องห่วงฉันจะดูแลคุณอย่างดีระหว่างที่ลงไปที่รถ คุณอยากใส่หมวกหรือใส่แว่นตาไหมคะ” ลายสือพยักหน้า หมวกและแว่นตาก็มาวางเบาๆอยู่บนมือของเขา ชายหนุ่มใส่หมวกเองและสวมแว่นทันที หลังจากนั้นเขาสัมผัสได้ว่าคนเข็นรถดูแลเขาดีจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม