ธรรมดาแต่ยั่งยืน

2884 คำ
จังหวัดระยอง บ้านสวนเกษตรทรัพย์ ปลูกอยู่บนเนื้อที่ห้าไร่ เป็นบ้านไม้ชนบทสไตล์ญี่ปุ่นหลังใหญ่ ฝีมือการออกแบบของนายครามผู้เป็นผู้นำครอบครัว ทั้งบ้านอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน นายคราม สามี นางคมคาย ภรรยา มะขาม ลูกชายคนโต และสายขิม ลูกสาวคนเล็ก มะขามลูกชายคนโตเรียนจบวิศวะ อายุ 27 ปี ส่วนสายขิม ลูกสาวคนเล็กอายุ 25 ปี เรียนจบพยาบาล สองสามีภรรยาทำธุรกิจ ค้าไม้เก่ารับซื้อ และขายไม้เก่าทุกชนิด ควบคู่กับการปลูกผลไม้ และทำสวนผักออแกนิค หลังๆมาอิ่มตัว ลูกชายเบื่อลาออกจากงานประจำมาช่วยงานที่บ้าน ทั้งสองยกกิจการค้าไม้เก่าให้ลูกชายคนโตดูแล ส่วนลูกสาวคนเล็กทำงานได้ 2 ปี ก็ตัดสินใจลาออกมาช่วยงานพ่อกับแม่ทำงาน รับหน้าที่ทำทุกอย่างรองลงมาจากลูกชายคนโต สองสามีภรรยาหันมาทำสวนผลไม้กับสวนผักแทน หลักๆก็เป็นลูกชายและลูกสาวดูแล ผลไม้ที่สวนเกษตรทรัพย์ส่งขายต่างประเทศทั้งหมด ไม่ใช้สารเคมีจึงเป็นที่ต้องการของตลาดมาก รวมถึงผักในสวนด้วย นายครามลงทุนครั้งเดียว เขาสร้างโรงเรือนกันแมลง และใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทั้งหมด ปุ๋ยมาจากควายและไก่ที่เลี้ยงไว้ นอกจากนั้นยังปลูกแหน เลี้ยงไก่อารมณ์ดี ไว้เก็บไข่กินเหลือก็ขาย เลี้ยงกบ เลี้ยงปลา ในพื้นที่ 5 ไร่ พืชผักสวนครัวแทบไม่ต้องซื้อ จะซื้อก็เพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ขามลูกชายคนโตนำความรู้ที่เขาได้เรียนมามาพัฒนากิจการของที่บ้าน ภายในสวนไม่ว่าจะเป็นระบบน้ำหรือไฟ ใช้โซล่าเซลล์ทั้งหมด “ขาม ขิม มากินข้าวกันก่อนลูก เห็นว่าวันนี้จะจับปลาใช่ไหม “ “กบด้วยจ๊ะแม่ ลูกค้าติดต่อมาหลายวันแล้ว ขิมลืมบอกพี่ขาม” “อ้าวเหรอ ดีแล้วลูก พักบ่อไว้สักหน่อยนะแล้วค่อยลงใหม่” “ครับแม่ วันนี้มีอะไรกินบ้างครับ หิวจังเลย” “แกงส้มมะรุม แกงไตปลา ขนมจีน ปลาแดดเดียวทอดกินกับแกงส้ม ไข่เจียวชะอม พอไหมลูก” “แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้วครับ ขอห่อไปที่สวนได้ไหมครับแม่ ขี้เกียจขึ้นมากินที่บ้าน” “เดี๋ยวขิมห่อให้พี่ขามเองจ๊ะแม่” “แม่ขิมอยากทำขนมจีนขาย แถวบ้านเรายังซื้อขนมจีนในเมืองกันอยู่เลย อยากทำจังเลยจ๊ะแม่“ “จะทำทันกันเหรอลูก แค่นี้ก็ไม่มีเวลากันแล้ว พักๆกันบ้างเถอะ”นายครามปรามลูกๆ “จริงๆขนมจีนมันก็ไม่ยากนะจ๊ะพ่อ ได้เงินทุกวันด้วย คนแถวบ้านเราทำงานโรงงานเยอะ ตลาดหน้าโรงงานก็มี ขิมว่ายังไงก็ขายได้ ส่งได้ทุกวันเลย วันไหนขิมไม่ว่างก็ฝากพี่ขามไป ขิมคิดไว้นานแล้ว แต่จะขอพื้นที่พ่อสักหน่อย ขิมไม่อยากทำใกล้บ้าน อยากได้ที่โล่งๆสะอาดๆ” “ก็ลองดู พวกกบ ไก่ ปลา เราก็ให้อาหารเป็นเวลาอยู่แล้วนี่ จะเอาเงินไปทำอะไรนักหนาลูก พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ลำบากสักหน่อย พักๆบ้างก็ได้หรอกสายขิม” “ไม่เอาขิมอยากมีเงินเท่าพี่ขาม เอาไว้สมทบเวลาที่พี่ขามไปขอสาว”สายขิมพูดอย่างอารมณ์ดี “โอ้ย ....ถามพี่เราก่อน หาได้หรือยังแฟนอ่ะ พ่อกับแม่รอจนเหงือกแห้งแล้ว อยากอุ้มหลาน” “ยังไม่เจอเลยแม่ เอาไว้ก่อนยังไม่เจอคนถูกใจเลยครับ” “ไม่ต้องรีบหรอกอยู่ด้วยกันนานๆแบบนี้แหละ แบบนี้ก็มีความสุขดีพี่ไม่รีบหรอกขิม”มะขามหันไปลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู สองพี่น้องสนิทกันมาก มะขามเป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อนของสายขิม มีกันแค่สองคนพ่อกันแม่สอนให้รักกัน สมัยที่ทั้งสองยังเด็ก พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวพ่อแข็งแรง เก่งทำงานเพื่อครอบครัวไม่เจ้าชู้ แม่เป็นแม่บ้านช่วยและสนับสนุนงานของพ่อทุกอย่างทั้งสองคนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ สองสามีภรรยาไม่ค่อยชอบยุ่งวุ่นวายกันใคร ทำงานที่บ้าน อีกอย่างสวนของครอบครัวอยู่ห่างจากหมู่บ้านเกือบ 5 กิโลเมตร ค่อนข้างเป็นส่วนตัวมาก สี่คนพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่มีศัตรู ไม่มีพิษมีภัยกับใคร นายครามพื้นเพเป็นคนจังหวัดนี้ ที่บ้านทำสวน ทำนา บ้านเขามีที่นาและที่สวนหลายสิบไร่นายครามเป็นลูกชายคนเดียว เรียนจบสถาปนิก หลังเรียนจบเขาขอพ่อกับแม่ทำงานที่กรุงเทพฯ งานที่บริษัทฯใหญ่ในกรุงเทพฯ ในตำแหน่งสถาปนิก ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อกลับบ้านเพราะพ่อกับแม่ขู่ว่า ถ้าเขาไม่กลับบ้านท่านจะขายที่ทางทั้งหมดทิ้งแล้วจะไปบวชอยู่ที่วัดทั้งสองคน นายครามยอมกลับบ้าน พร้อมพาคนรักมารู้จักพ่อกับแม่ ซึ่งท่านทั้งสองตกใจ กลัวว่าทางบ้านของคนรักของลูกชายจะไม่ชอบที่พวกเขาเป็นคนต่างจังหวัด ทำนาทำไร่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องตามใจถ้าทั้งสองรักชอบพอกัน นางคมคายเป็นคนกรุงเทพฯ บ้านอยู่ในฐานะปานกลาง ที่บ้านมีลูกสาวสองคน ลูกชายหนึ่งคน การที่คมคายคบกับคราม ทางบ้านของเธอไม่มีปัญหา หากว่าทั้งสองรักกัน และคมคายสามารถที่จะอยู่ต่างจังหวัดได้ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย เธอเรียนจบปริญญาตรี และทำงานที่เดียวกับคนรัก คมคายรับครามมากถึงกับยอมไปอยู่ที่ต่างจังหวัดกับสามี จากชีวิตที่อยู่แต่กับความเจริญกลับต้องมาอยู่ต่างจังหวัดที่เงียบเชียบ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คมคายลำบากเลย กลับชอบทุกอย่างที่นี่เธอใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวของสามีอย่างมีความสุข โชคดีที่เจอพ่อและแม่สามีใจดี เป็นคนสมัยใหม่ เมื่อทั้งสองคนตกลงแต่งงานกัน และย้ายมาอยู่ที่จังหวัดระยอง คมคายมารู้ทีหลังว่าสามีของเธอไม่ใช่ชาวไร่ชาวนาธรรมดา เขาเป็นลูกชายคนเดียว พ่อกับแม่มีที่ดินมากมาย เตรียมไว้ให้เขากลับมาสานต่อหลังจากเรียนจบ ครามกลับมาสานต่องานของพ่อกับแม่ทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นสวนผลไม้ นาข้าว สวนผัก และอีกหลากหลาย มีชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งสองอยู่ด้วยกันมาจนมีลูกสองคือ มะขามกับสายขิม เฉพาะที่ดินและทรัพย์สินของปู่กับย่าที่ตกทอดมา ทั้งครอบครัวก็อยู่กันได้ไม่ลำบากเลย จริงๆมะขามและสายขิมแทบไม่ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างใครเลยก็ยังได้ ทั้งนายครามและนางคมคายอนุญาตให้ลูกชายและลูกสาว ทำงานหลังเรียนจบได้ไม่เกินห้าปี หลังจากนั้นทั้งสองคนจะต้องกลับมาสานต่องานของที่บ้าน แต่ผิดคาดทั้งมะขามและสายขิม ต่างก็ทำงานกันแค่คนละสองปี ก็ลาออก เบื่อเพื่อนร่วมงาน กลับมาทำงานอยู่บ้านมีความสุขและสบายใจกว่า แถมได้เงินหลายทาง อิสระทั้งความคิดและเวลา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าขายไม้เก่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำกันมานานตั้งรุ่นปู่ทวด ขายผัก ขายผลไม้ ขายกบ ขายปลา ขายกุ้งฝอย ขายไข่ไก่ และล่าสุดสายขิมอยากทำขนมจีนขาย ทั้งนายครามและนางคมคาย ภูมิใจในตัวของลูกทั้งสองคนมาก มะขามและสายขิมเป็นเด็กดี ไม่ดื้อเชื่อฟังพ่อและแม่ ทั้งสองสามีภรรยาก็ไม่เคยบังคับลูกๆให้อิสระเต็มที่กับทุกเรื่อง อยากทำอะไรให้อิสระทุกอย่าง และทั้งสองคนก็ไม่เคยทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง มะขามลูกชายคนโตรูปร่างสูงใหญ่ นิสัยใจเย็น นิ่งๆไม่ค่อยยิ้ม สมกับเป็นลูกชาย รักน้องมากตามใจทุกอย่าง หน้าตาหล่อเข้มเป็นที่หมายปองของสาวๆแถวนี้ และที่ทำงานเก่า แต่เขาไม่ค่อยสนใจน่าจะยังไม่เจอคนถูกใจ สายขิมนี่ยิ่งไปกันใหญ่ ไม่มีวี่แววว่าจะรักใครชอบใคร สายขิมหน้าตาดีสองพี่น้องหน้าตาคล้ายกัน มะขามหล่อเข้ม สายขิมสวยคม เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ทั้งพ่อกับแม่ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง ที่สายขิมลาออกจากพยาบาล ทั้งสองคนไม่อยากซักไซ้ลูกมากนัก สายขิมเองก็ไม่เคยเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่า ทำไมถึงลาออกจากพยาบาล บอกพ่อกับแม่เพียงแต่ว่า ไม่ถูกกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งทั้งนายครามและนางคมคายไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ก็ต้องฟังลูก ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาจริงๆเรื่องราวที่ทำให้ครอบครัวไม่สบายใจ สายขิมจะไม่พูดเด็ดขาด ไม่ใช่แค่สายขิมคนเดียวมะขามก็เช่นกัน ลูกทั้งสองจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ไม่เคยให้พ่อกับแม่เดือดร้อนด้วยเลย แต่นางคมคายสงสัยว่าลูกสาวของนางจะอกหัก คนเป็นแม่และเป็นผู้หญิงด้วยกันทำไมจะมองไม่ออก เพียงแต่ไม่ได้ถามหรือซักไซ้อะไร สายขิมเงียบไปไม่กี่วันก็กลับมาเป็นปกติ ยิ่งมาอยู่บ้านลูกไม่เคยได้ว่างเลยทำงานกันตลอด อาจเป็นเพราะงานเยอะทำให้สายขิมลืมเร็ว แต่ก็เป็นเพียงการคาดเดา เรื่องจริงไม่รู้ว่าเป็นยังไง นางเองก็ไม่อยากรื้อฟื้นให้ลูกเล่าให้ฟัง แล้วแต่เขา อยากเล่าก็เล่า ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า นางกับสามีเห็นว่า ลูกก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานใจอะไร คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรง อีกอย่างมะขามก็คอยดูแลน้องตลอดเวลาอยู่แล้ว ลูกรักและสามัคคีกัน คนเป็นพ่อแม่ก็ดีใจ แต่มะขามแอบมาพูดให้นางฟังว่า น้องสาวอกหักจากหมอที่โรงพยาบาล ที่ทำท่าว่าชอบสายขิม แต่พอมีหมอจบใหม่มา เขาก็เปลี่ยนใจไปชอบน้องใหม่ และขามรู้มาอีกว่าผู้ชายคนนั้น แอบนินทาน้องสาวเขาว่าไม่ทันสมัยจืดชืดเกินไป นางคมคายตลกกับความคิดของผู้ชายคนน้ัน มีตาหามีแววไม่นึกดีใจที่ลูกสาวตัดใจได้ คนพันธ์นั้นไม่สมควรที่จะได้รับความรักที่บริสุทธิ์จากสายขิม สมัยที่นางคมคายมาอยู่กับครอบครัวสามีใหม่ ๆทำอะไรไม่เป็นเลย เพราะเป็นเด็กกรุงเทพฯ มาเจอบ้านสามีเลี้ยงควาย นางตื่นเต้นมาก โชคดีพ่อกับแม่สามีรักและเอ็นดูคอยบอกคอยสอนทุกอย่าง ทำให้อยู่ได้อย่างสบายใจ แต่คนที่บ้านของเธอยังคิดว่าเธอมาอยู่อย่างลำบาก มีเพียงเพื่อนๆรุ่นเดียวกันเท่านั้นที่รู้ว่าเธออยู่สุขสบายมากกว่าสมัยอยู่ที่กรุงเทพฯเสียอีก อากาศก็ดี เงินทองก็ไม่ต้องใช้มาก นางกับสามีอยู่กันอย่างพอเพียงไม่ฟุ้งเฟ้อ มีเงินก็เก็บไว้เมื่อเวลาจำเป็น ไม่ฟุ่ยเฟือย ลูกๆก็นิสัยเหมือนพ่อกับแม่ นางคมคายเข้ากันได้ดีกับแม่ย่า ชอบงานฝีมือเหมือนกัน ทุกอย่างภายในบ้าน นางจะเป็นคนทำเอง งานถักโครเชต์ ตัดเสื้อผ้า เรียกว่าตัดทุกอย่างใส่เอง ทำง่ายๆในแบบที่ชอบ รวมถึงตัดให้สามี ลูกชาย ลูกสาว สมัยที่ลุกทั้งสองเรียนหนังสือ แทบไม่เคยซื้อชุดนักเรียน นางคมคายตัดให้ลูกใส่เองตลอด มะขามกับสายขิมชอบใส่กางเกงยีนต์เสื้อเชิ้ตลายสกอต มีทุกสีทุกแบบ สายขิมเป็นคนเลือกซื้อเสื้อผ้าให้พี่ชาย ซื้อของดีมียี่ห้อเพราะใช้ได้นาน ใส่จนซีดจนขาดกันไปข้างหนึ่ง ปะแล้วปะอีกจนใส่ไม่ได้จริงๆถึงทิ้ง สายขิมต่างจากพี่ชายบ้างเพราะเป็นผู้หญิง มีเดรสบ้าง กระโปรงบ้าง แต่ส่วนมากก็ไม่ได้ตามแฟชั่น อาศัยเอาที่มีมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน กระเป๋าก็เป็นกระเป๋าผ้าซะส่วนมาก แน่นอนทั้งมะขามและสายขิมชอบลายสกอต ส่วนใหญ่นางคมคายซื้อผ้ามาตัดให้ใส่กันทั้งครอบครัว ตัดตามแบบที่ลูกชอบ อาศัยที่นางเคยอยู่ในกรุงเทพฯและเป็นคนที่ตามแฟชั่น ลูกๆจะได้ใส่เสื้อผ้าที่ทันสมัยอยู่เสมอๆ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโต “แม่คะขิมแวะเอาเงินเข้าธนาคารแล้วนะคะ ปีนี้ขายกุ้งฝอยได้ดีจังเลย ตะไคร้ก็ดีมากนะคะแม่” “ไม่น่าเชื่อนะว่าคนนิยมกินกุ้งฝอยกันมากขึ้น ดีนะที่แม่เชื่อขิม ยอมให้เลี้ยง” “พรุ่งนี้ขิมจะตักแหนแดงส่งให้ลูกค้าแล้วนะคะพ่อ ว่าจะขอคนงานพ่อมาช่วยตักสักสองคนได้ไหมคะ” “ได้ซิลูก ขิมว่าจะใช้เวลากี่วันถึงจะตักหมดลูก” “น่าจะสักสองถึงสามวันค่ะพ่อ หมดแล้วขิมว่าจะพักบ่อก่อนสักเดือน แต่ขิมเก็บไว้ห้าบ่อนะคะพ่อไม่ได้ตักหมด” “ดีลูกตักขายหมดเดี๋ยวไม่พอเลี้ยงปลา เสี้ยงไก่กันพอดี” “ขามเรื่องที่จะไปสร้างบ้านให้ลูกค้า เป็นยังไงบ้างลูก ถึงไหนแล้ว” “รอลูกค้าตอบกลับมาครับพ่อ ขามส่งแบบให้เขาดูแล้วเห็นว่ารอลูกตัดสินใจครับ” “ขิมว่ายังไงเขาก็ต้องจ้างเรา แบบบ้านของพ่อสวยจะตาย ทันสมัยด้วย แถมไม้เราก็ดี” “อย่าชมพ่อนักเลยลูกเอ้ย เดี๋ยวพ่อเขาจะเขียนแบบไม่ได้หยุดกันพอดี แทนที่จะได้พักผ่อนกลับได้งานเพิ่มมาอีก ไหน่ว่าจะพักสุดท้ายก็ไม่ได้พัก”นางคมคายบ่นสามีนิดหน่อย สมัยที่อยู่กรุงเทพฯสามีนางฝีมืออันดับต้นๆของบริษัทฯ เมื่อฝีมือดีงานก็เยอะ ปัญหาก็แยะ แต่สุดท้ายก็ต้องลาออกมาทำงานที่บ้าน ตั้งใจจะให้ลูกๆสานงานต่อ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะทำ เรียกว่าอยู่เฉยๆไม่ได้เลย “แม่ก็พ่อก็ยังพอทำได้ ไม่ได้แก่อะไรเลย ไอ้งานออกแบบนี้มันก็ท้าทายดีเหลือเกิน ยิ่งเขียนออกมาแล้วมีคนชอบ ขายได้ ยิ่งทำให้พ่อฮึกเหิมอยากทำต่อไป นี่แม่รู้ไหมว่า ลูกค้าอยากได้บ้านตัวอย่างของเรามากๆเลย เสียแต่ว่าไม้เราหายากขึ้นทุกวัน วันหลังต้องทำแบบบ้านปูนดูบ้าง” “จริงนะคะแม่ บ้านไม้ตัวอย่างพวกผู้ชายชอบแบบบ้าน ชอบโครงสร้าง แต่พวกแม่บ้านชอบงานของแม่ พวกผ้าม่านตัดเอง ของประดับ งานฝีมือที่ตกแต่งในบ้าน ถามขิมมาหลายคนแล้วนะแม่ เขาอยากได้ ถ้าแม่ทำขายนี่ก็ดีเหมือนกันนะคะ” “โอ้ย...ไม่เอาหรอกลูก ขิมกับขามก็คิดเพิ่มไป เดี๋ยวแม่ทำให้ทุกหลังเลย เอาแบบนั้นดีกว่าเป็นของแถมลูกค้าไป แต่แม่บอกก่อนนะว่า ถ้าแม่ขยันก็จะได้เยอะหน่อย ถ้าไม่ขยันก็อาจจะได้น้อย ต้องแล้วแต่อารมณ์แม่ด้วย” “พ่อว่าเรื่องสร้างบ้านขายก็ดีนะ ได้ฝึกมือช่างเราด้วย อีกหน่อยถ้าเราไม่ทำพวกเขาจะได้เอาไปต่อยอดได้ สร้างอาชีพได้ดีเลย “ “ตอนนี้ขามก็ค่อยๆฝึกน้องๆที่ทำงานกับเราไปครับพ่อ ให้ทุกอย่างไม่มีกั๊ก ใคนสนใจก็ได้เยอะ ใครไม่สนใจก็ได้น้อย โชคดีน้องที่อยู่กับเราเป็นเด็กดีทุกคนไม่เกเร อย่างน้อยก็แค่สูบบุหรี่บ้าง เรื่องยาเรื่องเกเรนี่ไม่มีเลย แต่ถ้าหลงมาบ้างขามก็ไม่เอา” “ดีแล้วลูก แต่มีปัญหาอะไรก็ต้องพูดคุยกันก่อนนะเด็กๆบ้านเราไม่ค่อยมีคนเกเรหรอก พ่อแม่ครอบครัวเขาเราก็รู้จักมีอะไรก็คุยกันได้” “เอ่าๆกินข้าวกันเถอะแม่ตั้งสำรับแล้วเดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมด ไว้กินข้าวอิ่มอาบน้ำแล้วค่อยมาคุยกันต่อ” ทุกคนกินข้าวเย็นด้วยกันอย่างมีความสุข นางคมคายเป็นคนทำกับข้าวเองทุกมื้อ บางมื้อมีสายขิมเข้ามาช่วยบ้าง การที่สายขิมเข้ามาช่วยแม่ทำกับข้าวบ่อยๆ นั่นทำให้เธอทำกับข้าวเป็นหลายอย่าง และอร่อยมากด้วย หลังกินข้าวอิ่ม พ่อกับลูกยังนั่งคุยงานกันต่อ เป็นแบบนี้ทุกเย็น หลังคุยกันจบ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันพักผ่อน เป็นชีวิตที่เรียบง่ายและธรรมดาตามแบบฉบับของบ้านต่างจังหวัดที่เต็มไปด้วยความสุข
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม