ใบหน้าเรียบนิ่งของเฮียทานต์ที่เดินไปทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามนั้น ปารารินเดาอารมณ์ชายหนุ่มไม่ออกว่าเขาเสียใจหรือไม่อย่างไร เพราะตอนนั้นพี่หมิวเดินกลับเข้ามาพอดี
เหตุการณ์ในวันนั้นเกือบจบลงด้วยดี เพราะเฮียทานต์พูดคุยกับพี่หมิวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขายังคงหัวเราะและนัวเนียกันปกติจนปารารินอดมองค้อนด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
กระทั่งเฮียทานต์กลับจากไปส่งพี่หมิวนั่นแหละ เขาเอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
ปารารินคิดว่าเฮียทานต์คงกำลังเสียใจที่รู้ว่าแฟนตัวเองนอกใจ แต่ที่ทำทุกอย่างให้ปกติก็คงเพราะรักพี่แนนมากนั่นเอง ต่อหน้าคนรักก็ทำตัวร่าเริง พอกลับมาอยู่คนเดียวก็เลยเศร้าแบบนี้
น่าสงสารอะไรอย่างนี้นะ...
และด้วยเพราะความสงสารนี่แหละ จึงทำให้ปารารินวู่วามกระทำสิ่งที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยการ...
“พี่หมิวเขาไม่รักเฮียก็ปล่อยเขาไปสิคะ” ปารารินพยายามปลอบใจเฮียทานต์
“รินยังเด็ก ไม่เข้าใจอะไรหรอก อีกอย่างรินไม่น่าเสียมารยาทกับหมิวแบบนั้น เราเป็นเด็กไม่ควร...”
“อะไรนะเฮีย ก็พี่หมิวเขาทำผิดจะให้รินอยู่เฉย ๆ ได้ยังไง แทนที่เฮียจะด่ารินเรื่องเสียมารยท เฮียด่าแฟนเฮียดีกว่าไหม” เด็กสาวนึกโมโห แทนที่จะเห็นความดีของเธอแต่เฮียทานต์กลับมาตำหนิกันแบบนี้ได้อย่างไร
“ก็พี่บอกอยู่นี่ไงว่ารินยังเด็ก ไม่รู้เรื่องอะไรอย่าพูดดีกว่า” คนโตกว่าหลบสายตาปิดบังความรู้สึกภายในใจที่กำลังเก็บกดเอาไว้ ผุดลุกขึ้นเดินหนี
ปารารินที่เห็นแววตาสลดของเพื่อนพี่ชาย นึกเห็นใจที่เขากำลังเสียใจจึงพยายามสงบอารมณ์น้อยใจของตัวเองลงก่อน และเอ่ยคำพูดปลอบใจไปยาวเหยียด ในจังหวะหนึ่งปารารินพลั้งปากพูดบางสิ่งที่ไม่ควรออกไป
“เฮียทานต์ยังมีรินนะคะ รินรักเฮีย”
ใบหน้าที่มองมายังเธอด้วยความตะลึงตกใจของเฮียทานต์ ทำให้ปารารินรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป และแววตาของเฮียทานต์ก็แทบทำให้เธอผงะเลยทีเดียว
“พูดอะไรแบบนั้นริน” สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยคำตำหนิอย่างแรงซึ่งปารารินสัมผัสได้ เพราะมันรุนแรงกว่าเมื่อครู่มากนัก
เฮียทานต์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว...แต่ปารารินก็ยังทำใจดีสู้เสือ เธอไม่มีทางยอมแพ้เพียงแค่นี้แน่ โอกาสของเธอมาถึงแล้ว ปารารินขอลองดูสักตั้ง อย่างน้อยเธอจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
“รินรักเฮียทานต์นะคะ รักแบบที่ผู้หญิงรักผู้ชาย...เอ่อ เฮียตัดใจจากพี่หมิวเถอะนะ เขากล้าหักหลังเฮียขนาดนั้นแสดงว่าพี่หมิวไม่ได้รักเฮียเลย ปล่อยเขาไป...”
“หยุดพูดอะไรบ้า ๆ ซะทีริน เราอายุแค่นี้จะมารู้อะไร”
“รู้สิเฮีย รินรู้ใจตัวเองมาตั้งนานแล้ว รินไม่ได้รักเฮียเหมือนรักเฮียปก รินรักเฮียทานต์จริง ๆ นะ” สารภาพออกไปอย่างไม่อาย เพราะคิดว่าเฮียทานต์อาจหันมามองเธอบ้างถ้ารู้ความจริง
แต่เปล่าเลย ความรักของเธอถูกปฏิเสธอย่างไร้ค่า
“เอาเวลาไปตั้งใจเรียนก่อนดีว่าไหม รินยังเด็กอย่าเพิ่งคิดเรื่องผู้ชายเลย”
คำพูดแสนเจ็บปวดนั้นทำให้เด็กสาวรู้สึกหน้าชาไปนานเลย แต่ปารารินก็ยังไม่ยอมแพ้เพราะหลังจากวันนั้น เธอพยายามตื้อเฮียทานต์ทุกทางด้วยการตามติดชายหนุ่ม
เด็กสาวทราบดีว่าเฮียทานต์ชื่นชอบฝีมือทำอาหารของเธอ ปารารินจึงขยันทำอาหารไปส่งให้ทุกเช้า บางวันเฮียทานต์ออกจากบ้านเร็ว เธอก็นำไปส่งให้ถึงมหาวิทยาลัยจนใครต่อใครเข้าใจว่าเฮียทานต์เป็นแฟนกับเธอจริง ๆ
นำมาซึ่งการแตกหักจริงจังในวันหนึ่ง เนื่องจากเฮียทานต์ได้สั่งห้ามเธอเข้าใกล้และห้ามทำอะไรแบบนี้อีก ท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาที่จับกลุ่มกันอยู่ใต้ตึกเรียน...และต่อหน้าพี่หมิว!
ยังความอับอายและอดสูให้ปารารินจนแทบไม่มีหน้ากลับไปเหยียบที่นั่นอีก
สายตาขบขันเห็นเธอเป็นตัวตลกที่พี่หมิวมองมา รวมทั้งเสียงซุบซิบทับถมเหล่านั้นทำให้ปารารินเกิดความสะเทือนใจมาก
รักแรกของเธอดับวูบลงตั้งแต่นั้นมา เหลือไว้เพียงรอยร้าวเล็ก ๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเฮียทานต์เริ่มตีตัวออกหากด้วยการหายหน้าไปเลย เขาไม่เคยมาที่บ้านหลังนี้อีกโดยให้เหตุผลกับเฮียปกว่ากำลังยุ่งเรื่องเรียนเพราะปีสุดท้ายแล้ว รวมทั้งงานที่พ่อแม่มอบหมายให้ดูแลก็มีปัญหาให้ต้องจัดการหลายอย่าง
แต่ทว่าความรักที่ปารารินมีต่อเฮียทานต์ยังคงมีอยู่เหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย...
ทุกวันนี้ปารารินยังคงรักเฮียทานต์ไม่เคยเปลี่ยน แค่เธอต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้กับตัวเองไม่เคยแสดงออกให้เขารับรู้อีก
โลกใบเล็กที่เคยมีเฮียทานต์คอยส่องแสงให้สว่างสดใสกลับหม่นหมองลงเรื่อย ๆ เนื่องจากปารารินตัดทุกช่องทางที่เกี่ยวข้องกับอีกฝ่าย โซเชียลทุกอย่างถูกบล็อกไม่รับรู้อะไร บ้านที่เคยไปมาหาสู่กันได้อย่างสนิทใจก็ไม่เคยเหยียบเข้าไปอีกเลย โดยเธอตั้งความหวังเอาไว้ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ปารารินจะกลับมาทวงความรักความสนใจจากเฮียทานต์อีกครั้ง
วันเวลาล่วงเลยมากระทั่งปารารินใกล้จบมอปลาย เตรียมยื่นคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งแน่นอนว่าเธอเลือกมหาวิทยาลัยอื่น เพื่อเลี่ยงการพบเจอกับเฮียทานต์ และมันสร้างความไม่พอใจและแปลกใจให้เฮียปกเพราะอีกฝ่ายไม่ได้รู้เรื่องความบาดหมางของน้องสาวตัวเองกับเพื่อนสนิทเลย
$%&@#$%&*%$...
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะย้อนคิดถึงความทรงจำแต่เก่าก่อน
ปารารินเด้งตัวขึ้นนั่งหันซ้ายหันขวาหาโทรศัพท์ที่กำลังแผดเสียงลั่นอยู่บนโต๊ะข้างจอทีวี เธอกระโดดเข้าไปคว้ามันแล้วกดรับอย่างเร็วเพราะขืนช้ากว่านี้คงโดนบ่นจนหูชา
พี่ชายของเธอมักจะโทร.มาเวลาเดิมทุกวัน เขาทำหน้าที่แทนป๊ากับม๊าได้ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้ตัวจะอยู่ห่างกันแต่เรื่องความห่วงใยไม่เคยห่างหาย
“ค่ะเฮีย...” กดรับสายแล้วรีบเอ่ยทักทายด้วยเสียงใส ยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นโวยวาย
“ทำอะไรอยู่ริน เฮียรอสายตั้งนานเนี่ย”
“รินเผลอหลับค่ะ กินข้าวเสร็จนั่งดูทีวีเลยเผลอหลับ” แอบพูดปดเล็กน้อยเพื่อความสบายใจของพี่ชาย หัวเราะเบา ๆ ดีนะที่วันนี้เฮียปกไม่ได้วิดีโอคอลมา ไม่งั้นคงได้เห็นร่องรอยความทุกข์ใจบนใบหน้าเธอเป็นแน่
“แล้วปิดบ้านปิดช่องเรียบร้อยดีหรือเปล่า”
ปารารินยิ้มให้ประโยคที่ได้ยินเป็นประจำทุกครั้งเมื่อพี่ชายโทร.มา
“เรียบร้อยค่ะ รีบปิดตั้งแต่เข้ามาแล้วค่ะ ข้างบ้านเอาอีกแล้วเฮีย เสียงดังมากเลยอะ” ปารารินบ่นให้ฟัง เดินไปแหวกผ้าม่านมองไปบ้านติดกันซึ่งตอนนี้เสียงเพลงและเสียงพูดคุยเฮฮาดังกระหึ่ม
“อีกแล้วเหรอ”
“ค่ะ วันนี้คงรวมตัวกันตั้งแต่เย็น ดูเหมือนมีปาร์ตี้วันเกิดอะไรสักอย่างนี่แหละ รินก็ยังแอบกลัว ๆ อยู่เนี่ย”
“อะไร มันทำอะไร” เสียงร้อนรนทันที
“ก็คงเป็นเพื่อน ๆ ยายน้องนุ่นแหละค่ะ แต่รอบนี้มีผู้ชายเต็มเลยตอนรินเดินเข้าบ้านก็มีเสียงแซวกันมันปากไปเลย” ปารารินเผลอบ่นให้ฟัง
เฮียปกเองก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ โชคร้ายที่เจอเพื่อนบ้านเป็นพวกเด็กแว้น ชอบพากันมาจัดปาร์ตี้ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน
ปารารินเห็นเริ่มตั้งวงกันตั้งแต่ก่อนเธอกลับเข้าบ้านแล้ว ตอนนี้คงจะเมาได้ที่เลยเปิดเพลงเสียงดัง
“เดี๋ยวเฮียบอกไอ้ทานต์ให้มาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า รินรอเดี๋ยว...”
“เฮียไม่ต้อง!” ปารารินรีบส่งเสียงห้ามทันที
“ทำไมล่ะ ให้ไอ้ทานต์มาอยู่ด้วย เฮียไม่ไว้ใจไอ้พวกนั้นเลย เมาเข้าไปแล้วมันอาจคึกคะนอง ยิ่งมันรู้ว่ารินอยู่บ้านคนเดียวยิ่งอันตรายนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเฮีย รินอยู่ได้ บ้านเรามีรั้ว มันคงไม่กล้าเข้ามาทำอะไรบ้า ๆ หรอก” แม้จะบอกออกไปแบบนั้น แต่ในใจก็อดกลัวไม่ได้เพราะเสียงเพลงและเสียงพูดคุยคะนองปากดังแว่วเข้ามาเป็นระยะ
ปารารินคุยโทรศัพท์กับพี่ชายอีกไม่กี่คำก็ขอตัวเข้านอน วันนี้เธอเจอเรื่องวุ่นวายจนหัวใจทำงานหนักเกินไปแล้ว
ใบหน้าบึ้งตึงของเฮียทานต์และคำสั่งห้ามของเขาสร้างความหนักใจให้ปารารินมากพอสมควรก็จริง
แต่ทว่าครั้งนี้เธอขอทำตามความตั้งใจเดิม เพราะเหลืออีกไม่กี่วันก็ถึงสิ้นเดือน จากนั้นปารารินจะไม่ไปทำงานที่นั่นอีกแล้วเพราะมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำต่อไป