"นายเป็นอะไรไปวะ หน้าบึ้ง ไม่สดชื่นเอาเสียเลย"
ปรณัยทัก ไม่รู้ต้นสาเหตุ ที่ทำให้เพื่อนรักสุดหล่อแต่มาดขรึมคนนี้ มีอารมณ์หัวเราะร่าเริงเหมือนคนอื่น
ทั้งที่ภูอนล เป็นคนที่สนุกสนานร่าเริงในกลุ่มเพื่อนๆ ตลอดมา
ภูอนลจะตอบกับปรณัยได้ยังไง สาเหตุคือผู้หญิงตรงหน้า ที่หล่อนทั้งสวยฉาบเสน่ห์พราวพิลาศไปหมด มากับผู้ชายอีกคน ทั้งที่คบกับเขาแต่เมื่อปรนัยจ้องสายตา ไปที่สตรีร่างระหงที่ใครๆ กำลังจ้องมองไปที่หล่อนเป็นจุดเด่น
"อ้อ ช่องิ้ว" ปรณัยอุทานออกมา
"เอ ทำไมล่ะ ผู้หญิงสวยๆ แบบนี้ นายต้องทำอารมณ์มึนตึงด้วย ไม่ชอบใช่ไหม"
ตอบรับหรือปฏิเสธกับปรนัยดี ซึ่งมันมากกว่านั้น หมายถึงความสัมพันธ์ที่เขาพยายามสานต่อให้ลึกซึ้งกับหล่อน
คนอย่างเขาหรือจะเมินข้ามความสวยของผู้หญิงคนนี้ เขารักหล่อนต่างหาก รักมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น หล่อนไม่น่ามีอาชีพแบบนี้เลย
"ฉันชอบหล่อน แต่ไม่ชอบไอ้เด็กนั่น"
ภูอนลสารภาพออกมา
ปรณัยอึ้งและเงียบไปทันที คำพูดนั้นชัดเจน แต่เขาก็หัวเราะพร้อมกับปลอบเพื่อน
“ผู้หญิงอย่างช่องิ้ว ใครๆ ก็รู้จัก หล่อนคบหาผู้ชายเปลี่ยนคู่ควงมาแล้วหลายคน มีผู้ชายหน้าโง่ หลายคน ที่อยากได้ตัวหล่อน"
"อย่าบอกนะว่าหมายถึงตัวแกด้วยไอ้ณัย"
เสียงตึงเข้มอย่างไม่พอใจจากภูอนล อย่างน้อย มันก็ไม่รู้จักเท่าเขาหรอก
เวลานี้ชิดชลัยกับเขาคบหากันแบบเปิดเผย ไม่ชอบเลย ผู้หญิงที่เขารัก ไม่ปรารถนาให้เป็นนางโลม หรือให้ผู้ชายคนไหนมาแทะโลมหล่อนด้วยสายตา
ปรนัยเงียบไปทันที พูดแบบนี้ชัดเจน ภูอนลกำลังตามจีบช่องิ้วอยู่
"หมายความว่านายกำลังคบหาอยู่กับเธอเหรอ"
"ฉันไม่จำเป็นต้องบอก ถ้าลองคิดในแง่ไม่ดีกับผู้หญิงคนนี้ ฉันเอาเรื่องนายแน่ ปรนัย บางทีอาจไม่เป็นเหมือนที่คนอื่นคิด ถ้านายอยู่ใกล้ชิดกับเธอ”
ที่สุดชิดชลัยมองตรงมา หล่อนสีหน้าตกใจ แต่ใบหน้าของภูอนลกลับนิ่ง หล่อนจะอธิบายกับเขาได้อย่างไรนี่คืองาน รัชนินทร์หรือนายต่อเป็นแค่เกม
ซึ่งหล่อนไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากเขา แต่เกมของหล่อนจะต้องดำเนิน
"คุณช่อมองอะไรครับ"
เห็นว่าหล่อนมองฝั่งหนึ่งเนิ่นนาน ดวงตานั้นตกตะลึง
"เปล่าค่ะ ดูไปเรื่อย เผื่อมีคนที่รู้จัก เอ้อ ฉันหมายถึงเพื่อนนะค่ะ อาจมาเที่ยวด้วย"
กว่าหล่อนจะเอาตัวรอดได้ ชิดชลัยรู้สึกสั่นอยู่ข้างในการที่มีภูอนลมาอยู่ใกล้ๆ ที่จริงควรจะเป็น
"ช่อว่าเราลุกไปนั่งด้านในกันเถอะค่ะ คุณต่อ”
ด้านในเป็นห้องแอร์ เย็นสบายและกั้นจากภายนอก จุดประสงค์ของชิดชลัยคือต้องการหลบเขานั่นเอง
"ตามใจคุณช่อครับ ดีเหมือนกันตรงนี้รู้สึกเบื่อ"
รัชนินทร์กับหล่อนลุกขึ้นไปพร้อมๆ กัน
ชิดชลัยนั่งอยู่ตรงนี้ได้นาน ถึงเวลาสมควร ที่จะกลับบ้าน รัชนินทร์พึงพอใจหล่อน ถึงขนาดขอตามไปส่งที่พัก ชิดชลัยไม่ปฏิเสธ เนิ่นนานอย่างนี้แล้ว ภูอนล คงจะกลับ
หล่อนดูเขาเต้นเหมือนเท้าไฟ ออกลวดลายขณะที่ชิดชลัยไม่เคยเต้นรำหรือแดนซ์ หล่อนชอบนั่งดูมากกว่า
ตกใจอีกครั้ง กำลังไปที่รถของหล่อน พบร่างสูงโปร่งของภูอนลยังอยู่ ดีที่เขาไม่เห็นหล่อน จากแสงไฟสาดสว่าง รถหล่อนนั้นจอดอยู่ไม่ไกล
รัชนินทร์ต้องการจะไปส่งหล่อน แม้จะบอกเขาแล้ว
"อย่าเลยค่ะ มันดึกแล้ว ช่อเกรงใจคุณต่อมากกว่า"
"ไม่เป็นไรครับ อย่าพูดว่าเกรงใจ ผมต้องการไปส่งคุณช่อ"
แล้วชิดชลัยถอนหายใจ เมื่อภูอนลเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องขับออกไป
ศิริวรรณฉวีดูบุตรชายที่คล้ายครุ่นคิดมาเนิ่นนานอย่างแปลกใจ เมื่อพบเจอในเช้าของวันที่ทำงาน แม้จะอยู่กันคนละบ้าน เธอทราบดีว่าบุตรชายนั้นพักอยู่ที่คอนโด ซึ่งเขาได้ซื้อจับจองเป็นเจ้าของ
ส่วนเธอเป็นทั้งแม่และเป็นแม่บ้านให้กับสามี และลูกชายอีกคนกลัดกลุ้มใจของลูก ทำให้เธอผู้เป็นแม่พลอยไม่สบายใจด้วยแต่จะว่าไปนั้น ภูอนล เป็นคนประเภทนี้ แต่ไหนแต่ไร ไม่ค่อยปริปากบอกแม่ อดทนเสียเหลือเกิน เก็บงำทุกสิ่งไว้คนเดียวแบบนี้คุณศิริวรรณฉวีไม่เห็นด้วย
ภูอนลกลายเป็นหนุ่มใหญ่แล้วในปัจจุบันนี้มีความรับผิดชอบ คิดอ่านมากขึ้น
“ไม่สบายใจเรื่องอะไร ภูบอกแม่บ้างสิ อย่าเก็บไว้คนเดียว ให้แม่ช่วยระบายบ้างเถอะ”
“ไม่มีหรอกครับ ภูไม่มีอะไรที่หนักใจ แม่สบายใจเถอะ”
เขาซ่อนความรู้สึกที่ไม่อยากให้มารดารู้ ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ เขาจัดการกับปัญหานี้ได้นางเป็นแม่ ย่อมรู้อะไรดียิ่งกว่าเขา อุปนิสัยของลูกที่เลี้ยงดูแต่อ้อนแต่ออก ภูอนลสุภาพอ่อนโยน ไม่ชอบใช้ความรุนแรง ถ้าไม่สิ้นสุดความอดทน
เขาโทร.ไปหาชิดชลัย แต่ไม่ได้รับสาย ถึงห้าสาย ทำให้ทั้งว้าวุ่น คิดมากหรือยังไม่ตื่น
เชื่อที่ความรู้สึกของเขา มันลุ่มหลงหล่อน จนไปถึงการหวงแหน แม้ยังไม่ตีตราจอง แต่เขาจะหาทางขอแต่งงาน
หญิงสาวยังไม่ลุกจากที่นอน เมื่อคืนนี้หนักมากและดึก มารดาไม่ได้มาปลุกหล่อน ตายจริงเกือบจะสิบเอ็ดโมง ครั้นเหลือบมองดูที่โทร.อีกครั้ง ปรากฏว่ามีสายเข้ามาถึงห้าสาย ของภูอนล หล่อนนึกขอโทษ จึงตัดสินใจโทร.กลับ
ภูอนลดีใจมาก ที่สายของหล่อนดังขึ้น รีบรับสายทันที
“ชลัย นึกว่าคุณจะไม่ยอมรับสายของผมเสียแล้ว ทำอะไรอยู่ครับ คงวุ่นๆ หรือว่า เมื่อคืนกลับดึก คุณคงเพลียจัด”
หล่อนไม่ปฏิเสธว่า ก็เจอเขาในผับ แต่ไม่อยากพูด
“ค่ะ ชลัยขอโทษคุณภูด้วย”
“คงเพราะ คุณมัวแต่ไปเที่ยวจนดึก”
เขากลั้นคำพูดเอาไว้ หากพูดแรง อยากจะถามมากกว่านั้นอีก
“อย่าบอกนะ ที่เจอคุณเมื่อคืนนี้ ผับแถวทองหล่อ มันเป็นงานของคุณอีก”
แต่ก็ถามเพราะความอยากรู้
“ใช่ค่ะ” ชิดชลัยตอบ มันเกี่ยวกับงานจริง และงานสำคัญสำหรับหล่อนอย่างมาก ซึ่งเขาไม่มีทางรู้
สีหน้าภูอนลยังกังวล
“ทำให้ผมเชื่อใจคุณได้มั๊ย ว่ามันยังเป็นเหมือนเดิม คุณไม่ได้หลอกลวงผม”
ชิดชลัยนิ่งอึ้ง ทำไมหล่อนจะไม่เชื่อใจ ทุกวินาทีก็เชื่อเขา ไม่มีสิทธิ์ห้าม หากเขาจะทำอะไร
“เอาเป็นว่า ชลัยยังเหมือนเดิมค่ะ”
หล่อนกล่าวสรุป ไม่ให้ต้องต่อล้อต่อเถียง ถ้าหากมันไม่จบ หรือเขาไม่เชื่อ มันก็สุดแล้วแต่เขา เพราะหล่อนทำให้เขาเชื่อใจหล่อนไม่ได้ ทั้งที่หล่อนเอ่ยปากออกไปแล้ว
“เชื่อคุณสิ ผมเชื่อเสมอ ถ้าไม่เชื่อคุณ แล้วจะให้ผมไปเชื่อใครล่ะ ชลัย”
“ขอบคุณค่ะ ที่ความไว้เนื้อเชื่อใจของคุณต่อชลัยไม่ได้จางลดลงไป”
“แต่อย่าทำแบบนี้บ่อย ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูน รักษาและทะนุถนอมหัวใจผมด้วยอย่าให้มันแตกสลาย”
“ค่ะ ชลัยเข้าใจ จะจำไว้และไม่ให้ทำให้คุณภูผิดหวัง”
เมื่อได้คุยกับหล่อนความสบายใจของเขาก็กลับมาเหมือนเดิม ภูอนลมีอาการกระปรี้กระเปร่าขึ้นไม่ได้เป็นเหมือนไก่หงอยเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ที่แน่ยิ้มออกมาได้ ที่หล่อนอธิบายออกมา
ชิดชลัยคิด น้อยคนนักที่จะเข้าใจเธอ คำว่าเหนื่อยมันมีหลายสาเหตุ หล่อนไม่ได้เหนื่อยในการวิ่งรอกหรือไปตามสถานที่ต่างๆ ยังจุดนัดพบ หรือแล้วแต่ผู้ว่าจ้างบงการ
แต่มันไม่หนักหนาเท่าเหนื่อยใจ เหนื่อยจริง ก็เพราะเขาคนนั้นด้วย
นางเตือนอนงค์ถามบุตรสาว
“ตั้งแต่เช้าแล้วไม่มีอะไรตกลงถึงท้อง จะทานข้าวต้มกุ้งสักชามไหมลูก แม่เพิ่งทำเสร็จ”
เตือนอนงค์ยืนอยู่หน้าห้องบุตรสาว ที่ขึ้นมาดูเพราะว่าจนป่านนี้นี้แล้ว ลูกสาวควรตื่นสักที
และชิดชลัยตื่นแล้ว สีหน้าของผู้เป็นแม่ระบายด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ผู้เป็นลูกสาวที่ยังไม่ได้ลุกไปอาบน้ำผมเผ้านั้นดูกระเซิง