@22.15 น.
“อื้อ หิวน้ำจัง” ฉันรู้สึกหิวน้ำเลยลืมตาขึ้นมา ใช้มือควานหาเหยือกน้ำที่วางไว้โต๊ะข้างเตียงแล้วเทดื่ม อึกๆ อา สดชื่นจัง พอร่างกายได้รับน้ำแล้วก็รู้สึกตื่นเต็มตา เหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้างเตียง
“สะ สี่ทุ่มแล้วเหรอ” นี่ฉันนอนหลับนานขนาดนี้เลยเหรอ จำได้ว่าตอนนั้นแค่บ่ายแก่ๆ เองนะ พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วจึงหันมองหาต้นตอของคนที่ทำให้ฉันสภาพเป็นแบบนี้
“ไม่อยู่??” อีกแล้วเหรอ จะวนลูบเหมือนครั้งแรกงั้นสิ พอคิดแล้วก็ได้แต่น้อยใจเขาเบาๆ “อะไรน่ะ” พอทำใจได้ จะลุกไปอาบน้ำ สายตาก็เหลือบเห็นโพสอิทใบหนึ่งแปะอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงใกล้ๆ เหยือกน้ำเมื่อกี้
‘พอดีเฮียไททันเรียกเข้าคลับ บอกมีเรื่องจะปรึกษา เห็นหลับอยู่เลยไม่ได้ปลุก ถ้าจะมาหาที่คลับก็โทรมานะ โซลอยู่ถึงเช้า’
มุมปากฉันยกยิ้มทันทีที่อ่านจบ
“อย่างน้อยครั้งนี้นายก็ไม่ได้ปล่อยให้ฉันตามหาจนจะเป็นบ้าเหมือนครั้งที่แล้ว” ฉันพูดกับเจ้าของโพทอิทนี้เบาๆ
ห้าสิบนาทีต่อมา
ให้ตายสิ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวนานเป็นพิเศษ ก็เพราะคนหื่นอย่างโซลไง ที่เขาทิ้งร่องรอยช้ำเป็นจ้ำๆ เอาไว้เต็มทุกตารางผิวฉัน ครั้งนี้มันเกินไปแล้วนะ แทบจะไม่มีที่ว่างในร่มผ้าที่เป็นสีผิวจริงฉันเหลืออยู่เลย
ไลน์!!
จังหวะที่กำลังง่วนอยู่กับการบ่นด่าเจ้าของรอยแดงบนเนื้อตัวอยู่นั้นเสียงไลน์กลุ่มก็ดังขึ้น
Nadear : อยู่ไหน ว่างม่ะ จะชวนไปดริ้ง เบื่อ!
ฉันอ่านจบก็เบะปากมองบน แล้วตอบกลับไป
Kamsai Love : ปกติไม่เบื่อ ก็ไปแทบทุกคืนหรือเปล่าคะ ขุ่นเพื่อน
แซะนิดๆ ชีวิตแจ่มใส คนยิ่งกำลังหงุดหงิดที่เพิ่งกลบรอยบนตัวเสร็จ
Nochii สวยเริส ชะนีอาย : ที่ไหน พิกัดด่วน หิวผู้มากกกก
ยัยนี่ก็นะ ฉันว่าให้เพื่อนแต่ละคนในใจ นั่งยิ้มให้กับความไม่เคยทุกข์ไม่เคยร้อนของยัยนุชชี่
Nadear : ที่ไหนก็ได้ ยกเว้น TS – Club
หืม! อ่านจบก็ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก อะไรกัน ปกติก็ต้องจบที่นี่ทุกทีนี่
Nochii สวยเริส ชะนีอาย : ทำไมฮร้า
ฉันกำลังจะพิมพ์ถาม ยัยนุชชี่ก็ชิงถามตัดหน้าไปซะก่อน
Nadear : ตุ๊ด มารับด้วย ขี้เกียจขับรถ ไปไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ที่นั่น เคนะ
Nochii สวยเริส ชะนีอาย : พิการไง ถึงขี้เกียจ
ฉันนั่งหัวเราะเมื่ออ่านข้อความที่ยัยนุชชี่แขวะให้ยัยเดียร์ เมื่อไหร่จะเลิกทะเลาะกันเองก็ไม่รู้ยัยสองคนนี้
Kamsai Love : พวกแก ไปกันเถอะ ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ
คือใจก็อยากไปเที่ยวอยู่หรอกนะ อีกอย่างก็อยากไปหาโซลด้วย แต่สภาพฉันตอนนี้บอกเลยว่า เละ กว่าครั้งแรกมากๆ
Nadear : อย่ามา ไม่ไปมีเลิกคบ
ยัยเดียร์พิมพ์มาเหมือนจริงจังมาก ถ้านั่งอยู่ต่อหน้าคงกระโดดกัดคอฉันแล้วมั้ง
Nochii สวยเริส ชะนีอาย : ตามนั้นย่ะ เที่ยงคืนเจอกัน เดี๋ยวไปรับ
เออดี พูดเองเออเอง แล้วก็ออกจากไลน์กันไปหมด ทิ้งให้ฉันนั่งทำหน้าเหวอหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอยู่คนเดียว สรุปฉันต้องออกไปสภาพนี้จริงดิ
@Yukkii Casino
ภายในห้องหรู ที่ตกแต่งด้วยโทนสีเทาดำ มีชายหนุ่มรูปงามกับหญิงสาวหุ่นอวดองค์ กำลังเริงรักอยู่ที่โซฟากลางห้องอย่างเร่าร้อน ราคีคาวนี้พวกเขาไม่กลัวว่าเจ้าของห้องตัวจริงจะเปิดประตูเข้ามาเจอเลย
[Seoul’s part]
“อ๊ะ อื้ม ซีด”
“อ่า อีกนิด”
“บะ เบาๆ อ๊ะ ระ แรงอีก”
ผลัก!! อยู่ๆ ผมก็หมดอารมณ์ซะงั้น เพราะสมองแม่งมีหน้าแก้มใสโผล่เข้ามาน่ะสิ ว่าแต่ยัยนี่ชื่ออะไรวะ ผมจำไม่ได้ รู้แค่ว่าหลังเข้ามาที่บ่อนไอ้ยูกิ เห็นผู้หญิงคนนี้สวยดี หน้าอกอึ๋มโดนตา เลยลากมาที่ห้องทำงานไอ้ยูกิแล้วซั่มเลย
แต่ดันไม่เสร็จเพราะความรู้สึกอยาก อยู่ๆ ก็หดไป ผู้หญิงคนนี้แม่งรสชาติขมปร่า ไม่เห็นหอมหวานเหมือนยัยแก้มใสนั่นสักนิด
“หยุดทำไมล่ะ ซอนกำลังเสียวเลยนะ” เสียงคนที่ผมผลักออกเมื่อครู่ดังขึ้น ทำให้ผมปรายหางตามอง อ๋อ ชื่อซอนสินะ ช่างหล่อนดิ ตอนนี้แม่งหงุดหงิด
“ออกไป” ผมพูด พร้อมส่งสายตาดุดัน เป็นเชิงสั่ง
“ชิ คิดว่าหล่อแล้วจะแคร์เหรอ ซอนไปหาเอาข้างล่างก็ได้” ให้ตาย รำคาญเสียงยัยซอน ห่าเหวอะไรนี่ฉิบหาย
“เป็นบ้าไรวะ” อยู่ๆ ไอ้ยูกิก็ถามขึ้น
“ไอ้นี่ คิดจะเข้าก็เข้าไม่มีเคาะประตูสักนิด” ปรายตามองมันอยากด่าทอ
“นี่บ่อนกู ห้องกู อย่าลืม” มันตอบเสียงเรียบเฉยกลับมา เออลืมไปนี่มันห้องทำงานมัน บ่อนมัน จะมีมารยาททำไม
ก็หลังจากที่เมื่อกลางวันผมไปหาแก้มใส เพื่อเดินแผนบางอย่างเสร็จก็ทิ้งยัยนั่นที่หลับเป็นตายไว้ที่ห้อง ปลีกตัวออกมาหาไอ้ยูกิที่นี่ทันที
‘ยุกกี้คาสิโน’ ที่นี่เป็นบ่อนของไอ้ยูกิน่ะ จะว่าถูกกฎหมายเลยร้อยเปอร์เซนก็ไม่เชิง เพราะมันมีด้านสีเทาคลุมเครือในบ่อนแห่งนี้
อ้อ แปลกใจเหรอ ว่าทำไม ไม่ใช่ชื่อ ยูกิคาสิโน พอดีว่า ม๊ามันน่ะอินดี้ อยากให้ชื่อฟังแปลกหูชาวบ้าน เลยตั้งชื่อนี้ให้ ไอ้นี่ก็รักแม่มันมากไงครับ ตามใจทุกอย่าง เห็นเยือกเย็น พูดน้อย แต่มันเป็นคนโหดนะครับ โหดที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้ ทั้งโหดทั้งเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ก็นะ ไม่โหดคงคุมบ่อนไม่ได้
“มาหามีไร” มันถามผม แต่แม่งก็กดแต่มือถืออยู่นั่น ไม่รู้มีไรดี เห็นติดจัง
“เบื่อ เซ็ง หงุดหงิด มาหาไม่ได้” ผมทำหน้าหน่ายๆ ออกไป
ที่จริงก็กะจะมาถามเรื่องรูปของมันกับแก้มใสที่มีคนถ่ายได้นั่นล่ะ อยากรู้ว่ามันถึงไหนๆ แล้ว เพราะเมื่อกลางวันผมลองแล้วก็ไม่เห็นจะหลวมอะไร
“แน่ใจว่าแค่นั้น หน้ามึงมันฟ้อง” มันเงยหน้าจากมือถือแล้วมองหน้าผมนิ่ง แววตามันกำลังสแกนอารมณ์ผมตอนนี้
“ก็ ไม่มีอะไร แล้วเหยื่อกูส่งต่อเป็นไง ถูกใจเปล่า” บ้าชิบ ปากถามมัน แต่ทำไมถึงต้องขบกรามแน่น แถมน้ำเสียงยังเหมือนประชดมันกลายๆ อีก
“เป็นเอามากนะมึง” ไอ้ยูกิไม่ยอมตอบคำถามผม แต่เหมือนมันจะหมายถึงหน้าตาผมหรือเปล่าที่บอกว่าผมเป็นเอามากน่ะ
“กูไม่น่าถามมึงเล้ย” พูดเบาๆ แล้วเหล่มองหน้ามัน
“ไม่ได้ขอ” ครับ แหม่ มึงไม่ได้ขอกูเสือกเอง
“เออ ลืมตอบ” อยู่ๆ มันเหมือนนึกขึ้นได้ล่ะมั้ง ว่าจะต้องตอบคำถามผม
“ช่วยพูดยาวๆ ม้วนเดียวจบได้มั้ย กูคุยกับคนหรือก้อนน้ำแข็ง เย็นชาชะมัด” รู้เลยว่าตอนนี้ผมต้องทำหน้าหงุดหงิดมากๆ ใส่มันแน่เลย
“เชี่ย กูเป็นมานานแล้วป้ะ” มันเลิกคิ้ว ยักไหล่ เป็นเชิงไม่สนที่ผมว่าให้
“แล้วสรุปมึงจะพูดอะไร กูจะได้รีบๆ กลับ” ไอ้นี่มันต้องกระตุ้น ถึงจะคุยรู้เรื่อง
“ที่มึงถามเรื่องผู้หญิงคนนั้น” ผมรีบหันขวับไปจ้องหน้ามัน
“แล้วเป็นไง เจ๋งป่ะล่ะ” ถามเอง หงุดหงิดเอง เป็นเชี่ยไรวะไอ้โซล
“เจ๋งกับผี” ผมขมวดคิ้วยุ่งทันทีที่มันตอบ
“ตกลงมึงไม่เจอยัยนั่น” ไอ้ยูกิแม่งพูดอะไรของมัน มันพูดเหมือนไม่ได้เจอแก้มใส แล้วในรูปที่ดาด้าให้ดู ที่มันกำลังนัวเนีย กอดแก้มใสยังกะจะสิงกันได้คืออะไร
ตุ้บ แกร้ง!! พอนึกถึงเรื่องรูปแล้วอารมณ์เสีย เลยวางแก้วเหล้าที่กำลังจะยกดื่มลงโต๊ะเต็มแรง
“เดี๋ยวแม่งแตกให้ได้” มันปรายตามองผมเชิงไม่พอใจนิดๆ เออ แก้วแค่ไม่กี่บาท กูซื้อให้คุณมึงร้อยโหลก็ได้ เชี่ยนี่
“มึงก็บอกมาสิวะ” เร่งเร้ามันอีกรอบ แต่น้ำเสียงผมยังติดหงุดหงิดอยู่ดี
“กูไม่เจอไง เจอแต่วิญญาณโซฟา แล้วมึงจะโมโหเพื่อ?” มันพูดแล้วส่งสายตาค้อนๆ พร้อมกับจับผิดมาให้ผม
“มึงไม่เจอได้ไง ก็กูเห็นรูปอยู่” ทนไม่ไหว เลยพลั้งปากพูดไป
“รูป?” เบื่อหน้าตายด้าน ของมันจริงๆ
“ก็มีมือดีถ่ายมึงหน้าคลับไง” ทำเป็นความจำสั้นนะครับ แหม่ ได้ข่าวเขาแท็กลงเฟสบุ๊คมึงป่าวครับ
“รูปในเฟสกู คนนั้น?” มันเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“ก็เออไง อย่าบอกว่ามึงไม่ได้เจอเธอในคลับแล้วลากออกมา”
“กูเจอหน้าคลับ เธอกำลังจะล้ม เลยช่วย” คิ้วผมขมวดพันกันยิ่งกว่าเดิมกับคำตอบที่ได้ยิน
“อ่อยมึงน่ะสิ ผู้หญิงมารยาเยอะก็แบบนี้ สงสัยจะอ่อยเป็นสันดาน” ผมเบะปากแบบรังเกียจ เมื่อนึกถึงหน้าของแก้มใส
“อ่อยไม่อ่อยไม่รู้ แต่เธอเหมือนเจ็บเท้า กูเห็นเดินเขย่งเท้าออกมาตั้งแต่หน้าคลับแล้ว” ไอ้ยูกิจ้องตาผมนิ่งตอนพูด มันไม่ได้โกหก เพราะแววตามันจริงจัง ไม่มีสั่นไหว ผมทำหน้าสงสัยใส่มัน ก่อนออกมาแก้มใสก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ แล้วจะเจ็บเท้าได้ไง
“มารยา มึงอ่ะไม่ทันมารยาหล่อนหรอก ยัยนั่นน่ะร้ายกว่าที่มึงคิด”
พูดจบก็แสยะยิ้มออกมา คนเลวอย่างยัยนั่น คงคิดอ่อยเหยื่อไปทั่วสินะ
“ปากดีแบบนี้ ระวัง จะหลงมารยาเธอเข้าสักวัน” มันแค่นยิ้มเหมือนเยาะเย้ยผมเบาๆ “ไม่มีทาง” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง อย่างผมไม่มีวันหลงกลยัยนั่นได้หรอก
“ชอบว่ะ” ไม่เข้าใจคำพูดมัน เลยปรายหางตาไปมอง
“หมายถึงคำพูดมึงน่ะ ปากดีแบบนี้ กูเห็นกลืนน้ำลายตายมาเยอะ” มันยิ้มเยาะผมอีกครั้ง
“เออ เดี๋ยวมึงได้รู้ ไอ้กรุงโซลคนนี้ ไม่มีทางกลืนน้ำลายตัวเอง” ผมยืนยันอย่างหนักแน่น พวกเราเลือกที่จะหยุดบทสนทนาไว้เท่านั้น เพราะยิ่งคุย แทนที่จะอารมณ์ดีขึ้นแต่กลับเหมือนจะแซะกันไปมา กลัวจะได้วางมวยเล่นๆ
เมื่อได้สิ่งฟังสิ่งที่ต้องการ ผมเลยลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่ เอี้ยวตัวกำลังจะเดินออกไปจากห้องทำงานไอ้ยูกิ
“หนี?” ไอ้ยูกิถามเสียงนิ่ง
“เปล่า เหม็นขี้หน้ามึง” ปากพูดกับมันแต่ไม่ได้หันหน้าไปมอง
“ได้คำตอบแล้วนี่ ทิ้งกูเลย” น้ำเสียงติดงอน ผมไหวไหล่ไม่แคร์คำพูดมัน
“แล้วจะไป ทีเอสคลับป่าว กูว่าจะเข้าไปหาเฮียไททันพอดี” แต่พอจะปิดประตูลงก็ไม่วาย หันหน้าไปถามมัน
“เดี๋ยวตามไป เคลียร์งานแปป” มันโบกมือให้ผมแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน
[End part]
@TS – Club
“นี่อิตุ๊ด ฉันบอกว่าไม่มาที่นี่ไง” ยัยเดียร์รีบค้อนทันทีที่รู้ว่าปลายทางที่ยัยนุชชี่พามาเป็นที่ไหน ใช่ ตอนนี้พวกเรามาอยู่ที่ ทีเอสคลับ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ก็นะ คงจะหนีไม่พ้นคลับที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้แล้วล่ะ
“นุชชี่เปล่าบอกนะคะ ว่าไม่มาที่นี่ ดิฉันบอกแค่ว่าจะไปรับพวกหล่อน” พูดไม่พอ แต่ชี้นิ้วกรีดกรายมาที่หน้ายัยเดียร์ แล้วก็ฉันตามลำดับ
“ชิ คนยิ่งไม่อยากเจอหน้าไอ้โรคจิตนั่น” ฉันได้ยินยัยเดียร์บ่นพึมพำอะไรสักอย่าง จับใจความไม่ได้
“แล้วนั่นชะนี ว่าจะถามตั้งแต่ไปรับแล้ว เมืองไทยมันหนาวนักรึไง ทั้งเสื้อคอเต่า ทั้งกางเกงยีนส์ขายาว ไม่ใส่ถุงมือมาด้วยเลยล่ะยะ” ยัยนุชชี่มองชุดที่ฉันใส่ออกมาแล้วก็แขวะเบาๆ
“กะ ก็ฉันบอกพวกแกแล้ว ว่าฉันไม่สบาย พวกแกก็บังคับอยู่นั่นล่ะ” พอไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ฉันเลยโกหกออกไป
“เออๆ ไม่สบาย แต่ยังไม่ตาย งั้นเดี๋ยวพาแดนซ์ให้หายไข้ไปเลย” ตรรกะไหนของยัยเดียร์ แดนซ์แล้วจะหายป่วย เฮ้อ เซงเพื่อนค่ะ
พอพวกเรายืนเถียงกันเรื่องการแต่งตัวของฉันจบ ก็เข้ามาในคลับ แต่แปลกที่วันนี้พวกฉันไม่ใช่แขกดับเบิ้ลวีไอพีเหมือนทุกครั้ง เพราะถ้ามาที่ครั้งไหนๆ ต้องมีโต๊ะประจำรอพวกเราอยู่ แต่ครั้งนี้ต้องเดินหาโต๊ะว่างเอาเอง โชคดีหน่อยที่พนักงานที่นี่คงจำพวกเราได้ เลยให้ขึ้นมาชั้นสอง โซนวีไอพีของที่นี่
“เอาอะไรก็ได้ที่แรงๆ กินแล้วลืมหน้าไอ้โรคจิตทันที” นั่งก้นยังไม่ถึงโต๊ะดี ยัยเดียร์ก็ชิงสั่งเครื่องดื่มทันที
“เอ่อ...” เหมือนพนักงานรับออเดอร์จะมึนๆ งงๆ กับสิ่งที่ยัยเดียร์สั่ง
“ขอแค่บาคาดี้ พันซ์ แล้วก็ค็อกเทลอ่อนๆ ก็พอค่ะ” ฉันสั่งเครื่องดื่มเบาๆ แทน ขืนมาถึงแล้วซัดของหนักๆ มีหวัง ได้เป็นเรื่องเหมือนคราวก่อนแน่
“นี่ยัยแก้ม ฉันจะเอาแรงๆ ได้ยินมั้ย ขอแรงๆ” นาเดียร์กระแทกเสียงไม่พอใจใส่ฉัน ฉันยิ้มแหยๆ มองหน้าพนักงานรับออเดอร์ ก้มหัวเป็นเชิงบอกว่าเอาตามที่ฉันสั่ง พนักงานเลยเดินออกไป
“นี่ชะนี ไปเฮิร์ตที่ไหนมาคะลูก บอกเดี๊ยนได้มั้ยคะ” ยัยนุชชี่ที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นานโขโพล่งขึ้นถาม
“ป่าว ไม่มีไร แค่อยากเมาเวอร์ๆ เบื่อมาก” ยัยเดียร์ตอบแล้วเบือนหน้าหนี แบบนี้มีพิรุธแก้มใสรู้ทัน
“อ๊ะ ปวดฉี่น่ะ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” เพราะอากาศมันเย็นหรือฉันตื่นเต้นอะไรเนี่ย จู่ๆ ก็อยากเข้าห้องน้ำเฉยเลย
“ให้ไปเป็นเพื่อนแมะ” ยัยนุชชี่ถามขึ้น
“ไปคนเดียวได้ ฉันว่าแกอยู่คุมเชิงยัยเดียร์ดีกว่ามั้ย เดี๋ยวไปเที่ยวกัดใครเขาอีก” ฉันตอบแล้วส่ายหน้าเอือมๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น
“โอเชร รีบมานะยะ” นุชชี่ยกมือทำท่าโอเคให้ฉัน แล้วหันไปสนใจยัยเดียร์ต่อ
หลังจากรอคิวเข้าห้องน้ำประมาณสิบนาทีได้ จังหวะที่กำลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายสี่คนนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของชั้นนี้
โต๊ะที่พวกเขานั่งถ้าจำไม่ผิดคือโต๊ะที่โซลพาฉันมาคราวก่อน มันอยู่มุมสุดติดกับขอบๆ ทำให้มองลงไปข้างล่างได้ชัดเจนทุกมุม
“นั่นมัน กลุ่มโซลหรือเปล่า จริงสิ เขาบอกว่าเข้ามาคุยธุระถึงเช้านี่” เมื่อจำข้อความในโพสอิทที่โซลเขียนไว้ที่ห้องก่อนออกมา เพราะยัยนุชชี่คนเดียว นึกว่าจะพาไปที่คลับอื่นเลยไม่ได้โทรบอกโซลว่าจะมา
“ไหนๆ ก็เจอตัวแล้ว งั้นเข้าไปหาเลยแล้วกัน คงไม่เสียมารยาทหรอกมั้ง” ปากพูด แต่ขาก้าวฉับๆ เข้าไปทางโต๊ะที่กลุ่มพวกโซลนั่งกัน
“สรุปสาวสวยคนนั้นแฟนมึงจริงดิ” ขาฉันชะงักกึก ที่ได้ยินเสียงเฮียไททันถามขึ้น คิ้วขมวดนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าเฮียไททันถามถึงใคร
“คนไหนอ่ะปรั๋วขรา ใครแฟนใครเหรอฮะ” เสียงทะเล้นๆ ดังขึ้น
“แฟน หมายถึงคนที่พามาก่อนหน้านี้?” น้ำเสียงเรียบนิ่งของผู้ชายอีกคนดังขึ้นพร้อมกับพูดต่อ “ไม่มั้ง วันนั้นมันโทรบอก ว่าแชร์ต่อกู”
เฮือก!!
อยู่ๆ เหมือนร่างกายขาดอากาศหายใจ คนที่อยู่ในบทสนทนานั้นคือฉันใช่มั้ย เป็นฉันจริงๆ งั้นเหรอ แม้จะยังไม่ได้ยินพวกเขาเอ่ยชื่อตัวเองออกมา แต่ฉันมั่นใจว่านั่นต้องหมายถึงฉัน
“แชร์อะไร ไอ้โซล สรุปคนนี้ไม่จริงจัง โด่ว เฮียก็นึกว่ามึงจะทิ้งลาย”
เสียงเฮียไททันพูดขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหน หูได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังคุยกัน แค่ตอนนี้ร่างกายมันกำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินจนรู้สึกตัวเย็นจนชา
“ผู้หญิงก็เหมือนสิ่งของ เบื่อก็แชร์ พวกเราทำบ่อยไม่ใช่ไง? อีกอย่าง...”
อึกๆ ฉันพยายามกลืนเสียงสะอื้นลงคอ หลังจากที่ได้ยินเสียงเยือกเย็นที่โซลเอ่ยออกมา มันเจ็บและจุกที่อกด้านซ้ายชะมัด
‘ผู้หญิงก็เหมือนสิ่งของ เบื่อก็แชร์ … งั้นเหรอ’
นั่นคือสิ่งที่เขาคิดกับฉันงั้นเหรอ?
“อะไร พูดให้มันจบดิวะ” เสียงเพื่อนเขาเร่งเร้า ให้โซลพูดต่อให้จบ
“กูได้จนพรุนแล้ว” น้ำเสียงที่โซลพูดออกมามันช่างเฉยชาสิ้นดี
‘ได้จนพรุนงั้นเหรอ’ เจ็บชะมัด ให้ตายสิ เพิ่งมีอะไรกับฉันแค่สองครั้ง บอกว่าได้จนพรุน หัวใจเขามันทำด้วยอะไร ลับหลังฉันนายเป็นคนหยาบคายแบบนี้เหรอโซล อยากจะเดินไปกระชากหนังหัว แล้วตบสักสองสามที แต่ขามันกลับไม่ทำตามความคิด
"ถ้าไม่เอาจริงๆ แชร์ต่อกูได้นะเว้ย" เสียงผู้ชายทะเล้นๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ดึงสติฉันกลับมาฟังพวกเขาคุยกันต่อ
“อยากได้ก็เอาไปสิ อย่างยัยนั่นก็เป็นได้แค่คนฆ่าเวลาของกูเท่านั้นล่ะ”
นี่นายไม่มีความรู้สึกอะไรกับช่วงเวลาที่เราคบกันเลยสินะ ฮึกๆ น้ำตาฉันร่วงหยดแล้วหยดเล่า ไม่รู้สึกเจ็บแล้วล่ะ เพราะใจฉันมันคงชาไปแล้ว
เลวสิ้นดี นี่เหรอคนที่ฉันรักและเทิดทูน
“ไม่เลวไปหน่อยเหรอวะไอ้เสือ” เฮียไททันพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเขาบ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของโซลเท่าไหร่
“เลวก็ยอมรับว่าเลว ผมก็เป็นแบบนี้ หรือเฮียไม่เคยแชร์ผู้หญิงต่อพวกผม” โซลส่งน้ำเสียงเย้ยหยันให้เฮียไททัน
นี่ฉันมายืนบ้าอะไรตรงนี้ ทำไมต้องมาได้ยินคนที่ตัวเองรักพูดจาร้ายกาจลับหลังแบบนี้ด้วย ก้าวขาสิแก้มใส ทำอะไรสักอย่างให้ผู้ชายตรงหน้าเลิกดูถูกเธอได้แล้ว สมองสั่งแต่ร่างกายไม่ยอมตอบรับเลย
“ชอบว่ะ ระวังปากไว้ กลืนคำพูดน่ะ ไม่แมนนะครับ” เสียงเย็นชาของผู้ชายในกลุ่มพูดเหน็บโซลอีกครั้ง
“ทำเป็นพูดไป มึงก็เหมือนสนใจนี่ไอ้ยูกิ เห็นกอดกันกลมเชียวที่หน้าคลับเมื่อหลายวันก่อน”
เฮือก!!! ฉันแทบกลั้นหายใจทันที เมื่อโซลพูดจบ
‘กอดกันกลม ที่หน้าคลับ’ หรือว่าจะเป็นเขา คนที่ช่วยฉันตอนที่จะล้ม
ให้ตายสิ นี่มันรวมกลุ่มคนหล่อโฉด ชั่ว เลว หรือไงกัน ทั้งๆ ที่วันนั้นอุตส่าห์คิดว่าคนที่ชื่อยูกิน่าจะเป็นคนดี แต่ที่แท้ก็คงจะสันดานเสียพอๆ กันถึงอยู่กลุ่มเดียวกันได้